เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1396 จะรับผิดชอบฉัน



บทที่ 1396 จะรับผิดชอบฉัน

เมื่อนึกถึงจุดนี้ ทั้งตัวของเจียงเสี่ยวไปก็รู้สึกไม่ดีในทันที อารมณ์ไม่ดีเหมือนฮัสกี้จริงๆ

หลังจากรอไปครึ่งชั่วโมง เจียงเสี่ยวไปก็ยังไม่เห็นคนขนย้าย ของพวกนั้น รำคาญจนเดินไปที่หน้าต่างเพื่อหายใจ สุดท้าย กลับมองเห็นรถยนต์คันที่คุ้นเคยขับมาทางด้านนี้อยู่ข้างล่าง

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่นคือรถของเซียวซู

เจียงเสี่ยวไปรีบกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นมองไปรอบ ๆ

ทำไมเซียวซูกลับมาเร็วจัง คนบริษัทขนย้ายของยังมาไม่ถึง เลย พอถึงตอนนั้นเจอกันเธอจะพูดว่าอะไรดี?

คิดไปคิดมา เจียงเสี่ยวไปก็ก้าวไปข้างหน้าแขวนของสำคัญ ลงบนบ่าของตัวเอง จากนั้นก็เปิดประตูห้องอย่างรวดเร็วและขึ้น ลิฟต์ลงไปชั้นหนึ่ง

เธอเดินไปทางเดินของอีกฝั่งสักพัก รอให้เซียวซูเข้าไปใน บ้าน เธอถึงจะลงลิฟต์อีกครั้ง ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการพบ เจอเซียวซูได้

เมื่อเชียว กลับมาบ้านนั้น ก็เห็นว่าของในบ้านถูกเก็บจน เกือบจะหมดแล้ว แต่ว่าของยังไม่ถูกนำออกไป และไม่เห็นเงา ของเจียงเสี่ยวไป ดังนั้นเซียวซูจึงไปที่ห้องต่างๆ เพื่อค้นหาสุดท้ายก็ยังไม่พบตัวเธอ

เขายืนอยู่ที่เดิมสักพัก จู่ๆก็รู้อะไรบางอย่าง

ไป

หันหลังวิ่งออก

เมื่อสักครู่ตอนที่เขาขึ้นมานั้น มองเห็นลิฟต์ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ตอนที่เขามายังเห็นไฟตรงทางเดินสว่างอยู่ ไม่ได้มีข้อสงสัยใด ๆ ในใจ แต่ว่าตอนนี้ลองคิดๆดู เจียงเสียวไปอาจจะวิ่งขึ้นไปชั้น บนแล้วก็ได้

เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริงๆ ตอนที่เซียววิ่งออกไปข้างนอกนั้น มองเห็นลิฟต์ลงไปที่ชั้นสองแล้ว

สีหน้าของเขาดูมืดมน หันศีรษะเดินตรงเข้าไปยังทางเดิน วิ่ง ขึ้นบันไดไป

ทำไมเขาถึงโง่ขนาดนี้ ยัยคนนี้ฉลาดขนาดนี้ ถ้าหากเห็นว่า

ตัวเขาเองกลับมาแล้วนั้น จะต้องหาทางหลบหลีกเขาได้อย่าง

แน่นอน และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาสามารถตามเธอได้หรือไม่

แต่ไม่นานเซียวซูรู้สึกโล่งใจ ถ้าเขาเดาผิดล่ะก็ ก็ช่างมันเถอะ

แต่ว่าตอนนี้ให้เขาเดา ตราบใดที่เจียงเสียวไปไม่ได้เรียกรถ แท็กซี่ไว้ล่วงหน้า ตามรอยเท้าของเขานั้น ไม่นานเขาก็ สามารถตามเจียงเสี่ยวไปได้

หลังจากคิดเช่นนี้ เซียวซูก็ไม่ได้กังวลและประหม่าเหมือนเมื่อ ก่อนอีกต่อไป เพียงแค่เพิ่มความเร็วของฝีเท้าเพื่อตามไปเท่านั้น

ในตอนที่เจียงเสี่ยวไปถือสิ่งของของตัวเองเดินออกมานั้นเห็นว่าลิฟต์ไม่ได้ขึ้นไปด้านบน ก็ยกยิ้มริมฝีปากขึ้นทายว่าเขียว ซูคงเดาไม่ถูกสินะ?

พอถึงตอนนั้นปล่อยให้เขารออยู่ที่บ้านด้วยตัวเองก็ได้แล้ว ทางนี้เธอก็จะขอตัวออกไปก่อน

เมื่อคิดเช่นนี้ ฝีเท้าของเจียงเสี่ยวไปก็ช้าลงเล็กน้อย

เดิมทีเจียงเสี่ยวไปคิดที่จะเรียกรถไปพลางเดินไปพลาง แต่ใน มือของเธอถือสิ่งของมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถหาที่ ว่างเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาได้เลย เดิมคิดว่าจะวางของ ลงข้างทางก่อน แล้วค่อยเรียก โทร

ใครจะรู้ว่าขณะที่เดินอยู่ คนร่างสูงคนหนึ่งก็มาดักอยู่ตรง หน้าของเจียงเสี่ยวไป

เมื่อเจียงเสี่ยวไปเห็นเซียวซูยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเองนั้น ก็

ตกตะลึงทันที

มาได้อย่างไร?

เขาควรจะยังอยู่ชั้นบนไม่ใช่เหรอ? ทำไมเร็วขนาดนี้?

หลังจากนั้นตกตะลึงไปไม่กี่วินาที เจียงเสี่ยวไปก็อยากจะเดิน ผ่านเขาไปมากขึ้น เซียวซูยื่นมือออกรั้งเธอ เจียงเสียวไป สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง เซียวซู ก็ ยื่นมือออกมารั้งเธออีก

ยังไงซะไม่ว่าเจียงเสี่ยวไปจะไปทางไหน เซียวซูก็สามารถรั้ง เธอได้หมด
สุดท้ายเจียงเสี่ยวไปจึงจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “ออกไป ให้พ้น!”

เมื่อต้องเผชิญกับความโมโหของเธอ สีหน้าของเซียวซู่ดูท่า

อะไรไม่ถูกเล็กน้อย: “เราคุยกันหน่อยไหม? คุยกัน? เจียงเสี่ยวไปไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าเขาพูดอะไร ตัว

เธอเองคิดไว้แล้ว และรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องคุยกัน

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอจึงพูดตรงๆ “ระหว่างฉันกับนายไม่มีอะไร จะต้องคุยกันอีก”

เมื่อได้ยิน เซียวซูก็ขมวดคิ้วมองเธอ แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร อีก แต่ก็ยังตั้งอยู่ตรงหน้าเจียงเสียวไปไม่ให้เธอไปต่อ

เจียงเสียวไปขยับตา จากนั้นก็เอ่ยว่า “คนขนย้ายของจะมา ช้าหน่อย พอถึงตอนนั้นรบกวนนายบอกพวกเขาหน่อยว่า ของวางไว้บนรถ จากนั้นฉันจะโทรศัพท์บอกพวกเขาว่าจะให้ส่ง ไปที่ไหนเอง สำหรับคุณป้าทางนั้น นายช่วยอธิบายให้เธอฟัง อย่างชัดเจนเองด้วย ท้ายที่สุดฉันก็ไม่ใช่คนอะไรของเธอ มี บางคำที่ฉันไม่สะดวกพูด ”

เมื่อเห็นว่าเธอได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว และไม่ ได้ถามความคิดเห็นใด ๆ ของเขาเลย ในใจของเซียวซูก็รู้สึก ทรมานขึ้นมา ราวกับว่าถูกมือใหญ่คู่หนึ่งจับไว้แน่น

แต่ว่าก็จริง ถ้าเธอต้องการให้เขาทำอะไรบ้าง ก็คงจะไม่เก็บ ข้าวของและวิ่งออกไปด้วยตัวเอง เธอหนีออกไปอย่างไม่บอกไม่ กล่าว และยังไม่รับสายเขาอีก ซึ่งหมายความว่าเธอต้องการแยกทางกัน

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เซียวซูก็เม้มริมฝีปาก แล้วถามว่า “คุณแน่ใจ หรือว่าการจัดการเช่นนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด?”

เมื่อได้ยิน เจียงเสี่ยวไปก็ถึงกับผงะ

พูดตามตรง จริงๆแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าเธอเองต้องการการจัดการ แบบไหน เซียวซูไม่ชอบเธอ เธอเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ชอบเสียว ด้วย หรือเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวใจของเธอนั้นเป็นอย่างไร

เมื่อเห็นเธอไม่ได้พูดจา เซียวซูก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว “ส่ง

ของมาให้ผมเถอะ แล้วไปคุยกันที่ชั้นบนเถอะ”

เจียงเสียวไปเงยหน้าขึ้นมองเขา

“หรือว่า คุณอยากคุยที่นี่ ก็ได้นะ”

หลังจากมองเขาอยู่นาน จู่ๆเจียงเสียวไปก็ยัดทุกอย่างลงใน มือของเขา “ได้ อยากพูดคุยใช่ไหมลิ้นของพวกนี้นายช่วยฉัน

ถือ ฉันจะขึ้นไปคุยกับนาย

ตอนที่เธอยัดสิ่งของเข้ามานั้น เซียวซูก็ไม่ปฏิเสธอะไร รับมัน โดยตรง และถืออยู่ในอกมันอย่างเป็นธรรมชาติ

สิ่งของที่ทำให้เมื่อสักครู่นี้เจียงเสี่ยวไปวิ่งอย่างยากลำบาก พอเปลี่ยนเป็นอยู่ในมือเซียวซูก็ดูเป็นเรื่องสบายๆมากๆ

เจียงเสี่ยวไปหันตัวและเดินไป เซียวเดินตามหลังเธอ ไม่ นานก็กลับมาถึงในบ้าน
ท่าทางเหมือนราชินีของเธอ พอเข้ามาก็นั่งลงบนโซฟาทันที

“ตอนนี้มาถึงบ้านแล้ว นายจะคุยอะไรกับฉัน? พูดมาสิ” เจียงเสี่ยวไปวางสร้อยข้อมือไว้ตรงหน้า จ้องมองไปที่เซียวซู แต่สิ่งที่เขาคิดในใจก็คือ ท่าทางจะต้องแพ้ไม่ได้แน่นอน และ เธอก็ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าเธอเองเสียเปรียบมากๆออกมา อีกด้วย

เซียวไม่ตอบคำถามของเธอ เพียงแค่วางของในมือลงบน ข้างๆอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างๆเจียงเสี่ยวไป

“เรื่องเมื่อคืน…….”

เขาแค่เอ่ยปากก็พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อคืน เจียงเสี่ยวไปก็ รีบพูดตามคำพูดของเขาทันที “เรื่องเมื่อคืนเป็นฉันที่ยอมและ นายก็เต็มใจ ฉันไม่เสียเปรียบและนายก็ไม่เสียเปรียบ นายรู้สึก ดิฉันก็รู้สึกดี ดังนั้นนายไม่จำเป็นต้องพูดอะไร! ”

เซียวซูยังพูดไม่จบก็ถูกเธอแย่งตอบไปก่อน และเธอคิดไม่ ถึงว่าเธอจะพูดแรงขนาดนี้ ไม่นานก็นิ่งอยู่ที่เดิม โดยไม่ตอบ สนองเป็นเวลานาน

เมื่อเห็นเขาตกตะลึงอยู่ที่เดิม เจียงเสี่ยวไปก็ยกริมฝีปากขึ้น “ทำไมล่ะ? แปลกใจที่เห็นฉันพูดแบบนี้เหรอ? ฉันจะบอกนาย ให้เซียวซู นายอย่ามาพูดแบบคนเก่าแก่อะไรนั่น อะไรที่ว่าเมื่อ คืนพวกเรามีความสัมพันธ์กัน ในฐานะที่นายเป็นผู้ชายคนหนึ่ง จำเป็นต้องรับผิดชอบฉัน ถ้าหากนายพูดแบบนี้ฉันจะไม่ฟังสัก คำ และนายไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบฉันเพราะเรื่องนี้ด้วย ”
หลังจากพูดจบ เธอก็พูดต่อไปอีกประโยคว่า “ฉันเป็นผู้หญิง ยุคใหม่ เรื่องแบบนี้ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียเปรียบอะไร ดังนั้นถ้า หากนายจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว”

เขียว ถูกอุดปากจนเงียบไร้คำพูดเหมือนคนใบ้ เพราะเขา ต้องการจะพูดแบบนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าความคิดของเจียงเสี่ยวไปจะ แตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิง

มองสีหน้าของเขา เจียงเสี่ยวไปก็รู้ว่าเธอเองพูดถูก ทำ หน้าตารังเกียจไปทั้งใบหน้าและพูดว่า “นายคงจะไม่อยากบอก ว่า เพราะเมื่อคืนเกิดเรื่องขึ้น จะรับผิดชอบฉันจริงๆสินะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ