เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 379 คนไม่มีหัวจิตหัวใจ



บทที่ 379 คนไม่มีหัวจิตหัวใจ

“ประชุมต่อ”

หานมู่จื่อพูดอย่างเย็นชาหนึ่งคำ จากนั้นหันหน้ากลับ

ไปดูเอกสาร

การประชุมครั้งนี้ไม่ได้จบลงกลางคัน ดังนั้นจางยู่รอ อยู่นอกประตูเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ รอจนประตูห้อง ประชุมเปิดออก จางยู่จึงมองไปด้านในอย่างตื่นตระหนก ใจ

ปรากฏว่าเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นหลินเจิงเดินออก มาด้วยสีหน้าที่เงียบขรึม เดินผ่านเธอโดยไม่มองเลย

ปากของจางยู่ขยับๆ อยากจะถามอะไรแต่เห็นท่าทาง ของเขาไม่สนใจคน จึงได้แต่อดกลั้นความร้อนใจนี้ไว้

“หลินเจิง รอฉันด้วย” เซียวอียี่เดินตามหลังของหลิน เจิงด้วยความรวดเร็ว

ซู่กั่วเอ๋อที่เดินตามมาด้านหลัง ซูกั่วเอ๋อเห็นด้านหลัง ของเธอสองคนเดินออกไปแล้ว จึงเดินตามไปด้วย แต่ แขนเสื้อพูดคนดึงไว้

“กั่วเอ๋อ ข้างในเป็นยังไงบ้าง? พวกคุณคุยอะไรกันเห รอ? บริษัทใหม่ต้องประชุมนานขนาดนี้เลยเหรอ?”

ซูกั่วเอ๋อเป็นคนที่คุยง่าย มองดูแล้วเป็นคนที่อ่อนโยน อีกทั้งเธอก็ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวหรือมีปัญหากับใคร ดังนั้นจางปูรู้สึกว่าตนเองถามเธอดีที่สุด

เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด ซูกั่วเอ๋อไม่ได้แสดงท่าที

รังเกียจเธอ แค่พูดด้วยเสียงเบาๆ: “ก็เพราะว่าเป็นบริษัท ใหม่ ดังนั้นจึงต้องประชุม พูดถึงเรื่องที่ควรจะระวัง แล้วก็ ต้องปรึกษาหารือ บริษัทใหม่ต้องได้รับการพัฒนาจางยู่ ฉันคิดว่าพวกเราควรจะให้เวลากับเจ้านายใหม่บ้างนะ อย่าเคร่งครัดมากนัก”

ฟังแล้วจางยู่เอ่ยปากด้วยความไม่พอใจ: “ฉัน เคร่งครัดตรงไหน ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย คุณก็เห็น แล้ว ฉันเพิ่งจะเข้าไปก็ถูกเขาไล่ออกมาแล้ว เป็นเจ้านาย ควรจะทำเช่นนี้หรือ?”

“แล้วคุณล่ะ?” ซูกั่วเอ่อถอนหายใจแล้วก็ถามกลับ : “เจ้านายแจ้งให้เรามาประชุม คุณเป็นลูกน้อง ทำไมถึงไม่ ยอมมาประชุม?”

“ฉัน….” แค่พักเดียว จางยู่ก็ถูกโต้ตอบจนพูดไม่ออก

ซูกั่วเอ๋อกลับตบๆไหล่ของเธอ แล้วก็พูดเบาๆ: “เรื่องนี้ คุณเป็นคนผิดจริงๆ วันนั้นคุณก็ได้ยินแล้ว ถ้าไม่อยากอยู่ ก็สามารถออกจากบริษัทได้ ฉันว่าเธอพูดถูก คนเราไม่ ควรฝืนใจตนเองถึงจะดี”

พูดจบ ซูกั่วเอ่อยิ้มๆ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินหน้าออกไป

จางยู่ได้ยินคำพูดของเธอแล้ว นึกถึงอะไรบางอย่าง หันหลังจ้องมองด้านหลังของเธอและตะโกนอย่างเยือก เย็นว่า: “คุณอดใจไม่ไหวจนต้องพูดกับฉันแบบนี้ เพราะ อยากจะกำจัดคนที่อยู่รอบข้างของคุณเหรอ? คุณอยากจะให้ทุกคนไปจากที่นี่ แล้วเหลือแค่เธอที่เก่งและควบคุม ที่นี่คนเดียว ใช่ไหม?”

ซูคั่วเอ๋อได้ยินดังนั้นแล้ว จึงหยุดก้าวเท้าเดินต่อ จาก นั้นหันกลับมามองหน้าจางยู่ด้วยแววตาที่อัดอั้นใจ “ถ้าคุณคิดอย่างนี้ งั้นก็คือแบบนี้ละกัน ฉันยังมีอย่าง

อื่นต้องทำ ขอไปก่อนนะ”

หลังจากที่ชูกั่วเอ๋อออกไปแล้ว ในใจของจางยู่รู้สึก กระวนกระวายไม่พอใจอย่างมาก หมัดนี้เหมือนชกเข้าไป ในสำลีอย่างจัง แต่เธอรู้สึกว่าซูกั่วเอ๋อถึงแม้จะมีหน้าตาที่ ยิ้มแย้ม บนหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใยชอบช่วยเหลือคน อื่น ทำทางที่เสแสร้งเช่นนี้ เธอมองแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน จริงๆ

หลังจากที่ทุกคนในห้องประชุมทุกคนค่อยๆออกไป หมดแล้ว หานมู่จื่อยังนั่งอยู่ที่เดิมจัดเก็บเอกสารที่ใช้ใน การประชุมของวันนี้ ทันใดนั้น รู้สึกว่ามีสายตาที่ร้อนแรงคู่ หนึ่งกำลังมองมาที่หน้าของตนเอง

หานมู่จื่อเม้มริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นมามองไปที่คนๆนั้น

“ยังมีธุระอะไรอีกเหรอ?”

น้ำเสียงของเธอเยือกเย็นมากเกินไป เหมือนก้อนน้ำ

แข็ง

ได้ยินแล้วยังรู้สึกว่าหนาวเลยทีเดียว

หลี่จุนเฟิงเอาสองมือตนเองกอดอกและหดไหล่โดย ไม่รู้ตัว: “เหมือนเจ้าหญิงน้ำแข็งจริงๆเลย ทำไมต้องเย็นชาขนาดนี้? คนสวยครับ คืนนี้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันดี ไหมครับ?”

หานมู่จื่อขมวดคิ้วและมองหน้าของเขาด้วยความไม่ พอใจ

ก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่ก็แค่ผู้หญิงหนึ่งคน แต่ว่าสง่าราศี บนตัวแรงมาก หลี่จุนเฟิงรู้สึกว่าตนเองถึงกับโดนกดทับ จนรับไม่ไหว เขาอดใจไม่ไหวที่จะเอ่ยปากถาม: “ก็แค่ผม เลี้ยงอาหารมื้อเย็นเจ้านายหนึ่งมื้อเท่านั้นเอง”

“ขอบคุณ ไม่ต้อง” หานมู่จื่อก้มหน้าลงเหมือนเดิม สายตามองบนเอกสาร จากนั้นเธอเปิดออกมาหน้าหนึ่ง เสี่ยวเหยียนเข้ามาคุยอะไรกับเธอ แล้วหานม่จื่อก็พยัก หน้า

หลี่จุ้นเฟิงมองดูท่าทางเช่นนี้ของหานมู่จื่อแล้ว รู้สึก หวั่นไหวในใจมาก

แบบนี้ถูก หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าเสียดายมาก คนสวย หานชิงครอบครองไว้แล้ว เห้อ

แต่ว่า คนที่ถูกหานชิงดูแลรักษาเป็นพิเศษอย่างนี้ คงจะไม่มีทางมองคนอย่างหลี่จุ้นเฟิงแล้วล่ะ

นึกถึงเช่นนี้แล้ว หลี่จุ้นเฟิงก็ไม่มีอารมณ์จะตอแยอีก ลุกขึ้นมาเก็บของแล้วก็เดินออกไป

จนหลังจากที่เขาออกไปแล้ว เสี่ยวเหยียนอดที่จะบ่น ไม่ไหว”หลี่จุ้นเฟิงคนนี้เปลี่ยนสันดานตนเองไม่ได้แล้ว แม้แต่เจ้านายของตนเองก็จะตามจีบเหรอ? หน้าด้านจริงๆ เลย! เคยได้ยินว่าเมื่อก่อนเขาก็ใช่วิธีหลายรูปแบบตามจีบผู้หญิงไปทั่ว ขอแค่เป็นคนสวยก็ไม่มีทางปล่อยผ่าน คิด ไม่ถึงว่า แม้แต่แก..”

“พอแล้ว ไม่ต้องในใจเขา” หานมู่จื่อพูดแบบไม่ค่อย สนใจ

“พี่ชายแกก็จริงๆเลย คนเก่งมีเยอะแยะมากมาย ทำไม

ต้องเลือกคนแบบนี้นะ?” “พี่ชายฉัน….” หานมู่จื่อหยุดชะงักไปพักหนึ่ง จากนั้น แววตาก็หม่นหมองลงไปนิดหนึ่ง “คนที่เขาเลือกก็คงมี ความคิดของตัวเขาเอง ถึงแม้จะไม่ใช่คนนี้ ก็ยังมีคนอื่น สรุปแล้ว….ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน เราก็ต้องชินและ ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ วันนี้แกเหนื่อยมากแล้ว เสี่ยวเหยียน เลิกงานกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนส่ายหัวแรงๆ : “ช่างเถอะ เวลา ทำงานของทุกคนก็เหมือนกัน ถ้าฉันกลับไปก่อนเวลา เดี๋ยวพวกเค้าจะว่าอะไรไม่ดีอยู่เบื้องหลังอีกก็ไม่รู้”

ทั้งสองคนปรึกษากันในห้องประชุมสักพัก หลังจากนั้น ถึงจะออกมาจากห้องประชุมพร้อมกัน

ตอนที่ออกมานั้น เห็นจางยู่ยังกำลังยืนรออยู่ที่เดิม มองเห็นพวกเธอเดินออกมา จางยู่เอ่อๆอาๆอยู่ตั้งนาน เสี่ยวเหยียนเอ่ยปากพูดก่อน: “คุณยังมีธุระอะไรอีกเห รอ?”

“ฉัน …” จางยู่มองหน้าหานมู่จื่อ รู้สึกว่าสีหน้าเธอเย็น ชามาก จึงได้แต่อธิบาย: “ที่จริงแล้วเมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกเข้าไปในห้องประชุมนะคะ แต่เกิดเรื่องจริงๆ แล้วฉัน ก็ไม่ได้ตั้งใจจะไม่เข้าร่วมประชุมด้วย แต่เป็นเพราะว่าเยา เยาเธอไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ดังนั้นฉันกับหวังอานจึง อยู่ดูแล้วเธอในสำนักงาน”

เสี่ยวเหยียน:

หานมู่จื่อ: “อึม”

หม? จางยู่ตะลึงนิดๆ อืมหมายความว่าอะไร?

“ที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งหมดนะ เมื่อกี้เยาเยาเป็นลม แล้ว หวังอานส่งเธอไปโรงพยาบาลแล้ว”

เสี่ยวเหยียนรู้สึกทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากพูด: “พวก เรารู้แล้ว คุณกลับไปเถอะ

จางยู่ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไงดี: “เท่านี้เหรอ?”

หานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียนไม่พูดจา จางยู่โมโหจน เกือบจะหัวเราะ: “คุณเป็นคนไม่มีหัวใจจริงๆ สถานการณ์ เช่นนี้ คุณยังไม่ห่วงใยไม่ถามสักคำ คุณไม่ห่วงว่าเยาเยา จะเป็นอะไรไปเหรอ”

เผชิญหน้ากับเสียงที่ตะโกนด่าของจางยู่ ปากสีชมพู

ของหานมู่จื่อขยับไปมา จากนั้นพูดเบาๆว่า: “ถ้าเธอเป็น ป่วยหนักจริงๆ ทำไมคุณยังอยู่ตรงนี้อีกล่ะ?” “ใช่สิ คุณดูแลเธอพร้อมกับหวังอานไม่ใช่เหรอ? คุณ ไม่ไปดูแลเธอ คุณยังยืนอยู่หน้าห้องประชุมอีกทำไม?”

จางยู่: “ฉัน….

เธอกัดริมฝีปากไว้ ที่จริงแล้วเธอไม่ใช่เพราะว่าเลิงเยาเยาไม่สบายจึงอยู่ดูแล เธอดูถูกหานมู่จื่อจริงๆ ไม่อยากไป เข้าร่วมประชุมกับเธอเลย

เพียงแต่ว่าเลิงเยาเยาไม่สบายพอดี หวังอานจึงอยู่ ดูแลเธอ งั้นเธอก็ต้องอยู่ได้สิ

แต่ว่าหลังจากที่หวังอานพาเลิงเยาเยาออกไปแล้ว จาง ยู่รู้สึกว่า…เหลือตนเองเพียงคนเดียวตรงนั้น จึงอยากจะ อธิบายสถานการณ์


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ