เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่705 ทำไม ใต้ตาเธอถึงได้ดำขนาดนั้น เลือดออก



บทที่705 ทำไม ใต้ตาเธอถึงได้ดำขนาดนั้น เลือดออก

เป็นลางร้ายงั้นเหรอ?

เมื่อก่อนหาน จื่อเคยได้ยินอะไรแบบนี้แค่ในทีวีเท่านั้น ตอน นั้นเธอรู้สึกว่า….อะไรพวกนี้ไม่ได้มีมูลฐานอะไรเลย พูดสุ่มสี่สุ่ม ห้า ทําไมเลือดออกแล้วต้องเป็นลางร้ายด้วยล่ะ?

แต่ว่าตอนนี้พอตัวเองเห็นรอยเลือดสดเหล่านี้ หานคู่จื่อกลับ พบว่าตัวเองเริ่มกังวลอย่างบ้าคลั่งแล้ว

เดิมทีเธอก็ไม่สบายใจมากอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่วันนี้ทุกอย่างก็ยัง ดีๆอยู่ แต่ว่าหลังจากที่แก้วตก แล้วผู้ช่วยสไตลิสต์พูดประโยค นั้น มันเหมือนตะปูที่นอกเข้าไปในหัวใจของหานคู่จื่อ เหมือนกับว่าโดนคนหยิกหัวใจของตัวเองอยู่ยังไงยังงั้น ความรู้สึกแบบนี้…..

ตอนที่เสี่ยวเหยียนเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ หาน จื่อนั้น ก็อยาก จะดูแผลที่เท้าของเธอ แต่จู่ๆ เธอก็กลับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร หายไม่เป็นเหมือนเป็นบ้า เปลือกตาก็กระตุกไม่หยุด ใจก็เต้น แรงมาก หานเอกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเย่ไม่เป็น

เธอไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก” เสี่ยวเหยียนเห็นสถานการณ์ อยู่ข้างๆ ก็พูดปลอบเธอ “ผู้ช่วยคนนั้นเธอก็แต่พูดส่งๆ ไปเท่านั้นเอง เธอก็ไม่ต้องแคร่หรอกนะ

ผู้ช่วยก็ตระหนักได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรผิดไป ต่อให้มันเป็น ลางร้ายจริงๆ เธอก็พูดมั่วๆ ในเวลาแบบนี้ไม่ได้ มันทำให้หมด อารมณ์แค่ไหนกัน?

เธอรีบเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหานคู่จื่อแล้วก็ก้มหน้ารับผิด “ขอโทษด้วยนะคะคุณหาน ประโยคเมื่อกี้มันคือความผิดพลาด ฉันพูดไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ คุณอย่าถือสาเลยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้ง ใจจริงๆ ”

สไตลิสต์เองก็พูดเสริมเหมือนกัน “ใช่ค่ะคุณหาน พวกคำพูดที่ ว่าเป็นลางร้ายอะไรนี่พวกคุณแก่เขาจะชอบพูดกัน แต่ว่าวันนี้เป็น วันดีจะตาย งานแต่งงานก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้วด้วย คุณนั่งแต่งหน้า ต่ออย่างสบายใจเถอะนะคะ”

“ใช่แล้วมู่จื่อ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เธอไม่ต้องเป็นกังวลไป…… เสี่ยวเหยียนก็พูดอยู่ข้างๆ เหมือนกัน

หานคู่จื่อฟังเสียงเย็นชาของผู้หญิงปลายสายครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังคงไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าเห็นว่าคนอื่นต่างก็เป็น ห่วงเธอ เธอก็รู้สึกว่าบางที่ตัวเองอาจจะกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็น เรื่องใหญ่ก็ได้

ตอนนี้เย่ไม่เป็นอยู่บนเครื่องบิน ยังคงไม่ถึง แน่นอนว่าเปิด โทรศัพท์ไม่ได้อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติมาก

หาน จื่อมองไปที่แผลเล็กๆ ที่เท้าของตัวเอง แล้วก็นึกถึงเรื่อง ที่ผู้ช่วยคนนั้นพูดอีกครั้ง รู้สึกว่าน่าจะเพราะว่าพอตั้งครรภ์แล้วเธอค่อนข้างจะเซนซิทีฟแล้วก็คิดมากเกินไป นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมแก้วแต่ใบหนึ่งถึงทำให้อารมณ์ของเธอขึ้นๆ ลงๆ ได้มาก ขนาดนี้

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามจะทำให้ตัวเองสงบลง หลัง จากนั้นก็พูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นไร ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

พอหาน จื่อเข้าไปในห้องน้ำก็พยายามปรับอารมณ์ของตัว เอง เห็นว่าทุกคนมองเธอย่างไม่สบายใจ เธอก็คลี่ยิ้มออกมา พร้อมกับพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แต่งหน้าต่อกัน เถอะ”

เสี่ยวเหยียนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เธอ พร้อมกับมองเธออย่าง กระสับกระส่าย

“มู่จื่อ เธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม? ”

“อืม ใกล้จะถึงเวลางานแล้วไม่ใช่เหรอ? เรามาต่อกันเถอะ”

ต่อมาสไตลิสต์ก็ระมัดระวังในการจัดแต่งทรงผมมาก น่าจะ

เพราะว่าบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีเมื่อกี้นี้ ทำให้บรรยากาศภายใน ห้องกลายเป็นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผู้ช่วยที่พูดอะไรผิดไป ก็ยิ่งไม่ กล้าแม้แต่จะหายใจดัง คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรตาม อาเภอใจ

หาน จื่อเองก็เงียบมากเกินไป แล้วก็ไม่ได้นอนต่ออีกด้วย หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย เพราะว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว เพื่อนๆ และญาติๆ ก็ทยอยกันมา
สถานที่จัดงานแต่งงานจะอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง และระหว่างนั้นก็จะมีให้ถ่ายรูป เพราะฉะนั้นงานแต่งจะเริ่มขึ้นอีก หนึ่งชั่วโมงครึ่งหลังจากนี้ แต่ว่าก่อนหน้านั้น เจ้าบ่าวจะพาเพื่อน เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาว

และผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายก็จะปรากฏตัวด้วยเช่นกัน พ่อแม่ของเย่ ไม่เซ็นเสียชีวิตแล้ว แถมญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ ของหาน จื่อก็คือพี่ชายของเธอ เพราะฉะนั้นทั้งขั้นตอนนี้ทั้งสอง ฝ่ายก็เลยทําอย่างรวบรัด ให้เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวเลย

หลังจากที่ทานซึ่งค้นหาเกี่ยวกับข้อมูลเที่ยวบินของเย่ไม่เป็น แล้วนั้น ก็เม้มริมฝีปากของตัวเอง “จากสนามบินมาถึงนี้ก็ไม่ไกล เท่าไหร่ หลังจากลงเครื่องเขาก็น่าจะรีบตรงมาที่นี่เลย

หาน จื่อแต่งหน้าเสร็จแล้ว แล้วก็นั่งรอบนเตียงแต่งงานที่ได้ ถูกจัดแต่งไว้เรียบร้อย ในมือก็ถือช่อดอกไม้

เสี่ยวเหยียนที่สวมใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาว แล้วก็แต่งหน้าเสร็จ แล้วก็นั่งอยู่ข้างๆ ตอนที่เห็นหานชิงนั้น เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับ เขา เพราะว่าตอนนี้ให้เธอมาก

อยากจะร้องไห้จริงๆ

ตอนแรกก็อยากจะต้อนรับผู้ชายที่ตัวเองชอบด้วยใบหน้าที่ดูดี ที่สุด แต่ว่าผลก็คือ…เธอกลับนอนไม่หลับ รอยคล้ำใต้ตาของ เธอใหญ่มาก ถึงแม้ว่าช่างแต่งหน้าจะพยายามปกปิดมันไว้ให้ เธอแล้ว
แต่น่าจะเพราะว่าการนอนหลับที่ไม่ค่อยดี สภาพผิวของเสี่ยว เหยียนก็เลยไม่ดีเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามเธอไม่พอใจกับตัวเองใน วันนี้มากๆ

ดังนั้นเสี่ยวเหยียนก็เลยได้แต่อยู่ข้างๆ หาน จื่อ ก้มหน้าฟัง

หานขึงพูดไป

“อืม” หาน อพยักหน้า แล้วตอบว่าอืม แสดงให้เห็นว่าเธอ เข้าใจแล้ว

หานซึ่งมองเธออยู่นาน เห็นว่าเธอไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เหมือนกับว่าไม่ได้มีความสุขในการเป็นเจ้าสาวเลย สายตาเขาก็ เปลี่ยนมามองเสี่ยวเหยียนแทน

สายตาของหานซิงนั้นมืดครึ้มและเยือกเย็นมาก ตอนที่มองไป ที่เสี่ยวเหยียนนั้น เสี่ยวเหยียนก็สามารถรู้สึกได้ในทันที ดังนั้น เธอก็เลยค่อยๆ เหลือบมองหานซิง แล้วก็พบว่าทานซิงกำลังมอง เธออยู่จริงๆ ด้วย

เสี่ยวเหยียนก้มหน้าลงด้วยความประหม่าในทันที หัวใจก็เต้น อย่างรุนแรง?

ทํายังไง ? แง T^T

ทานซึ่งกำลังมองเธออยู่งั้นเหรอ? ทำไมเขาถึงมองเธอล่ะ? หรือว่าเขาเห็นใต้ตาแพนด้าของเธอแล้ว?

เธอคิดแบบนี้ แต่ว่าสายตาคู่นั้นก็ยังคงมองเธออยู่แบบนั้น เสี่ยวเหยียนไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมจู่ๆ หานซึ่งถึงมองเธอ สุดท้ายก็เลยจำต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง

ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอให้ยัยคนนี้กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับตัว เอง หานซิงก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป เขาส่งสายตาให้เธอพร้อมกับ โบกมือ

เสี่ยวเหยียนอึ้งไป มองไปที่เขาอย่างตะลึง หลังจากนั้นก็ยกนิ้ว ขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ตัวเอง

หานซึ่งพยักหน้า แล้วก็หันหลังเดินออกไปข้างนอก

“จ๋อ ฉันออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะ” เสี่ยวเหยียนโน้มตัวลง แล้วกระซิบบอกทานมู่จื่อ เห็นว่าอพยักหน้า เธอก็เลยวางใจ แล้วก็เดินออกไปข้างนอก

หลังจากเดินออกไปยังที่เงียบๆ กับหานซึ่งแล้วนั้น เสี่ยวเหยีย นก็พบว่าหัวใจของตัวเองเต้นเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีก เธอกัดริม ฝีปากล่างของตัวเองอย่างประหม่าแล้วก็มองไปที่ร่างสูงของหาน ซึ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ

“คุณ………คุณเรียกฉันออกมา มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

ตั้งแต่ที่เขาพูดอย่างชัดเจนครั้งที่แล้ว เสี่ยวเหยียนก็ไม่กล้า เรียกเขาว่าคุณหานอีกต่อไป แต่ก็รู้สึกว่าเรียกแบบนี้มันไม่ค่อย คุ้นเคยเท่าไหร่

หานซึ่งหันหน้ามามองหน้าเสี่ยวเหยียนด้วยแววตาที่ซับซ้อน แล้วก็สังเกตเห็นใต้ตาที่ดำคล้ำของเธอ ก็เม้มปากแล้วก็เอ่ยปาก ถาม “มู่จื่อเป็นอะไรไปเหรอ? ”
เสี่ยวเหยียน : “”

แสงสว่างในดวงตาก็จางลงเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังคงตอบคำถาม ของหาน งอย่างจริงจัง

“น่าจะเพราะว่าเป็นห่วงคุณชายเย่ ก็เลยกระสับกระส่ายไป

หน่อย

เจ้าเย่ ไม่เป็นคนนั้น จนป่านนี้ก็ยังไม่โผล่หน้ามาเลย น่าร คาญจริงๆ หานซึ่งเม้มปาก “ฉันเข้าใจแล้ว วันนี้เธอเป็นเพื่อนเจ้า สาวใช่ไหม? รบกวนเธอช่วยปลอบขวัญเธอด้วยนะ ส่วนเรื่องเ โม่เซินเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

เสียวเหยียนพยักหน้าอย่างน่ารัก “ได้” พอพูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าหานซิง: ไม่ ไม่ได้มีเรื่อง อะไรแล้วใช่ไหม? ”

หานชิงขมวดคิ้ว “เรื่องอะไร? ”

เสี่ยวเหยียน : ..………

ฮือๆ เธอนึกว่าอย่างน้อยหานซึ่งก็น่าจะถามเกี่ยวกับเรื่องของ เธอสักประโยคหนึ่ง ไม่คิดเลยว่า……..เขาเรียกเธอมาก็แค่เพราะ เรื่องน้องสาวของเขาเท่านั้นเอง

“ไม่ ไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันเข้าไปก่อนนะ”เสี่ยวเหยียนพูดจบ กำลังจะหันหลัง ไม่คิดว่าจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเธอ

“ทําไมใต้ตาเธอถึงได้ขนาดนั้นล่ะ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ