เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1301 แจ้งเรื่องร้าย ไม่แจ้งเรื่องดี



บทที่ 1301 แจ้งเรื่องร้าย ไม่แจ้งเรื่องดี

สักครู่หนึ่ง เธอเม้มปากเบาๆ มักรู้สึกแปลกๆ ในใจ และรู้สึกรัง

เกียจสวีเย็นหวั่น เล็กน้อย แสร้งทําเป็นเหมือนตัวอะไร บอกว่าไม่รู้จัก ไม่รู้จักจ้องมองคน

อื่นนานขนาดนั้น?

นึกถึงอะไรบางอย่าง พนักงานต้อนรับก็รีบกลับไปที่ตำแหน่ง ของตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเริ่มซุบซิบในกลุ่มอีก

ครั้ง

“ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่

“พนักงานต้อนรับคุณไม่รำคาญหรือไง? แต่ละวันแจ้งแต่เรื่อง ร้ายไม่แจ้งเรื่องดีเลย ครั้งนี้อยากจะพูดอะไรอีก?”

“คุณรีบหุบปากเถอะ หุบปากเร็ว ๆ แอดมินออกมาปิดกั้น สนทนาพนักงานต้อนรับได้ไหม? ฉันไม่อยากโดนสาดความ หวานอีกแล้ว”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ!” พนักงานต้อนรับพิมพ์อย่างรีบร้อน “ครั้งนี้ เป็นข่าวใหญ่จริงๆ ครั้งนั้นฉันได้บอกกับพวกคุณแล้วใช่ไหม ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่า เป็นคู่หมั้นของประธานหาน? วันนี้ฉันได้ เห็นเธอในบริษัทอีกแล้ว แล้วเธอยังกลายเป็นพนักงานในบริษัท ของเรา เมื่อกี้ตอนที่ฉันกลับมา เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมอง แฟนของประธานทานไม่ละสายตาเลย!”
ให้ตายเถอะ! เผือกเรื่องนี้ระเบิดจริงๆ คุณหมายถึงว่า คู่ หมั้นของประธานหานอยู่ในบริษัทเราเหรอ? นี่คู่หมั้นกับแฟน ปะทะกัน ใครเป็นตัวจริงอ่ะ?”

“นี่ยังต้องพูดอีกเหรอ? ถ้าเป็นคู่หมั้น ต้องได้รับความยินยอม จากพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย ถึงได้หมั้นกัน ตัวจริงต้องเป็นคู่หมั้น แน่นอน”

“ถ้าพูดอย่างนี้ หรือแฟนคนปัจจุบัน จะเป็นมือที่สาม?”

“พวกคุณอย่าพูดเหลวไหล” พนักงานต้อนรับรีบอธิบาย “คู่ หมั้นคนนั้น ใครจะไปรู้ว่าคือของจริงหรือของปลอม? เธอบอก เองว่าเป็นคู่หมั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นเรื่อยจริงเสมอไปนะ

“ฉันว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง พวกคุณลองคิดดู ว่าทำไมประธาน หานของเรา เมื่อก่อนไม่เคยมีความรักมาเลย อยู่คนเดียวมาโดย ตลอด ฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงรักนวล สงวนตัว คิดไม่ถึงว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งแทรกแซงกลางทาง จับ ประธานทานไว้ได้ ตอนนี้คู่หมั้นรู้แล้ว ไม่พอใจ ดังนั้นจึงกลับ มาทวงอำนาจ”

เมื่อเห็นข้อความนี้ พนักงานต้อนรับก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ช่างเป็นจินตนาการที่ล้ำเลิศจริงๆ
“ฮ่าๆๆ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า มีความเป็นไปได้ตามอย่างนี้จริงๆ ถ้าฐานะของคู่หมั้นคนนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าอย่างนั้นแฟนในตอนนี้ ประธานทาน ก็จะกลายเป็นมือที่สามขึ้นครองตำแหน่งสินะ?

ในกลุ่มเดือดพลุ่งพล่าน ต่างคนต่างแย่งกันพูดความคิดเห็น ของตัวเอง

เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเมืองเปยฝนตกอย่าง หนัก อากาศก็เย็นลงมากไม่น้อย ในอากาศมีความเย็นเล็ก น้อย เวลาลมพัด ทำให้ผู้คนอดที่จะขนลุกไม่ได้

เพราะตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วอยู่บ้าน แย่งตัวหานคู่จื่อกับเย่ไม่ เซ็นตลอด ดังนั้นจึงถูกพ่อของเขา โยนเข้าไปในโรงเรียนเสีย เลย

ที่จริงความฉลาดของเสี่ยวหมี่โต้ว สามารถเข้าเรียนใน โรงเรียนประถมได้โดยตรง แต่เนื่องจากข้อจำกัดของอายุ บวก กับพ่อของเขาเพียงต้องการเอาตัวเขาออกไปไม่ให้กวนใจ ดัง นั้นจึงโยนเขาเข้าไปในโรงเรียนชนชั้นสูงแห่งหนึ่งโดยตรง และ ใช้เงินเหมาจ่ายอาหารสามมื้อในแต่ละวันของโรงเรียน อยาก ให้เสี่ยวหมี่โต้วอยู่ในโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงค่ำมืด ต่อมายังอยากจะให้เขาอยู่ในโรงเรียนประจำด้วยซ้ำ

เสี่ยวหมี่โต้วลุกขึ้นประท้วง

“หม่ามี้ หนูไม่อยากอยู่โรงเรียนประจำ และเนื้อหาการเรียนการสอนของโรงเรียนนั้นก็น่าเบื่อมาก เป็นสิ่งที่หนูเคยเรียนมา แล้วทั้งนั้น หนูไม่อยากเรียนอีกแล้ว หม่า หนูไม่จำเป็นต้องไป ที่โรงเรียนก็ได้”

เย่ไม่เป็นที่อยู่ด้านข้าง แอบหัวเราะคริคริในใจ ยังไม่รอให้ เขาเอ่ยปาก นายท่านถือที่อยู่ด้านข้าง ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ่ม ลีก

“อย่างนั้นก็ไม่ได้ ยังไงหนูก็ต้องสัมผัสชีวิตสังคม เด็กก็ควรมี ชีวิตแบบเด็ก อายุอย่างหนูก็ควรอยู่กับเด็กที่อายุรุ่นราวคราว เดียวกัน มาอยู่ร่วมกับเราทุกคน กลายเป็นอย่างไรไปแล้ว?”

เย่ไม่เป็นที่เดิมทีซึ่งไม่ค่อยสบอารมณ์ต่อนายท่านถือมากนัก ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขา ทันใดนั้นรู้สึกว่าคุณตาของเขาดู เข้าตาเป็นพิเศษ

เมื่อเสี่ยวหมี่โต้วได้ยิน ทำตากลมโตเริ่มออดอ้อน “คุณ ตาทวด เนื้อหาเหล่านั้นเสี่ยวหมี่โต้วรู้หมดแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วไม่ อยากไปโรงเรียน เสี่ยวหมี่โต้วอยากจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านกับหมา นี้เท่านั้น และมีเวลาอยู่กับคุณตาทวดมากขึ้นด้วย

เขาเริ่มกลยุทธ์ของตัวเอง เมื่อฉือจีนได้ยินว่า เจ้าตัวเล็กพูด ว่า เพื่ออยากอยู่กับเขาให้มากขึ้น ก็รู้สึกตื้นตันใจในทันที

แน่นอนว่า ประโยคก่อนหน้านี้ ที่อยากอยู่บ้านกับหม่ามี ถูก เขามองข้ามโดยอัตโนมัติแล้ว

“ถ้าเป็นแบบนี้…..
“ไม่ได้” เย่ โม่เซินตัดบทของคุณตาเขา “ไม่ไปสัมผัสชีวิต สังคมกลุ่มรวม เมื่อหนูโตขึ้น อยากจะเป็นผู้สันโดษหรือไง? ถึง แม้ว่าหนูอยากจะอยู่ที่บ้านกับคุณตาทวดของหนูมากจริงๆ แต่ก็ ไม่ได้หมายความว่า สามารถอยู่ที่บ้านได้ตลอดไป

“คุณตาทวด …… ” เสี่ยวหมี่โต้วจ้องเขม็งแดดดี้ตัวร้ายของเขา อย่างดุเดือด วิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของฉือจีน เพื่อทำตัวออก อ้อน

ฉือจีนถูกเขาออดอ้อนจนต้านทานไม่ไหว มองไปที่เย่ไม่เป็น เจรจาหารือกับเขา หรือว่า แค่ไปเรียนอาทิตย์ละสองวัน ทําเป็น พิธีก็พอ”

คราวนี้ยังไม่รอให้เยโมเซินเอ่ยปากพูด หาน จื่อที่อยู่ข้างๆ ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไปแล้ว เริ่มพูดขึ้นว่า

“ในเมื่อจะไปเรียน งั้นก็ต้องปฏิบัติตามกฎของโรงเรียน

เธอมองเสี่ยวหมี่โต้วด้วยสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวหมี่โต้ว หม่ามีรู้ ว่าหนูฉลาดมาก และมีความคิดเป็นของตัวเองด้วย ความรู้ในใน โรงเรียนเหล่านั้น หนูบอกว่าหนูรู้หมด ถ้าอย่างนั้นหนูก็เรียนรู้อีก ครั้ง ทบทวนให้แน่นมากขึ้น ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร อีกอย่าง หนู อย่างอวดเก่งเพียงเพราะหนูฉลาด สิ่งที่หนูต้องเรียนรู้ใน โรงเรียน ไม่ได้มีแค่ความรู้เท่านั้น”

ยังมีมนุษยสัมพันธ์ การปฏิบัติตน เสี่ยวหมี่โต้วอยู่ข้างกาย เธอตั้งแต่ยังเด็ก พบปะกับคนไม่มากนัก แม้แต่เด็กในวัย เดียวกัน ก็ไม่เคยพบปะเลยด้วยซ้ำ
นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เด็กคนหนึ่งควรมี

โลกของเสี่ยวหมีโค้วควรจะไร้เดียงสา ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น และควรให้เขาไปที่โรงเรียน เข้าหากับพวกเด็กที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ในโลกนี้ของพวกเขาไม่ใช่มี แต่โลกสีดำหรือสีขาวเท่านั้น

เสี่ยวหมี่โต้วทำหน้ามุ่ย “หม่ามี

“อย่าทำตัวออดอ้อน ตอนที่ควรจริงจัง อย่าทำเป็นเรื่องตลก” หาน จื่อยังคงทำใบหน้าเคร่งขรึม ดูแล้วใช่ว่าจะหาเรื่องได้ง่าย

เสี่ยวหมี่โต้วดูท่าทางของเธอแบบนี้ ทันใดนั้นก็ไม่กล้าที่จะพูด อะไรอีกทำได้เพียงทำปากมุ่ย นั่งอยู่ที่นั่นอย่างน่าสงสาร

ที่จริงหานมู่จื่อก็รู้สึกอดใจไม่ได้เล็กน้อย เพราะยังไงก็เป็น เลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ แต่หลังจากคิดอีกแง่หนึ่ง เด็กทุกคนก็ ต้องเดินทางนี้หมด ทุกคนล้วนเหมือนกันทั้งนั้น เมื่อก่อนตอนที่ เธอเคยเป็นเด็ก ก็เหมือนกัน จะมีอดใจได้หรือไม่ได้ที่ไหนกัน?

“งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นหม่า……..หนูไม่อยู่ในโรงเรียนประจำได้ ไหม?”

“อืม” หานมู่จื่อพยักหน้า “ไปโรงเรียนก่อน ไปผูกสัมพันธ์ ไมตรีกับพวกเด็กๆก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงเรียนประจำ ถึง เวลานั้น ให้คนขับรถที่บ้านไปรับส่งหนู แต่หนูห้ามชนที่โรงเรียน และห้ามเข้าเรียน โดยไม่ตั้งใจด้วย จะต้องพยายามเรียนรู้ที่จะ เข้ากับคนอื่น ได้หรือเปล่า?”
“อืมๆ ไม่ต้องห่วงหม่ามี หนูจะต้องเข้ากับเด็กๆได้ดีแน่นอน เย่ไม่เป็นที่สมดั่งปรารถนา ในที่สุด ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเล็ก น้อย

ในที่สุดก็กำจัดเจ้าตัวเล็กคนนี้ออกไปได้แล้ว เสี่ยวหมี่โต้วน่า รักเชื่อฟังต่อหน้าหานมู่จื่อเป็นอย่างมาก หลังจากหาน จื่อหัน หน้าไปแล้ว เขาก็จ้องเขม็งเย่ ไม่เป็นอย่างโกรธเคือง

เย่ไม่เป็นมองเขากลับ

เสี่ยวหมี่โต้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้น ก็ยังไม่สาย ดังนั้นจึงอดทนเอาไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ