เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1023 คุณไม่สบายใจอีกแล้วใช่ไหม



บทที่1023 คุณไม่สบายใจอีกแล้วใช่ไหม

แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านไปหลายปีแล้ว ทุกอย่างยังคงอยู่ เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ผ่านไปครู่หนึ่ง อารมณ์ของหาน จื่อสับสนขึ้นมาทันที

นอกจากอารมณ์สับสนแล้ว มุมปากของหล่อนก็เผยอขึ้นอีก ด้วย

เมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากที่ตัวเองออกมา เยโม่เซินก็ไม่ได้นำ ใบนี้ไปทิ้ง หรือนี่แสดงให้เห็นว่า…ตอนนั้นเขา

เมื่อคิดถึงตอนนี้ หานมู่จื่อยื่นมือออกมา ลูบไปบนโต๊ะ จากนั้น ค่อยๆเปิดออก

เมื่อถูกเปิดออกมา หาน จื่อรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าสิ่งของ ด้านในทับซ้อนกับความทรงจำที่เหลืออยู่ มือที่จับประตูตู้ไว้อยู่ สั่นอย่างรุนแรง หล่อนยืนเหม่อลอยอยู่ที่เดิม

ไม่เพียงแค่ตู้ใบนั้น แม้แต่สิ่งของด้านใน ยังคงอยู่เหมือนเดิม

พวกคนทำความสะอาดที่เซียวจัดหามา ล้วนแล้วแต่เป็นคน ที่มีความสามารถและชำนาญการ เซียวซูกำชับให้พวกเขา ทําความสะอาดเท่านั้น แต่สิ่งของที่มีอยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น กระเบื้อง อิฐ ไม้ ไปจนถึงเตียง โซฟา ตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่แจกัน พรม ต้องเก็บรักษาไว้ที่เดิม
เหมือนมีแรงบางอย่างมากระชากในใจ ทําให้จิตใจของหา นมู่จื่อสั่นสะเทือนไปหมด

หลังจากที่เย่โมเงินเห็นตู้เล็ก ใบนั้น ทำให้ปวดหัวอย่างรุนแรง ขึ้นมาทันที เขาที่ยืนอยู่ด้านข้างประตูเอนตัวครึ่งหนึ่งพิงไปที่ ประตู ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ

เดิมทีในสายตาของเขามีเพียงแค่หานจื่อที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้าง

ตอนนี้ ด้านข้างกลับมีเงาของอีกคนหนึ่งเพิ่มเข้ามา ชายตัวสูงใหญ่นั่งอยู่บนรถเข็น ภายในห้องเงียบสงัด เขานั่ง อยู่ไม่ไกลจากตู้ สายตาของเขาไม่ขยับออกไปจากตู้ใบนั้นเลย

สิ่งที่ไม่รู้ก็คือ ไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เยโม่เป็นรู้แล้วว่า นั่นคือความคิดถึงเดียวที่หลง เหลืออยู่ในห้องนี้หลังจากที่หล่อนจากไปจากที่นี่

เป็นเพราะหล่อนไม่ได้กลับมาเก็บของ ดังนั้นสิ่งของภายในตู้ จึงไม่ได้หายไปไหน กลับกลายเป็นความคิดถึงของเย่โม่เชิน

เขาดำเนินชีวิตซ้ำๆทุกวัน ไปทำงาน เลิกงาน ระหว่างที่สืบหา ข่าวคราวของหล่อน ก็คอยมองดูของที่หล่อนทิ้งไว้แทนความ คิดถึง

เมื่อเข้าภายในห้องนี้ เขาก็จะนั่งเหม่อลอยอยู่บนรถเข็น จาก นั้นก็มีภาพเหตุการณ์ในอดีตมากมายปรากฏขึ้นในหัวของเขา ทั้งกายและใจมีเพียงแต่ภาพรอยยิ้มของผู้หญิงผู้นั้นเพียงคนเดียว

ต่อมา…ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาไม่ได้มาเยือนที่นี่อีก แต่ ทุกอย่าง ในที่นี้เขาไม่เคยทำการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย

ความทรงจําเหล่านี้แวบขึ้นมาในหัวของเย่ ไม่เป็นอย่าง รวดเร็ว ราวกับดอกไม้ไฟที่จุดในค่ำคืนวันปีใหม่ และหายไป อย่างรวดเร็วภายในพริบตาเดียว

อาการปวดหัวทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่โม่เป็นเม้มริมฝีปาก แน่น ขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์

เหงื่อเย็นไหลซึมลงมาจากหน้าผาก

เย่ไม่เซินพยายามตั้งสติ ออกแรงมหาศาลจึงจะสามารถพาตัว เองหลุดออกมาจากความทรงจำได้ ทันใดนั้นภาพตรงหน้า ชัดเจนขึ้น ไม่มีภาพเหล่านั้นอีกแล้ว

สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า มีเพียงหาน จื่อที่ยืนเหม่ออยู่หน้า เท่านั้น

ดูไปแล้วหล่อนก็คงเหมือนเขา ที่มีความรู้สึกพิเศษกับตู้ใบนี้

มาก

เยโม่เซนเห็นหล่อนยื่นมือออกมา ปลายนิ้วที่ขาวนวลสัมผัส กับเสื้อผ้าเหล่านั้นเบาๆ เขาปวดหัวรุนแรงมากขึ้น ปวดจนทนไม่ ไหวอีกต่อไป จนแทบจะโอดครวญออกมา

หากให้หล่อนเห็นสภาพของตัวเองเช่นนี้ คงทำให้หล่อนเป็น ห่วงอีก
ตอนนั้นเย่ ไม่เงินจึงไม่คิดลังเลอะไร หันหลังออกไปทันที

แต่หาน จื่อกำลังตกอยู่ในภวังค์ของห้วงความทรงจำ ยัง ไม่ทันสังเกตว่าเย่ไม่เป็นออกไปแล้ว หล่อนค่อยๆลูบจับเสื้อผ้าที ละตัว

ทันใดนั้นมีของบางอย่างสัมผัสโดนแขนของหล่อน หานมู่ อก้มหน้าลง จึงเห็นว่าเป็นน้ำตาหนึ่งหยด

หล่อนตั้งสติขึ้นมาได้และหยุดการกระทำทุกอย่าง แต่ไม่กล้า ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้า

หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องเสียน้ำตาให้กับใบหนึ่ง ถ้าเย โม่เช่นเห็น เขาคงต้องหัวเราะเยาะตัวเองแน่นอน

ไม่ได้ จะให้เขาเห็นไม่ได้

หาน จื่อแสร้งทำเป็นเอนตัวเข้าไป ยื่นหัวเข้าไปในตู้เสื้อผ้า จากนั้นใช้เสื้อผ้าเช็ดน้ำตาอย่างร้อนรน ออกแรงควบคุมอารมณ์ ของตัวเองให้ใจเย็นลง จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกให้ตัวเองกลับ มาอยู่ในสภาพปกติ

คงเป็นความหวาดกลัว ดังนั้นเมื่อหานคู่จื่อหันกลับมา ใบหน้า ของหล่อนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นแล้ว

“คิดไม่ถึงเลยว่าตู้ใบนี้ยังอยู่ตรงนี้ ตอนนั้นที่ฉันเอาตู้ใบนี้ มาที่นี่มันไม่ง่ายเลยนะ คุณยัง…”

หานมู่จื่อพูดได้เพียงครึ่งหนึ่งก็หยุดไป เพราะตรงหน้าของ หล่อนไม่มีเงาของเย่ไม่เป็นมานานแล้ว หล่อนยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม ทําท่าที่ประหลาดใจและสงสัย

เมื่อครู่เขายังอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ? หล่อนหันไปดูไม่นาน เขา ก็หายไปแล้ว?

หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เมื่อคิดถึงตอนนี้ สีหน้าของหาน จื่อเปลี่ยนไปทันที หล่อนรีบ

เดินออกไปหาเย่ ไม่เซ็น

เมื่อออกมาจากห้อง หาน จื่อเห็นเย่ ไม่เซินยืนอยู่ตรงสุดทาง เดิน เป็นที่ติดริมหน้าต่างพอดี และตอนนี้เขาก็หันหลังให้หล่อน มือข้างหนึ่งจับหน้าต่างไว้

หาน จื่อเดินปรี่ตรงไปหาเขาด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้เรียก ชื่อของเขา เมื่อเดินเข้าไปใกล้จึงพบว่ามือของเขาที่จับหน้าต่าง ไว้เกร็งนูนขึ้นมา

เย่โม่เซินฝืนอดกลั้นความเจ็บปวดที่หัวเอาไว้ อดทนความเจ็บ ปวดที่เหมือนภูเขาถล่มใส่ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เหงื่ออัน เยือกเย็นก็ไหลท่วมไปทั้งตัวของเขา

ไม่อยากเชื่อเลยว่าอาการปวดหัวของเขาไม่มีท่าทีทุเลาลงเลย กลับรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ตอนนั้นเอง เย่ไม่เป็นได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆดังมาจากด้านหลัง ของเขา

เขารีบหดหัวลง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปทันที เช็ดเหงื่อด้วยมือ จากนั้นหันไปมองหานมู่จื่อ
“ดูเสร็จแล้ว?”

สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง น้ำเสียงปกติ ฟังดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่หาน จื่อยังคงจ้องมองเขา

เยโม่เป็นยิ้มและเดินเข้ามา “เป็นอะไรเหรอ?” หานมู่จื่อไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องเขา สุดท้ายจึงถามขึ้น “ฉัน

ควรเป็นฝ่ายพูดประโยคนี้มากกว่านะ คุณเป็นอะไรรึเปล่า?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยโม่เซ็นเผยอริมฝีปากขึ้น “คืออะไรเป็น

อะไรงั้นเหรอ??”

เมื่อเห็นท่าทางของเขา ในที่สุดหาน จื่อทนต่อไปไม่ไหว ขมวดคิ้วขึ้น กัดริมฝีปากมองเขา

“คุณไม่สบายใจอีกแล้วใช่ไหม?”

เย่โม่เซ็น: “เปล่า แค่อยากมานั่งตากลม ดูวิวที่หน้าต่างแค่

นั้น”

เขาพูดโกหกอย่างสบายใจ ราวกับว่าคนเมื่อครู่ที่เจ็บปวดจน ต้องจับหน้าต่างไว้แน่นจะไม่ใช่เขา และท่าทีเช่นนี้ของเขาทำให้ หานมู่จื่อ โกรธ แต่ในขณะเดียวกันก็สงสารเขาด้วย

โกรธที่เขาปิดบังตัวเอง ไม่ยอมให้ตัวเองรับรู้ถึงความเจ็บปวด ของเขา

สงสารเขามากขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะปิดบังตัวเองอีก กลัว หล่อนเป็นห่วงงั้นเหรอ?
ยิ่งคิดแบบนี้ หาน จื่อยิ่งรู้สึกสงสารเข้าขึ้นมา อยากจะพูด ตำหนิเขา แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้เขาเจ็บปวดมากขนาดนี้แล้ว ถ้า หล่อนยังโมโหใส่อีก เขาคงต้องมาปลอบหล่อนอีก

เขาทรมานขนาดนี้แล้ว ยังต้องปลอบหล่อนอีก เขาต้องเจ็บ ปวดขนาดไหนกัน?

เมื่อคิดถึงตอนนี้ หานมู่จื่อจึงทำได้เพียงยิ้ม แสร้งทำเป็นเชื่อ เขา พูดถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ด้านล่างมีอะไรน่าดูงั้นเหรอ? เมื่อครูฉันบอกให้คุณดู คุณดูแล้วยัง?”

เมื่อพูดถึงตู้ เย่โม่เป็นปวดหัวรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง

หานคู่จื่อสังเกตเห็นว่าหางตาของเขากระตุกขึ้น หล่อนจึงนึก ขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ควรพูดถึงตู้ใบนั้น จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “จริงสิ เมื่อครู่ฉันนึกถึงสวนดอกไม้ขึ้นมา หรือว่า…พวกเราไป เดินเล่นตรงนั้นกันดีไหม อากาศดีใช้ได้เลย”

ใบหน้าอันซีดขาวของเย่ โม่เป็นปรากฏรอยยิ้มขึ้น พยักหน้า ด้วยความอ่อนโยน: “โอเค”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ