เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่31 ขอให้คุณระวังการกระทำตัวเอง ด้วย



บทที่31 ขอให้คุณระวังการกระทำตัวเอง ด้วย

การกลั้นยิ้มของหลู่ซุนฉางทำให้เสิ่นเฉียวรู้สึก ลำบากใจไม่น้อย ในใจของเธอมีภาพเรื่องที่เกิด ของเขากับเซเลบฯ (เซเลบริตี้) คนนั้นทั้งหมด “ขอบคุณประธานลู่ แต่ไม่ต้องจริง ๆ ค่ะ” เสิ่นเฉียวปฏิเสธเขาด้วยความเกรงใจ สู่สุนฉางหรี่ตาที่เรียวยาว “คุณรู้จักผมเห รอ?”

“นี่ … บริษัทตระกูลลู่เป็นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ในเมืองเป่ย กล้าถามว่ามีใครบ้างไม่รู้จักประธาน ลู่บ้าง?”

ลู่สุนฉางยืนพิงกำแพงและมองดูเธออย่าง พินิจพิเคราะห์: เอ๋ คุณร้องไห้เหรอ?”

คำถามที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันคาดคิดทำให้เสิ่น

เฉียวตะลึงงั้นแล้วจึงส่ายหน้า: “เปล่าค่ะ”

สู่สุนฉางยกมุมปากแล้วยิ้ม: “สาวน้อย อ่อน โยนบ้างทำให้คนเอ็นดูนะ เมื่อกี้คุณหลบอยู่หลัง ต้นไม้สินะ?”

ตาเธอแดง แววตาเย็นชากลับแข็งกร้าว แค่ เห็นกไม่น่าจะเป็นคนโกหก
ที่เพราะไม่โกหก จึงเลือกเป็นคนเคร่งขรึมเห

รอ?

“ผมเห็นเยโม่เซินทิ้งคุณไว้แล้วก็ไป ว่าไงล่ะ คุณอยากจะลองพิจารณาขึ้นรถผมไปไหม?”

พูดถึงเรื่องนี้ล่าสุดฉาง ยื่นมือไปข้างหน้าค่อย ๆ วางไว้ที่บ่าเธอ

เสิ่นเฉียวมีปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยการก้าวถอย หลังเพื่อเลี่ยงการสัมผัสของลู่สุนฉาง ลู่สุนฉาง จึงคว้าน้ำเหลว ค้างมือในความว่างเปล่าอยู่พัก หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้ม “อย่าคิดมากน่า เขาไม่ไปส่ง ผมไปส่งเองไม่ดีเหรอ?”

เมื่อพูดเสร็จลู่สุนฉางก้าวขึ้นมาข้างหน้า เสิ่น เฉียวตกใจกลัวและถอยกรูด

“เซเลบฯมากมายติดผมจะตาย ดูจากการ แต่งตัวของคุณและที่เย่โม่เซินทำกับคุณ คุณก็ คงไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไรสำหรับเขา ไปกับผม ไม่มีทางขาดทุน”

เสิ่นเฉียวไม่สนว่าเขาจะพูดอะไร แค่ไม่ให้ เขามาโดนตัวเธอ

ลู่สุนฉางเป็นคนยังไง เสิ่นเฉียวรู้ซึ้งดีชัดเจน หากเมื่อใดก็ตามที่เธอแสดงความลังเลเพียงเล็ก น้อยเธออาจตกเป็นเป้าหมายของลู่สุนฉางได้
“อย่าทำแบบนี้สิ ผมรู้ว่าคุณไม่เหมือนพวก หล่อน”

พูดจบ ลู่สุนฉางก้าวไปข้างหน้าและกดไหล่ เธอแน่นอย่างแข็งกร้าวเสิ่นเฉียวหลบไปไหนไม่ ได้ ตกใจกลัวจนสีหน้าเปลี่ยนชัดเจน: “ประธาน ลู่ คุณช่วยสำรวมด้วยค่ะ!”

“สำรวมอะไร? เย่โม่เซินไม่สนใจคุณ แล้วไป กับผมมันไม่ดีตรงไหน?”

ผู้หญิงที่อยากขึ้นเตียงกับลู่สุนฉางมีมากมาย มากจนล่าสุดฉางนับไม่หวาดไม่ไหว แต่ท่าทีอย่าง เสิ่นเฉียวนั้น ทำให้ลู่สุนฉางรู้สึกอยากจะลองดู สักครั้ง เขากลับลองคิดเพ้อเจ้อ คนข้างกายเย่โม่ เซินจะโน้มเอียงมาที่ตนเองบ้างไหม

อันที่จริงถือเป็นการแอบแข่งขันกับเย่โม่เซิน

“ปล่อยฉันนะ!”

เสิ่นเฉียวหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือดและผลัก หน้าอกเขา: “ประธานลู่มองแต่พวกเซเลบฯ ไม่ใช่ เหรอคะ? ฉันเป็นเพียงผู้ช่วยของคุณชายเย่ ขอ ความกรุณาคุณอย่าทำแบบนี้เลย!”

ที่สุดแล้วเขาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของตระ กูลเย่ ดังนั้นเสิ่นเฉียวจึงไม่กล้าทำอะไรเขา มากมายนัก
“อ่อ? คุณเข้าใจผมถึงขนาดนั้น ดูแล้วคงจะ ทำการบ้านเกี่ยวกับผมมาก่อนแล้ว สนใจเหรอ?” สู่สุนฉางกดเสียงต่ำ ค่อย ๆ เข้าไปใกล้เธอ

เสิ่นเฉียวเบิกตาโพลง ใช้แรงเพื่อดันเขาออก แต่ก็ไม่มีแรงมากพอจะต่อกรกับเขา จนสุดท้ายก็ ยั่วโมโหของ ลู่สุนฉางเข้า พูดด้วยสีหน้าไม่ พอใจ: “ฉันเกลียดคนที่ต่อต้านฉันที่สุด เธอ อยากจะลองคิดให้ดีก่อนไหมล่ะ? ฉันอาจจะอ่อน โยนกว่านี้ก็ได้?”

“ประธานลู่คะ ฉันยังคงยืนยัน คุณช่วย สำรวมด้วย หากคุณยังไม่ปล่อยมือ ฉันคงไม่ เกรงใจ!”

เสิ่นเฉียวอดทนมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่าจะรังแกเธอได้อย่างนั้นจริง ๆ!

สู่สุนฉางยิ้มหวานและมองไปที่เธอ: “เธอกล้า ทำอะไรฉัน? อย่าลืมว่าตระกูลลู่ กับตระกูลเย่ยัง ต้องร่วมมือกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”

เมื่อได้ยินเสิ่นเฉียวหน้าซีด: “เรื่องการร่วมมือ นี้เป็นผลประโยชน์ของบริษัทคุณ คุณต้องดึง เข้ามาเกี่ยวด้วยเหรอ?”

“ผิด” สู่สุนฉางเพิ่มแรงกดที่มือและพูด: “เป็น เรื่องอนาคตของเธอ เธอลองเดาดูถ้าฉันปฏิเสธ การร่วมมือนี้ และหาเรื่องยุ่งยากให้เธอ เธอคิดว่าบริษัทจะโยนความผิดให้คุณไหม?”

“คุณ!” เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างแน่น “น่า รังเกียจ!”

“งั้นเธอก็ลองคิดดู อยากจะไปทานอาหารค่ำ กับคนน่ารังเกียจอย่างฉันไหม?”

“เป็นไปไม่ได้!”

“ถ้าไม่ยอม ฉันคงทำได้แค่…

ปัง!

ยังไม่ทันที่ลู่สุนฉาง จะพูดจบ ขาแกร่งกวาด กลางอากาศเข้าที่ข้างหลังของเขา ล่าสุดฉางที่ ไม่ทันได้ตั้งตัว คุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเสิ่นเฉียว

เสิ่นเฉียวเบิกตาโพลง ยื่นมือมาปิดปากตัว เองด้วยท่าทีไม่น่าเชื่อ

“ประธานลู่ คุกเข่าเล่นใหญ่ขนาดนี้ อยากจะ ขอให้ผู้ช่วยผมไปร่วมหุ้นกับคุณหรือไง?”

เมื่อเสียงที่สุดแสนจะเย็นชาแต่คุ้นเคยดังขึ้น เสิ่นเฉียวตกใจและหันไปดูตามที่มาของเสียงนั้น

พบว่าคือเย่โม่เซินที่ออกไปนานแล้วไม่รู้ว่า ย้อนกลับมาตอนไหน นั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ จ้อง มองดูลู่สุนฉางที่นั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น อย่างสงบนิ่ง เซียวซู่ยืนดูอยู่ข้างหลัง พร้อมกับ ใบหน้าที่ไม่พอใจ มองล่าสุดฉางอย่างโกรธแค้นพวกเขา…ทำไม…ถึงกลับมา?

ไม่ใช่ว่า…ไปแล้วเหรอ?

เยโม่เซินแสยะยิ้มกระหายเลือดที่ริมฝีปาก อย่างเย็นชา: “น่าเสียดาย ต่อให้คุณคุกเข่า ขอร้องผู้ช่วยผม ตระกูลเย่ก็ไม่คิดอยากจะร่วม มือกับบริษัทปลายแถวอย่างตระกูลลู่ อีกแล้ว”

ปัง ๆ ๆ

คำพูดนี้เหมือนกับเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินหนัก ๆ เข้าใจหัวใจของเสิ่นเฉียว

หากพูดว่าเย่โม่เซินเป็นคนไร้อารมณ์ แต่ทุก เรื่องที่เขาทำนั้นกลับเป็นการปกป้องเธอ

อย่างน้อย ต่อหน้าคนอื่น

เขาก็ปกป้องเธออยู่!

ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน ความรู้สึกอยากร้องไห้ ของเสิ่นเฉียว ที่เลือนหายไปก็กลับเอ่อล้นและ เริ่มคัดจมูก

เธอโตมาขนาดนี้แล้ว ไม่เคยมีใครที่ออกหน้า แทนเธอหลายต่อหลายครั้งแบบนี้เลย

นาทีที่ลู่สุนฉางล้มคุกเข่านั้นบวกกับคำพูด เย้ยหยันของเยโม่เซิน ใบหน้าของเขาซีดจน เขียว เมื่ออยากจะลุกขึ้นยืนกลับพบว่าลูกเตะนั้น รุนแรงเหลือเกิน เจ็บจนลูกไม่ขึ้นอยู่นาน
ลู่สุนฉาง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถีบเขาเย่โม่เซิน นั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ เขาสามารถเข้าใจได้ว่า เป็นผลงานของเซียวซู่

ใช้เวลาอยู่นานกว่าลู่สุนฉางจะลุกขึ้นยืนได้ ยิ้มอย่างเย็นชาและปาดเหงื่อ: “คุณชายเย่ยังคง ทำอะไรเอาแต่ใจ การร่วมมือครั้งนี้สำคัญมาก ไม่รู้ว่านายท่านเย่จะยอมตามใจคุณรึเปล่า?”

สายตาเยโม่เซินเย็นชาอย่างรวดเร็ว “ก็ลอง

ดู”

“ออกหน้าแทนผู้ช่วยเพียงคนเดียว เย่โม่เซิน ฉันรอให้นายมาข้อร้องฉัน”

สู่สุนฉางมองเขาด้วยความโกรธแค้นจากนั้น จึงเดินกะเผลกแล้วขึ้นรถจากไป

เหลือไว้เพียงสามคนในที่เกิดเหตุ

เสิ่นเฉียวยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยังคงตะลึงงัน เธอ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเขาไปแล้วจะย้อนกลับมา

เซียวซูเข็นเยโม่เซินเดินไปอีกทาง เสิ่นเฉียว ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ คนข้างหน้าก็หยุดชะงัก เสียงอันเยือกเย็นของเย่ โม่เซินเหมือนดังออกมาจากขุมนรก

เสิ่นเฉียวตกตะลึงและตอบรับรีบเดินตามไป หลังจากขึ้นรถเสิ่นเฉียวรู้สึกสำนึกผิดจึงได้แต่ก้มหน้า

อุณหภูมิในรถหนาวเหน็บเหมือนขั้วโลกใต้ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร รวมทั้งคนขับรถและเซียว ซู่ พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่มองอย่างมนุษย์

“เธอเป็นท่อนไม้รีไง? ทำไมไม่หลบ?”

เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างแน่น เหงื่อออกมา จากหน้าผากของเธอ: “ฉัน….

“ยังไม่พูดอีก อยากจะไปเปิดห้องกับเขารึ

ไง?”

อะไรนะ?

คำพูดที่เกินไปกระตุ้นให้เสิ่นเฉียวต้องเงย หน้าขึ้น ดวงตาสวยคู่นั้นจ้องเข้าไปในดวงตาเย่ โม่เซินด้วยความโกรธอย่างไม่มีการบอกล่วงหน้า เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น ใบหน้าขาวเผือด ทำให้ เยโม่เซินจำภาพที่เจอก่อนหน้านี้ได้

ร่างเล็กที่ถูกลู่สุนฉางล็อกไว้แน่นอย่างแนบ

ชิด

“เย่โม่เซิน ฉันไม่เอา…อ

คำพูดของเส่นเฉียวเพิ่งจะเอื้อนเอ่ย ท้ายทอยถูกกดแน่น แน่นจนภาพเบื้องหน้าดับวูบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ