เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1266 เขาเป็นเพื่อนเก่า



บทที่ 1266 เขาเป็นเพื่อนเก่า

หานชิงมาสาย

และมาสายกว่าเวลาที่นัดไว้20นาที

ประโยคแรกตอนที่เขาเข้ามาในห้องคือ

“ขอโทษนะ มาสายแล้ว”

หานคู่จื่อได้ยินเช่นนั้นอดไม่ได้ที่จะยักคิ้วขึ้น หล่อนเข้าใจ ชายตัวเองดีรู้ว่าหานซึ่งเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเวลา มาก เขาบอกว่าอีกสิบนาถึง ก็จะมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนหลัง จากผ่านไปสิบนาทีจริงๆ

ตอนนี้สายไปยี่สิบนาที คงมีเรื่องอะไรที่ทำให้ล่าช้าจริงๆ “คุณลุง รถติดเหรอครับ?” เสี่ยวหมี่โต้วที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร

หานชิงเหลือบมองเสี่ยวหมี่โต้ว พูดขึ้นด้วยท่าทีเรียบนิ่ง “เป็นเพราะเรื่องอื่น นี่พวกคุณก็มากันหมดเลยเหรอ?” สายตา หันไปมองเย่ไม่เชิน และเสี่ยวโต้วหยาที่อยู่ในอ้อมอกเขา

ผู้ใหญ่และเด็กน้อยนั่งประกบหานคู่จื่อไว้ราวกับคอยคุ้มกัน เหมือนกลัวว่าหล่อนจะหนีไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ หานซิงจึงทำท่าทีทอดถอนใจเล็กน้อย ตอนนั้นเขายังคิดว่าน้องสาวของตัวเองคนนี้คงต้องเลี้ยงดูเสี่ยวหมี่โต้วตัวคนเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าเวลาจะผ่านไปในขนาด นี้แล้ว ตอนนี้หล่อนมีลูกถึงสองคนแล้วด้วย

ดีเหมือนกันนะ

“หาเชิง”

ช่วงเวลาที่กำลังครุ่นคิดอยู่ น้ำเสียงเล็กแหลมสั่นคลอนเล็ก น้อยดังขึ้น

หานชิงหันมองตามน้ำเสียงนั้นไป ผู้หญิงที่แต่งตัวสบายๆ หน้าตาอ่อนหวาน ยืนมองเขาอยู่ตรงนั้น พยายามควบคุมสายตา ไม่ให้ตื่นตกใจจนเกินไป

ตอนแรกที่เห็นรู้สึกไม่คุ้น แต่เมื่อค่อยๆย้อนนึกไปถึงลักษณะ ท่าทางของคนนั้นในความทรงจำ ก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาทันที

สายตาและสีหน้าอันเย็นชาของหานชิงอ่อนโยนมากขึ้น คือ

เธอ คุณลุงกับคุณน้าสบายดีไหม?”

เมื่อได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเด็ก สวีเย็นหวั่นไม่รู้จะอธิบายอารมณ์ ของตัวเองในตอนนี้ออกมายังไง เพราะมีคำพูดมากมายที่อยาก พูดออกมา แต่ตอนนี้กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ อีกทั้งตอนที่ หล่อนมาหาทานซึ่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย เมื่อตอนนี้ ได้ยินเขาถามขึ้นมาแบบนี้ แววตาของสวีเย็นหวั่นก็แดงขึ้นมา ทันที

แม้ว่าหล่อนพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ แต่เป็นเพราะ โดดเดี่ยวไม่มีที่พึ่งพิงมาหลายวันจนได้เจอคนที่ตัวเองอยากเจอมากที่สุด หล่อนก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ทันที

ดูเหมือนบรรยากาศเริ่มผิดแปลกขึ้นมา

สวี่เย็นหวั่นรีบหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นมาเช็ด น้ำตาที่มุมตา ผ่านไปนานสักพักจึงจะหันกลับมา

ดวงตาที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มายังคงแดงอยู่ ในแววตาอัน สวยงามยังมีหยดน้ำตาที่คลออยู่ด้านใน หล่อนยิ้ม และพูดขึ้น เบาๆ: “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามานานมาก ก็เลย ควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พวกเธอคงไม่ถือสาอะไรใช่ไหม?”

ตอนที่พูดขึ้นมา สวี่เย็นหวั่นยังหันไปมองพวกหานคู่จื่อ ไม่ได้ สนใจหาเชิงเพียงคนเดียว

หานมู่จื่อยิ้มและส่ายหน้า

หานซิงเงียบไปสักพัก หยิบกระดาษทิชชูที่อยู่ด้านข้าง และ

เดินเข้าไปหา “เช็ดหน่อยไหม”

สวีเย็นหวั่นขอโทษและรับไป

เสี่ยวหมี่โต้วเห็นเหตุการณ์ตรงหน้ารู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา

แม้ว่าเขารู้ดีว่าหล่อนไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่ควบคุมอารมณ์ ของตัวเองไม่ได้จนน้ำตาไหลออกมาเท่านั้น แต่คุณลุงกลับเอา กระดาษไปให้หล่อน เรื่องนี้ทำให้เสี่ยวหมี่โต้วไม่พอใจเป็นอย่าง มาก

เขาไม่พูดอะไร แต่เมื่อหันหน้ากลับมาบังเอิญสบตากับหานม อพอดี

หาหมอดีดท้ายทอยของเขา พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาะ “อย่า คิดมากเลย พวกเขาเป็นเพื่อนเก่ากันนะ น้าเสี่ยวเหยียนจะเป็น ว่าที่น้าสะใภ้ของหนูเรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนไปแน่นอน

ถูกจับได้ว่าคิดอะไรอยู่ เสี่ยวหมี่โต้วจึงถอนหายใจออกมา อย่างไม่พอใจ “ผมไม่สนใจเรื่องนี้สักหน่อย

“จริงเหรอ?” หานมู่จื่อจิ้มบนหน้าผากของเขา “ลูกเป็นลูกของ แม่ ลูกคิดอะไรอยู่ทำไมแม่จะไม่รู้ล่ะ?”

ตั้งแต่ตอนที่เขาขอตามมาด้วย หานมอก็เดาความคิดของ เขาออกแล้ว เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับเสี่ยวเหยียนมานานหลายปี ขนาดนั้น เขาเห็นเสี่ยวเหยียนเป็นน้าสะใภ้ของตัวเองตั้งนานแล้ว เมื่อได้ยินว่ามีผู้หญิงที่เคยหมั้นกับคุณลุงตอนเด็กๆมาหา คนที่ เดือดร้อนเป็นกังวลมากที่สุดก็คือเสี่ยวหมี่โต้ว

เสี่ยวหมี่โค้วสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ และไม่พูดอะไร อีก และไม่ได้ปฏิเสธด้วย

หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งลง สวี่เย็นหวั่นก็จัดการอารมณ์ของตัว เองเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกหล่อนพูดกับทุกคนอย่างติดๆขัดๆ เมื่อหานชิงสังเกตเห็น จึงคิดว่าเมื่อครูที่ถามเรื่องพ่อกับแม่หล่อน ไป หล่อนไม่ได้ตอบ คงเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน

อันที่จริงหล่อนไม่อยากพูด เขาก็ไม่ควรถาม แต่ที่หล่อนมาหา ตัวเอง คงมีเหตุผลบางอย่าง
“เกิดเรื่องกับ…คุณลุงคุณป้า?”

เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เมื่อพูดถึงเรื่องพ่อแม่ สวี่เย็นหวั่นเงียบไป ทันที ผ่านไปสักพักจึงค่อยๆพูดขึ้น: “พวกเขาเสียชีวิตแล้ว”

ไม่เพียงแค่หานชิง แม้แต่คนอื่นที่อยู่บนโต๊ะอาหารต่างตกใจ กับค่าตอบนี้ โดยเฉพาะหานคู่จื่อ หล่อนตกใจมาก เมื่อครุ่นคิด ไปมาก็จริง ถ้าไม่ได้เป็นเพราะพ่อไม่อยู่แล้ว หล่อนจะออกมาข้าง นอกคนเดียวได้อย่างไร?

หานซึ่งใช้เวลาเกือบหนึ่งนาทีจึงจะไตร่ตรองเรื่องนี้ออกมาได้ สีหน้าเขาเย็นชามากขึ้น “ตอนนั้น หลังจากที่พวกเธอย้ายไปอยู่ที่ ต่างประเทศ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?”

สวีเย็นหวั่นมองเขา กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ยิ้มด้วย ความขมขื่นและพูดอธิบาย: “หลังจากที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ครอบครัวของพวกเราก็ใช้ชีวิตกันอย่างดีทีเดียว ต่อมาพ่อของ ฉันสนใจโครงการหนึ่งที่ต่างประเทศ แต่โครงการนั้นต้องใช้เงิน ลงทุนสูงมาก ดังนั้นจึงต้องไปร่วมทุนกับคนอื่น จากนั้น…

เมื่อพูดถึงตอนนี้ หล่อนหยุดชะงักไป จากนั้นก็พูดต่อ: “ต่อมา ก็เกิดเรื่องขึ้น โครงการมีปัญหา พวกเราตระกูลสวีติดหนี้ก้อน ใหญ่มาก บริษัทล้มละลายแล้วยังไม่มีเงินคืน

มือของหานซิงกระตุกขึ้นมา เม้มปากขึ้น “ทำไมไม่บอกฉันล่ะ?”
จากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตระกูลสวี่และตระกูลหาน ขอ เพียงแค่ตระกูลสวี่เอ่ยปากพูด บริษัทตระกูลหานไม่มีทางไม่ สนใจแน่นอน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีเย็นหวั่นจึงค่อยๆพูดอธิบาย: “นั่นไม่ได้ เป็นเงินน้อยๆเลยนะ มันเยอะมากๆ นั่นเป็นกับดักที่ตระกูลสวีไป ติดกับ จะให้คนตระกูลอื่นเข้ามาเกี่ยวพันได้อย่างไร พ่อของฉัน เข้มแข็งมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่ใช่กับดัก เขาก็ไม่มีทางขอให้ คนอื่นช่วยแน่นอน”

หานซึ่งนึกถึงลุงสวี่ขึ้นมา ทุกครั้งที่เจอ เขามักจะมีท่าทาง เคร่งเครียดดุดันเสมอ เห็นแล้วไม่กล้าเข้าไปยุ่งอะไรด้วย แต่ หานชิงรู้ดีว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ที่มีนิสัยดีมากคนหนึ่ง

แม้ว่าเขาจะดุ แต่เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ลำเอียงกับลูก คนใดคนหนึ่ง อบรมสั่งสอนสวีเย็นหวั่นได้ดีมาก

ถ้าเขาเอ่ยปากขอให้ช่วยอะไร หานซึ่งไม่เคยปฏิเสธเลยสัก ครั้ง

เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น หานซึ่งไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย เห็นที คุณลุงและคุณน้าสวี่คงสั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบห้ามบอกใคร ดังนั้นสวีเย็นหวั่นจึงมาหาเขาถึงที่หลังจากที่พ่อแม่จากไปแล้ว

หานชิงรู้สึกสับสนภายในใจเหลือเกิน

“นายไม่ต้องคิดอะไรมาก พ่อของฉันก็เป็นแบบนี้แหละ วินาที สุดท้ายที่เขามีชีวิตอยู่ เขาบอกฉันว่า ชีวิตนี้ห้ามไปขอร้องคนอื่นไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ต้องแบกรับไว้เอง ขอเพียงแค่ตัวเองผ่าน มันไปได้ จึงจะถือว่าลุกขึ้นยืนได้จริงๆ ช่างน่าเสียดาย เขาไม่มี โอกาสที่จะกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกแล้ว”

ฮือๆๆ—

สวี่เย็นหวั่นอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอีกครั้ง หล่อนหยิบกระดาษ ทิชชูขึ้นมาเช็ดน้ำตา แม้ว่าจะร้องไห้อยู่ แต่ใบหน้าของหล่อนยัง คงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา “ดังนั้น หานซิง นายไม่ต้องรู้สึกผิด ตอนนี้ไม่มีตระกูลสวอีกต่อไปแล้ว ต่อไปฉันจะพยายามต่อสู้ใหม่ อีกครั้ง”

หานซึ่งไม่พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้ายอมรับ

อันที่จริงฉันอยากกลับมาหานายตั้งนานแล้ว แต่เกิดเรื่องกับ ครอบครัวของฉันเร็วเกินไป ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านมา นานหลายปีแล้ว”

จนกระทั่งพ่อกับแม่จากไป สวีเย็นหวั่นจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จ เรียบร้อย จึงจะมีโอกาสออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ