เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 30 ศักดิ์ศรีของเธอ….เท่าไหร่



บทที่ 30 ศักดิ์ศรีของเธอ….เท่าไหร่

“555 บรรยากาศเป็นใจมากเลยล่ะครับ แต่ ผมว่าคุณชายเย่คงจะไม่เข้าใจ”

ลู่สุนฉางพูดจบก็เบนสายตาไปมองที่ขาของ เยโม่เซิน

เซียวซู่เลิกคิ้วสูง รู้สึกโกรธขึ้นมา

ใบหน้าของเย่โม่เซินยังปกติ ตอบเสียงเย็น “เป็นเรื่องที่เข้าใจยากจริง ๆ และถึงแม้ว่าจะเล่น จริง ผมก็เลือกที่จะเล่นกับผู้หญิงที่สะอาด กับ ของมือสองคงเล่นไม่ลงจริง”

เสิ่นเฉียวที่หลบอยู่หลังต้นไม้เงียบสนิท “…”

เชี่ย นี่เขารู้ไหมว่าเธออยู่ตรงนี้ ? รู้ไหมว่าคำ พูดพวกนั้นมันกำลังทำร้ายเธออยู่?

ลู่สุนฉางไม่ได้แสดงความหงุดหงิดกับคำพูด ของเย่โม่เซิน ริมฝีปากของเขายกยิ้ม “จริง ๆ ผม อยากจะรู้มากว่าคุณชายเย่รู้เหรอครับว่าเป็นมือ สองหรือเปล่า?”

เซียวซูกัดฟันแน่น “คุณอยากจะเล่นทางใหม่ เหรอครับ?”

คู่สุนฉางไม่เข้าใจ “??”

“คุณถามแบบนั้นผมก็คิดว่าคุณต้องการมีอะไรทางช่องทางใหม่ถึงถามคุณชายเย่แบบ นั้น”

อะไรกัน? ลู่สุนฉางตกตะลึง เขาแค่ต้องการ เย้ยหยันที่เยโม่เซินพิการและไร้สมรรถภาพ เขา บอกตอนไหนว่าต้องการอะไรแบบนั้น? ผู้ช่วยคน นี้น่าเกลียดจริง ๆ

เสิ่นเฉียวเองก็พูดไม่ออก ไม่คิดว่าความคิด ของเซียวซู่จะแย่แบบนี้!

สู่สุนฉางตะลึงไปครู่หนึ่งถึงโต้กลับได้ “คำ พูดของคุณชายเย่นี่น่าสนใจนะครับ”

เคลื่อนไหวอย่างมีหลักการและรุนแรง

ทำเอาเซียวซู่สำลักอากาศ

ลู่ซุนฉางหันไปมองหน้าเย่โม่เซิน “ถ้าผมรู้ ก่อนว่าคุณชายเยจะมาร่วมงานก็คงจะไป ทักทายคุณก่อนแล้ว”

ดวงตาของเย่โม่เซินสงบและเฉยเมย “ไม่ จำเป็นหรอกครับ”

เสิ่นเฉียวฟังจากที่ไกล ๆ เพราะตรงนี้มืดมาก อีกทั้งยังใส่ชุดกระโปรงอีก ยืนอยู่ตรงนี้เป็นเวลา นานจนโดนยุงหามแล้ว ตอนนี้ที่น่องโดนยุงกัด จนทนไม่ไหวอยากจะออกไปจากตรงนี้เต็มทน

แต่ถ้าจะทำแบบนั้นจะต้องงอตัวไว้งอตัวแล้วเสียงจะออกมา

พอเกิดเสียงก็จะถูกคนอื่นพบเข้า แม้จะคิดได้แต่เสิ่นเฉียวก็ไม่กล้าทำ ได้แต่

อดทนอยู่แบบนั้น

แต่ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เธองอตัวลง โชค ดีที่มองเห็นใบไม้ก็เอามาทำเสียงเพิ่มด้วย

รอยยิ้มบนริมฝีปากของลู่สุนฉางหายไป รีบ ก้าวไปทิศทางที่เธออยู่ “ใครอยู่ตรงนั้น?”

เสิ่นเฉียวกลัวมากจนไม่กล้าขยับ

เสียงเย็นของเย่โม่เซินดังขึ้น “แค่ลมพัด ประธานลู่ไม่จำเป็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ขนาด นั้นหรอกมั้ง?”

ลู่ซุนฉางหยุดเดินเมื่อได้ยินแบบนั้น “เป็น เสียงลม หรือคุณชายเย่อยากจะปกป้องใครหรือ เปล่าครับ?”

เย่โม่เซินไม่พูด ดวงตาไม่แสดงอารมณ์ แต่ ร่างกายตอบสนองออกมาว่ากำลังไม่พอใจ

“สามารถทำให้คุณชายเยปกป้องได้ ผมล่ะ อยากจะเห็นหน้าจริง ๆ”

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน เยโม่เซินแสดงออกว่า กำลังโกรธจนลู่สุนฉางยิ้มขึ้นมา “ได้ยินมาว่าคุณ ชายเย่ใช่ว่าใครจะปราบได้ง่าย ๆ ได้มาเจอวันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้นเลยนะครับ ผมยังต้องไปเดท กับสาวสวย คงจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว”

“ตามสบาย”

เสิ่นเฉียวที่อยู่ท่าเดิมมานานตะคริวจะกินแล้ว ตอนนี้ลู่สุนฉางไปแล้ว รอเพียงแค่ให้เย่โม่เซินอ อกไปเท่านั้น

แต่เสิ่นเฉียวรอมานานเย่โม่เซินก็ไม่มีทีท่าว่า จะไปจากตรงนี้

รอไปอีกสักพักจนเกือบจะทนไม่ไหว ในที่สุด ก็ได้ยินเสียงเย่โม่เซินเคลื่อนไหว

“จะอยู่ตรงนั้นเป็นนกกระจอกเทศอีกนาน ไหม?”

เสิ่นเฉียวตกใจจนล้มลงกับพื้นเมื่อได้ยินคำ พูดนั้น

“ใครน่ะ?” เซียวซู่เบิกตากว้าง รีบเดินไปดูถึง เห็นว่าเป็นเสิ่นเฉียว “คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ครับ?”

เสิ่นเฉียวขยับตัวไม่ได้จนต้องพิงตัวกับต้นไม้ เอาไว้ แก้วในมือถูกวางไว้บนใบไม้ข้างตัว เธอถู น่องตัวเองที่ถูกยุงกัดโดยที่มีเซียวซู่มองอยู่และ ไม่สามารถช่วยอะไรได้

เซียวซูคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “ที่แท้คนที่ลู่สุนฉางพูดถึงคือคุณเหรอ?”

เยโม่เซินควบคุมรถเข็นเข้ามาหา จ้องมอง เธอที่นั่งอยู่บนพื้น “ลุกขึ้น”

เสิ่นเฉียวรู้สึกไม่สบายตัวมากแต่ก็ต้องจำใจ ลุกขึ้นยืน

“ฉันให้เธอตามหาประธานลู่แต่เธอดันมาดู หนังสดเนี่ยนะ?”

อะไรนะ? เสิ่นเฉียวเบิกตากว้าง แก้มขึ้นสี แดงระเรื่อ เขารู้จริง ๆ ด้วย ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า เขาเองก็อยู่ตรงนั้นมานานแล้วนะสิ?

เสิ่นเฉียวพูดตะกุกตะกัก “คุณ….คุณเองก็ เห็นเหรอ?”

เยโม่เซินเหลือบตามอง “ยอมรับแล้ว?”

เสิ่นเฉียวได้ยินแบบนั้นถึงรู้ตัวว่ากำลังติดกับ รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่นะไม่ใช่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แอบมองนะ ฉันแค่เห็นเขาพอดีก็เลย…ฉันกลัวว่า จะถูกเขาเห็นเข้าก็เลยแอบอยู่หลังต้นไม้นี่ แล้ว ใครมันจะคิดล่ะว่าพวกเขาจะ.”

บัดสีบัดเถลิง!

ก็แค่ออกมาจากงานจัดเลี้ยงแค่นั้น

“คิดไม่ถึงหรือว่าตั้งใจ เธอไม่สังเกต สถานการณ์ของเขากับอีกคนบ้างเหรอ? หรือว่า…” ดวงตาของเย่โม่เซินเปลี่ยนไปกะทันหัน เกิดเสียงเย็นและเคร่งขรึมขึ้น “ลู่สุนฉางเป็นเป้า หมายต่อไปของเธอเหรอ?”

เสิ่นเฉียวเข้าใจแล้วว่าเยโม่เซินต้องการจะ สื่ออะไรเมื่อได้ยินประโยคนั้นจนจบ

เขากำลังหมายความว่าเธอเป็นผู้หญิงหลาย ใจ แค่เห็นผู้ชายก็อยากจะเข้าไปยั่วยวนอย่างนั้น เหรอ? ลู่สุนฉางยังมีดีทั้งที่ตัวเขาเองและ ครอบครัว เย่โม่เซินก็เลยคิดว่าเสิ่นเฉียวเปลี่ยน เป้าหมายแล้ว

ใบหน้าของเสิ่นเฉียวซีดเผือด แม้แต่ที่ริม ฝีปากเองก็ไม่มีสีเลือดเลยเมื่อเธอคิดว่าเขาคิด กับเธอแบบนั้น

“ฉันรู้ว่าคุณดูถูกฉัน แต่คุณก็ไม่จำเป็นที่จะ ต้องมาหักหน้ากันขนาดนี้หรือเปล่า? ฉันก็มี ศักดิ์ศรีของตัวเองนะ!”

“เหรอ? ถ้าอย่างนั้นศักดิ์ศรีของเธอ…เท่า ไหร่?”

เยโม่เซินเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอไว้แทบ

เท้าอย่างรุนแรง

เสิ่นเฉียวเบิกตากว้าง

ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนแย่ได้ขนาดนี้ ต่อหน้าก็พูดเยาะเย้ยถากถางคำพูดของ เธอแต่ก็ยังปกป้องเธอได้จากภัยทั้งหมด แล้วยัง ช่วยรักษาหน้าเธอไว้อีก

สรุปว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่?

เส้นเฉียวเม้มริมฝีปากแน่น ตัดสินใจที่จะไม่ โต้ตอบเขา

“เซียวซู่ ไปได้แล้ว” เย่โม่เซินสั่งเสียงเย็น เซียวซู่พยักหน้าแล้วเดินไปเข็นวีลแชร์เดินออก

ไป

เสิ่นเฉียวเห็นว่าพวกเขากำลังจะไปก็รีบเดิน

ตาม

“ไม่ต้องตามมา”

เสิ่นเฉียวหยุดทุกการกระทำ ได้แต่มองดูเย่ โม่เซินที่ออกห่างจากสายตามากขึ้นเรื่อย ๆ

แล้วเสิ่นเฉียวก็ตามไป พอดีกับที่รถของเย่โม่ เซินออกตัวไปพอดี

เอาล่ะ เธอถูกทิ้งอีกแล้ว

เสิ่นเฉียวอยากจะร้องไห้และหัวเราะออกมา

อยากจะร้องไห้ก็เพราะเธออาจจะต้องเดิน กลับ เธอไม่มีกระเป๋าเงินติดตัว เงินในโทรศัพท์ก็ มีไม่มาก
ทุกอย่างถูกมัดรวมไว้ที่เธอแบบนี้มันเกินไป หรือเปล่า?

เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่วาววับ น้ำตาคลอเบ้าและเหมือนว่ากำลังจะไหล ออกมา

“เสิ่นเฉียวอย่าร้องนะ มันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ เท่านั้น เธอยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอีก มากมายในอนาคต!”

เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่

จู่ๆ ก็มีรถเบนท์ลีย์สีน้ำเงินมาหยุดตรงหน้า

เธอ

กระจกรถเลื่อนลงเผยให้เห็นสายตาคมของ

ลู่สุนฉาง

“ขึ้นรถไหม? ผมจะไปส่ง”

เสิ่นเฉียวมองลู่สุนฉางก็พลอยคิดถึงฉากที่ เห็นนอกงานเลี้ยงนั่น ทำให้ต้องหลบตา “ไม่ ไม่ เป็นไรค่ะ”

ดวงตาของลู่สุนฉางเผยความขี้เล่นออกมา

“ไม่ให้ไปส่งจริง ๆ เหรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ