เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 299 การต้อนรับแขก



บทที่ 299 การต้อนรับแขก

“เขายังไม่มาเลย เธอนั่งก่อนสิ อยู่ร้านอาหาร พอดี พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ”

เสี่ยวเยียนกำลังทักทายเธอที่เพิ่งนั่งลงด้านข้าง

เสิ่นเฉียวเพียงแค่นั่งลงแล้วมองเวลาแวบหนึ่ง หกโมง กว่าแล้ว ยังเหลือเวลาก่อนจะถึงสองทุ่มอีกหนึ่งชั่วโมง ครึ่งเวลาแค่นี้พอแล้วมั่ง? “พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ เสี่ยวเหยียนก็อด

ถามไม่ได้ว่า: “เธอรีบเหรอ? ยังมีธุระอื่น?”

เสิ่นเฉียวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เสี่ยวเห ยียนฟัง “ทำไมเธอไม่บอกฉันล่ะ? ถ้ารู้อย่างนี้ ก็ให้เธอไป

ก่อนแล้ว ที่นี่มีแค่ฉันก็พอ”

“ไหนๆก็มาแล้ว พูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์”

“จะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร? งั้นตอนนี้เธอ เปลี่ยนกระโปรงก่อน จะได้รีบกลับไปเลย ไม่อย่างนั้นส่ง ผลกระทบที่ไม่ดีต่อจิตใจของสามีภรรยาอย่างพวกเธอ”

“ไม่เป็นไร ฉันบอกเขาแล้วว่าจะรีบกลับ ไปงาน เลี้ยงเริ่มอย่างเป็นทางการตอนสองทุ่ม อยู่กินข้าวเป็น เพื่อนพวกเธอที่นี่จนถึงหนึ่งทุ่ม แล้วฉันค่อยกลับไปก็ยัง พอมีเวลา”

พอดียินเธอพูดแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็วางใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ดี พวกเราสั่งอาหารก่อน รองประธานเย่บอก ว่าเขาจะมาถึงหลังจากนี้สิบนาที ให้พวกเราเลือกสั่ง ตามใจ”

“ได้” เสิ่นเฉียวพยักหน้าแล้วสั่งอาหารสองอย่าง ตามเสี่ยวเหยียน อันที่จริงเธอไม่มีอะไรให้ต้องคิด เดิมที เธอยังมีบางเรื่องที่เร่งรีบ แต่ว่าตอนนี้ความคิดทั้งหมด ของเธออยู่ที่ตัวของเย่โม่เซิน คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่กังวล กับเรื่องนี้ถึงขนาดนั้นแล้ว

สิ่งที่เยโม่เซินพูดก่อนที่เธอจะออกจากบ้านนั้น ทำให้เธอจดจำได้อย่างลึกซึ้ง

สิบนาทีหลังจากนั้น ในที่สุดเย่หลิ่นหานก็มาถึง

ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจสวมชุดเป็นพิเศษ เขาสวม สูทสีขาว ผูกหูกระต่ายดูสะอาดเรียบร้อยเป็นพิเศษ เมื่อ เขาปรากฏตัวในร้านอาหารก็ดึงดูดความสนใจของผู้ หญิงจำนวนมาก

หลังจากนั้นเสิ่นเฉียวและเสี่ยวเหยียนก็ได้ยิน เสียงพูดคุยจากผู้หญิงโต๊ะข้างๆ

“ผู้ชายคนนี้เป็นใครน่ะ? หล่อจังเลย”

“อย่ามองเลย ผู้ชายที่ดูดีแบบนี้เห็นแวบเดียวก็รู้

ว่ามีแฟนแล้ว ถึงจะมองมากกว่านี้ก็ไม่ใช่ของพวกเรา” “เฮ้ สองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาคนไหนเป็นแฟนของ

เขากันนะ?”

“โง่สุด ๆ ก็ต้องเป็นคนที่สวมกระโปรงสีน้ำเงินคนนั้นสิ ทั้งสองคนดูดีและเหมาะสมกันมากเลยว่าไหม?”

เสิ่นเฉียว: “.”

คำนินทาเหล่านี้ของคน แค่นี้ก็ทำให้เกลียดจริง ๆ ถ้าสามารถพูดได้ เธออยากจะพูดแทรกมาก พวกเธอ ต่างก็ไม่ใช่แฟนของเย่หลิ่นหานทั้งนั้น

เสี่ยวเหยียนเข้าไปกระซิบข้างหูเธอ: “คนพวกนั้น พูดถึงคนอื่นที่ไม่รู้ว่าควรเบาเสียงกันหรือไง? นี่ดังมาถึง พวกเราที่อยู่ตรงนี้แล้ว”

ใช่ ดังมาถึงพวกเธอที่อยู่ตรงนี้ เย่หลิ่นหานก็คง ได้ยินแล้ว

เย่หลิ่นหานนั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเธอ สายตา ของเขาเคลื่อนผ่านเสี่ยวเหยียนอย่างรวดเร็วก่อนจะ หยุดลงบนใบหน้าของเสิ่นเฉียว: “ขอโทษด้วย บนถนน รถติดนิดหน่อย ผมเลยมาสาย”

“ไม่เป็นไร” เสี่ยวเหยียนรีบยิ้มแล้วโบกมือ เสิ่น เฉียวยังคงนิ่งเฉย

โต๊ะข้างๆ ยังคงวิพากษ์วิจารณ์ต่อ

“พวกเธอดู ผู้หญิงคนนั้นโบกมือให้ผู้ชายแล้ว ฉัน ก็บอกแล้วว่าเธอเป็นแฟนเขา?”

“เธอปัญญาอ่อนเหรอ? เห็นชัด ๆ ว่าผู้ชายคนนั้น มองผู้หญิงกระโปรงน้ำเงิน แล้วความสัมพันธ์แบบไหนที่ โบกมือกันล่ะ ถ้าเป็นแฟนกันก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้นิ? คนอื่นเขาก็รู้กัน”
เสิ่นเฉียวแค่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะปากคน อื่น เธอคงห้ามไม่ได้

ทั้งสองฝ่ายต่างก็เงียบไปสักพัก ทันใดนั้นเสิ่น เฉียวก็เอ่ยปากว่า: “พี่ใหญ่ ผลตรวจเป็นอย่างไรบ้าง? ออกมาหรือยัง?”

เย่หลิ่นหานมองเธอ สายตามีความอบอุ่นและมุ่ง มั่น แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: “ประเด็นนี้ หลัง จากทานข้าวเสร็จพวกเราค่อยคุยเรื่องนี้เถอะ”

“แต่ว่า…” เสิ่นเฉียวรู้สึกใจร้อนเล็กน้อย ทันทีที่ พูดออกไปเธอก็รู้สึกว่ามือของเสี่ยวเหยียนดึงเธอไว้จาก ใต้โต๊ะ เธอมองไปที่เสี่ยวเหยียนถึงตระหนักว่าตัวเอง ใจร้อนเล็กน้อย อีกฝ่ายมาเพื่อช่วยตนเองแล้วก็ไม่ได้ เป็นหนี้เธอ ในเมื่อเธอยังมีเวลาก็รออีกหน่อยแล้วกัน ความจริงแล้วทุกคนต่างก็รถติดแต่ก็รีบมา เพราะแบบนี้ คงยังไม่ได้ทานข้าวมาแน่นอน

หรือว่าทานข้าวเป็นเพื่อนพวกเขาก่อนค่อยคุย

เถอะ

เสิ่นเฉียวไม่ได้พูดอะไรต่อ ทานข้าวเป็นเพื่อน พวกเขาสองคนเงียบ ๆ โต๊ะด้านข้างก็ยังพูดคุยสักสอง ประโยคบ้างเป็นครั้งคราว

ทันใดนั้นเย่หลิ่นหานก็ยื่นมือออกมาตักเนื้อใส่ลง ในชามของเธอ เสิ่นเฉียวตะลึง ก่อนที่จะตอบสนองเธอ ได้ยินเสียงอุทานจากโต๊ะใกล้เคียง: “ฉันบอกแล้วว่าฉัน เดาถูก ผู้ชายคนนั้นตักอาหารให้ผู้หญิงกระโปรงสีน้ำเงิน พวกเขาเป็นแฟนกันจริง ๆ”

อีกเสียงหนึ่งก็พูดด้วยความไม่พอใจ “ใครบอกว่า ตักอาหารให้แล้วจะเป็นแฟนกัน นั่นอาจจะเป็นวิธีการ ต้อนรับแขกก็ได้

“เธอนี่รู้จักตอบโต้จริง ๆ”

เสิ่นเฉียวมองไปที่เนื้อตรงหน้าชิ้นนั้น ในใจของ เธอมีความคิดชั่วร้ายเล็กน้อย เธอมักรู้สึกว่าเย่หลิ่นหาน จงใจพยายามยืนยันในสิ่งที่พวกเธอ เขาได้ยินสิ่งที่โต๊ะ ข้าง ๆ พูดอย่างชัดเจน เลยเจตนาที่จะทำกิริยาท่าทาง เหล่านี้

ถึงแม้ว่าเสิ่นเฉียวจะรู้ว่าเธอคิดมากเกินไป แต่เธอ แอบรู้สึกว่า…เขาจงใจทำแบบนี้เพื่อให้คนเข้าใจผิด

ดังนั้นเสิ่นเฉียวจึงไม่ขยับตะเกียบแตะเนื้อชิ้นนั้น เพียงแค่ทานของที่อยู่ตรงหน้าตน

เย่หลิ่นหานไม่รู้สึกอับอาย เขายังคงสงบนิ่ง เสิ่น เฉียวไม่ได้สนใจว่าโต๊ะข้าง ๆ จะพูดอะไร หลังจากที่ทั้งสามคนทานข้าวกันอย่างเงียบ ๆ

เสี่ยวเหยียนก็มองเวลา แล้วเป็นฝ่ายเอ่ยถามแทนเธอ อย่างรีบร้อน “รองประธานเย่ เรื่องที่ฉันขอให้คุณตรวจ สอบเป็นอย่างไรบ้าง?

เย่หลิ่นหานยกมือขึ้นมองเวลา สายตาหยุดอยู่บน ใบหน้าของเสิ่นเฉียว ตั้งแต่ตอนเข้ามาในร้านจนถึงตอน นี้ ดูเหมือนเธอจะมีท่าทางที่รีบร้อนมาก
ส่วนสาเหตุ เขาก็พอจะเดาได้

พอคิดถึงตรงนี้ เย่หลิ่นหานก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด เสียงเบาว่า: “ไม่ต้องรีบ ผลตรวจออกมาแล้ว เพียงแต่ ก่อนหน้านี้ผมให้เลขาเป็นคนจัดการแทน ดังนั้นพวกคุณ คงต้องรออีกสักครู่ ทำไม? คืนนี้พวกคุณยังมีธุระเหรอ?”

พอได้ยิน เสี่ยวเหยียนก็หน้าเปลี่ยนสี เธอมองไป ทางเสิ่นเฉียวอย่างลำบากใจ ไม่รอให้เธอเอ่ยปากเส้น เฉียวก็พูด : “ไม่มีเรื่องด่วนอะไร เพียงแต่ตอนนี้ดีกแล้ว พวกเราไม่อยากรบกวนพี่ใหญ่ดึกดื่นขนาดนั้น”

“ไม่เป็นไร ฉันเลิกงานแล้ว คืนนี้เป็นเวลาของผม” เย่หลิ่นหานตอบ พอพูดจบก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ แล้วเอ่ย: “ใช่แล้ว ถ้าดึกเกินไปคงไม่ปลอดภัยให้ ผมไปส่งพวกคุณเถอะ”

เสี่ยวเหยียน: “…รองประธานเย่ เฉียวเฉียวพักอยู่ ค่อนข้างไกลจากที่นี่ ถ้าคุณรู้ผลแล้ว ก็บอกพวกเราก่อน เถอะ?”

“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนมาก จะเอ่ยปากพูดก็ยาก สรุปแล้ว…รอเลขาของผมมาแล้วค่อยคุยเถอะ”

“แบบนั้นไม่ได้…ให้เสิ่นเฉียวกลับก่อนเถอะ ฉัน อยู่รอที่นี่แทนเธอเอง?”

พอพูดถึงตรงนี้ เย่หลิ่นหานก็พอจะเข้าใจแล้ว เขามองเสิ่นเฉียว: “เธอยังมีธุระคืนนี้?”

เขาถามขนาดนี้แล้ว เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกจากนั้นพยักหน้า: “อืม ตอนสองทุ่มฉันยังมีธุระด่วน ดัง นั้น ขอโทษนะ”

“สองทุ่ม?” เย่หลิ่นหานเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไร บางอย่าง ทันใดนั้นก็นึกอะไรออก: “ที่เธอพูดถึงคงไม่ใช่ ไปร่วมงานเลี้ยงหรอกนะ?”

เสิ่นเฉียวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย: “พี่ใหญ่รู้?”

“บังเอิญมาก งานเลี้ยงนั่นฉันก็ได้รับเชิญ ถ้าเธอ ไม่พูดฉันก็คงลืมแล้ว…

“ว้าว? อย่างนั้นอีกสักพักพวกคุณก็ไปด้วยกันได้ น่ะสิ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ใน เมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวเสียเวลา เพราะทั้งสองคน ต้องรีบไปเข้าร่วมงานเลี้ยงในเวลาเดียวกันและเย่หลี นหานก็คงไม่เลื่อนเวลา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ