เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1386ถูกความสวยยั่วยวน



บทที่1386ถูกความสวยยั่วยวน

ตอนที่เสี่ยวเหยียนกับหานซึ่งเข้ามาในห้องผู้ป่วย ก็เห็นสวีเย็น หวั่นที่หัวพันผ้าพันแผลไว้ ผ้าพันแผลสีขาวยังมีเลือดซึมอยู่นิด หน่อย นั่งอยู่ที่นั่นอย่างใกล้จะสิ้นลมหายใจ

บนตัวเธอสวมใส่ชุดผู้ป่วยสีน้ำเงินของโรงพยาบาล ชุดที่หละ หลวมห่อหุ้มร่างเล็กๆของเธอไว้ เผยไหปลาร้าที่ขาวสวยออกมา ดูแล้วอ่อนโยน ต้องการคนประคบประหงมมาก

ได้ยินเสียงฝีเท้า เธอเงยหน้ามองไปที่ประตู

เสี่ยวเหยียนมองแววตาเธอออกอย่างชัดเจน

ตอนแรกสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ตอนที่เห็นหาน ชิงดวงตาเปล่งประกายขึ้นไม่น้อย แต่ไม่นานสายตาเธอก็สัมผัส ได้ถึงตัวเอง จากนั้นแววตาที่เปล่งประกายก็ได้จางหายไปตามๆ กัน

ระยะเวลารวดเร็วมาก ถ้าไม่ใช่ว่าเธอจ้องตั้งแต่เข้ามาในห้อง ผู้ป่วย อาจจะยังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ

เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าควรจะบรรยายอารมณ์ของตัวเองยังไง ก่อนหน้านี้เธอก็เคยมาหาสวีเย็นหวั่นที่โรงพยาบาล ตอนนั้นยัง เห็นเธอเป็นเพื่อน ส่งกับข้าวมาให้เธอด้วย

แต่ว่าตอนนี้ อารมณ์ของเธอก็ค่อนข้างบอบบางแล้ว
ในห้องผู้ป่วยไม่ได้มีแค่สวี่เย็นหวั่น ยังมีผู้จัดการของบริษัทอยู่ หลายคน เสี่ยวเหยียนมองดูรอบนึง ไม่นึกเลยยังจะเห็นซูจิ๋วด้วย

เธอก็ออกโรงแล้วเหรอ?

ดูท่าทานชิงก็ยังให้ความสำคัญกับมิตรภาพของทั้งสอง ตระกูลอยู่ ไม่งั้นก็ไม่ส่งคนสำคัญอย่างซูจิ๋วไปช่วยเหลือหรอก

เสี่ยวเหยียนไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แต่ว่าสีหน้าไม่ได้เผยอ อกมาเลยสักนิด เธออยู่ที่ข้างกายของหานซึ่งอย่างเชื่อฟัง

“เรื่องมันเป็นยังไง?”หานชิงมองสวีเย็นหวั่นที่อยู่บนเตียงที่นั่ง

จากนั้นก็หันไปสอบถามซูจิ๋วที่อยู่ข้างๆ

ซูจึงอธิบายอย่างจนปัญญา “เกิดการโต้เถียงกัน ระหว่างที่ ผลักดันกันคุณสวีได้เข้าไปเตือน แต่พวกเขาทะเลาะกันรุนแรง เกินไป ผลักคุณสวี่หัวกระแทกหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจค่ะ”

ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นเลือด คาดว่าคนพวกนั้นยังไม่คิดจะหยุดลงมา

เลย

หลังจากสวีเย็นหวั่นมีเลือดออก พวกเขาต่างก็ได้หยุดลงมา จากนั้นก็ได้ตามมาที่โรงพยาบาลด้วยกัน ต่างก็กลัวมากว่าจะ เกิดเรื่องอะไร ถึงเวลาจะต้องรับผิดชอบ

หานชิงฟังแล้วสีหน้าเยือกเย็นลงมา มองไปที่ผู้บริหารระดับสูง พวกนั้น

“ผู้จัดการกลุ่มนึงแค่คุยธุรกิจไม่ลงตัวก็ชกต่อยกัน?”
คนทั้งกลุ่มเผชิญกับการกดขี่ของทานซึ่ง ไม่กล้าส่งเสียงใน พริบตา

ถึงแม้หานซิงหนุ่มกว่าหลายท่านที่อยู่ในนี้ แต่เขาเป็นราชันผู้ อยู่เหนือกว่าใครมาหลายปี ออร่าและความทรงอำนาจในตัว สามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างสิ้นเชิง ถ้าหานซิงมาล่ะก็ งั้นค่ พูดของเขาต้องคำไหนคำนั้นแน่นอน

แต่พอเผชิญกับสวี่เย็นหวั่น โดยเฉพาะคนที่ไร้ที่พึ่งพิง มักจะมี การให้เกียรติกันน้อยลง มีความเย่อหยิ่งและมีความโอ้อวดเพิ่ม มากขึ้น

ทุกคนเธอคำนึงฉันคำนึง พอความคิดแตกต่างกันเยอะเข้า เลี่ยงไม่ได้ที่พวกผู้ชายวัยกลางคนจะลงไม้ลงมือ จากนั้นสวีเย็น หวั่นไปห้ามปราม ย่อมตกเป็นเบี้ยล่างอยู่แล้ว

“คิดดูว่าต่อจากนี้จะชดใช้ยังไง ทุกคนก็ออกไปก่อนเถอะ คนทั้งกลุ่มไปจากห้องผู้ป่วย ซูจิ๋วหันมามองสวี่เย็นหวั่นที่นั่ง อยู่บนเตียงที่นึง จากนั้นเดินไปที่ข้างกายของหานชิง “ประธาน หานคะ ดิฉันมีเรื่องของจะบริษัทรายงานประธานค่ะ”

“อืม”

หานซึ่งมองเสี่ยวเหยียนที่นึง เสี่ยวเหยียนรีบพูดทันที “คุณไป

เถอะค่ะ ฉันดูแลสวี่เย็นหวั่นอยู่ที่นี่เองค่ะ” พอคนออกไป ในห้องผู้ป่วยก็เหลือแค่คนสองคน สวีเย็นหวั่นกับจางเสี่ยวเหยียน
ในห้องผู้ป่วยเงียบสงบ ใครก็ไม่เปิดปากพูดก่อน

สักพัก ในที่สุดสวี่เย็นหวั่นก็ได้เงยหน้ามองเสี่ยวเหยียน สายตาเห็นแหวนเพชรระยิบระยับบนนิ้วมือเธอ

ถึงจะรู้ข่าวแล้ว แต่ตอนนี้เห็นหน้าตาเธอที่สวมใส่แหวนเพชร ในใจของสวี่เย็นหวั่นก็เหมือนถูกมีดกรีดยังไงอย่างงั้น

สักพัก สวี่เย็นหวั่นยกมุมปาก ยิ้มอย่างขมขื่นและพูด “ยินดีกับ พวกคุณด้วยค่ะ”

เสี่ยวเหยียนฟังแล้วอึ้งไปครู่นึง ไม่นึกว่าเธอจะยินดีกับตัวเอง เดิมทีเธออยู่ที่นี่ไม่อยากคุยกับหล่อน แต่ตอนนี้หล่อนเป็นฝ่ายมา คุยกับตัวเอง งั้นตัวเองก็ต้องตอบกลับสักหน่อยหรือเปล่า

คิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนเม้มริมฝีปากแดง สักพักถึงตอบ คำนึง ขอบคุณค่ะ

สวีเย็นหวั่นนั่งหดตัวอยู่ที่นั่น ดูแล้วผอมมากขาวมาก เธอมอง เสี่ยวเหยียนด้วยสีหน้าท่าทางอ้างว้าง จู่ๆพูดว่า “ก็อิจฉาคุณมาก อยู่ดี คุณรู้เรื่องระหว่างฉันกับเขาแล้วใช่มั้ยคะ? ที่จริงครั้งก่อน ฉันส่งข้อความนั้นให้คุณ ฉันไม่ได้มีเจตนา ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่า หานซึ่งจะไปรับคุณ ถ้ารู้ล่ะก็ ฉันก็ไม่นั่งอยู่ที่นั่นแล้วค่ะ”

อ็ม?

เสี่ยวเหยียนฟังคำอธิบายพวกนี้ ในใจเกิดความสงสัย ทำไม เธอต้องอธิบายพวกนี้กับตัวเองด้วย?

เสี่ยวเหยียนจึงได้ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่คุณชอบหานชิง เป็นเรื่องจริงใช่มั้ยคะ?”

สวี่เย็นหวั่นหยุดชะงักไปครู่นึง จากนั้นได้พยักหน้า

“ใช่ค่ะ ฉันชอบเขา ไม่ ถ้าพูดอย่างแม่ยำหน่อยคือฉันรักเขา ฉันรู้จักเขาตั้งแต่เด็ก อยู่ในแนวความคิดของฉัน เขาก็คือผู้ชายที่ ฉันจะแต่งงานด้วยตอนโต หลายปีมานี้ ฉันเห็นเขาเป็นว่าที่สามี ของฉันอย่างสิ้นเชิง ฉันรู้ว่าบางทีเรื่องที่ฉันทำอาจจะค่อนข้าง วู่วาม แต่คุณสามารถเข้าใจฉันมั้ยคะ? ฉันนึกว่าเขาเป็นของฉัน มาโดยตลอด จู่ๆ อยู่มาวันนึงเขาไม่ใช่ของฉันแล้ว ความรู้สึกที่ แตกต่างกันมากนี้ คุณสามารถเข้าใจมั้ยคะ?”

เสี่ยวเหยียนไม่ได้เปิดปากพูด

“เรื่องของคราวก่อน ฉันเป็นคนผิดเอง แต่ยังไงซะตอนนี้พวก คุณก็อยู่ด้วยกันแล้ว ฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ตอนนี้ฉันไม่มี อะไรเลย แค่อยากพลิกฟื้นตระกูลสวี่ ต่อไปคุณ…..อย่าเห็นฉัน เป็นศัตรูได้มั้ยคะ?”

ศัตรู?

เสี่ยวเหยียนมองสวี่เย็นหวั่นที่อยู่ตรงหน้าได้สักพัก จู่ๆยกมุม ปากขึ้นยิ้ม

“ที่คุณอยากพูดก็คือพวกนี้?”

“ถ้าคุณนึกว่าฉันเห็นคุณเป็นศัตรู อยากเกลี้ยกล่อมฉันล่ะก็ งั้น กลับกันฉันมากกว่าที่ต้องเกลี้ยกล่อมคุณว่าอย่าเปลืองแรงเลย
เสี่ยวเหยียนเปิดปากพูดอีกครั้ง สีหน้าแววตาก็เย็นซาลงเยอะ

“ขอแค่คุณยังชอบทานซึ่งอยู่วันนึง นั้น ในฐานะที่ฉันเป็นแฟน ของเขา พวกเราก็มีความสัมพันธ์เป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอคะ? ฉัน ว่าใจของคุณสวี่ก็ไม่ได้กว้างถึงขั้นไม่เกลียดฉัน แต่ยังถึงขั้นเห็น ฉันเป็นเพื่อนหรอกค่ะ อีกอย่าง ฝืนใจเป็นเพื่อนกันก็ไม่มี ประโยชน์อะไร เราไม่ใช่คนเส้นทางเดียวกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ คุณไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ เพราะวันนั้นฉันก็ได้ตอกกลับคุณ เหมือนกัน สุดท้าย หานซิงคงพูดกับคุณชัดเจนแล้วใช่มั้ยคะ เดิมทีระหว่างคุณกับเขาไม่มีการหมั้นหมายกันอยู่แล้ว ทั้งหมด ล้วนแต่คุณคิดไปเอง ดังนั้นเขาไม่เคยเป็นของคุณเลย แค่คุณคิด ไปเอง เพราะฉะนั้นขอโทษที่ฉันไม่สามารถเข้าใจคุณได้ค่ะ”

หลังจากเธอพูดจบ สำเร็จที่ได้เห็นสีหน้าของสวีเย็นหวั่น เปลี่ยนแปลง เดิมทีแก้มที่ซีดเซียวเพราะได้รับบาดเจ็บ ทีนี้ยิ่ง ซีดเซียวขึ้นไปอีก ดูแล้วเหมือนถูกรังแกจนย่ำแย่

เห็นคราบเลือดที่ซึมออกมาจากผ้าพันแผลบนหน้าผากเธอ เสี่ยวเหยียนเม้มปาก เอ๊ะ? ไม่ว่ายังไงคนอื่นก็เป็นผู้ป่วย เธอพูด แบบนี้เกินไปกับฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่า?

ฮ่มๆ ช่างเถอะ ผู้ป่วยแล้วจะทำไม? ผู้ป่วยก็ไม่สามารถเป็น ศัตรูหัวใจแล้วเหรอ? เธอยังมาพูดคำพูดสวยหรูพวกนั้นอีก ทําให้เธอฟังแล้วก็ไม่ชอบเลย

บางทีอาจจะเป็นตัวเธอที่จิตใจคับแคบมั้ง อย่างไรก็ตามเสี่ยว เหยียนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเป็นคนประเภทจิตใจดีงาม และตัวเองก็ไม่อยากเป็นแม่พระอะไรด้วย

เกินไปก็คือเกินไป

สวี่เย็นหวั่นไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่สีหน้าซีดเซียวนั่งอยู่ที่นั่น แล้วหน้าตาน่าสงสารและไร้ที่พึ่งมาก

ผู้หญิงด้วยกัน เสี่ยวเหยียนเองก็ยังรู้สึกหน้าตาอย่างนี้ของส เย็นหวั่นดูแล้วทำให้คนรักและทะนุถนอมมาก ขอแค่เป็นผู้ชาย ถ้าเห็นก็คงอดไม่ได้ที่จะทะนุถนอมอย่างอ่อนโยน แต่ว่าสำหรับหานซิงล่ะก็ เธอรู้สึกหานซึ่งไม่ใช่คนที่จะถูก

ความสวยยั่วยวนได้

ดังนั้นถึงได้วางใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ