เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 896 ช่วงเวลาวิกฤต



บทที่ 896 ช่วงเวลาวิกฤต

ฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ดวนเสว่ได้ยินแค่ประโยคนี้ เธอจ้องมองไปที่มีชื่อที่ถูกมัดมือ มัดเท้าและนั่งพิงผนังอยู่ ถึงแม้ว่าสภาพของเขาจะดูอิดโรย แต่ แววตาของเธอกลับแน่วแน่ สงบและผ่อนคลาย วิธีการวางกล ยุทธ์ของเธอเมื่อเทียบกับตนแล้ว ก็มองเห็นความแตกต่างทันที

ทั้งๆที่ตนเองเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูล แต่ตอนนี้ออร่าของ เธอถูกบดบังโดยเขาอย่างสิ้นเชิง ตวนมเสวรู้สึกอึดอัดใจ เธอก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาทุกเรื่อง เธอ

กัดริมฝีปากไว้แน่น แววตาแสดงให้เห็นถึงความไม่เต็มใจ

“แก้เชือกให้เธอ ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ”

หาน จื่อตื่นเต้นจนเหงื่อออกเต็มฝ่ามือ เผชิญกับคนจิตไม่ ปกติ เธอรู้สึกกลัวมาก เพราะว่าตอนนี้อาจจะดูเหมือนปกติ แต่ ถ้าอาการกำเริบขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอะไรกับเธออีกบ้าง

ดูสภาพของตวนมู่เสว่แล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง เขายังยอม คุยกับเธออยู่ ขอเพียงตนค่อยๆเกลี้ยกล่อม วันนี้น่าจะไม่เจ็บตัว

“ใช่”หานมู่จื่อพยักหน้า “ฉันจะทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิด ขึ้น”

ตวนเสวกัดฟันแน่น “เป็นไปได้เหรอ ฉันมัดเธอไว้ที่นี่ เธอจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร เธอกำลังหลอกฉันใช่ไหม พอออกไปเธอก็จะไปบอกเย่ ไม่เซ็น แล้วก็ไปบอกคุณปู่ ถึงตอน นั้นฉันก็แย่สิ

หานมู่จื่อ “ไม่หรอก”

เธอพูดอย่างรวดเร็วและหนักแน่น “ฉันหาน จื่อพูดคำไหนคำ นั้น พูดออกไปแล้วต้องทำได้แน่นอน ฉันบอกว่าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่ เคยเกิดขึ้น หลังจากออกไปแล้วฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแน่นอน

ตวนเสว่หัวเราะเยาะ “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ เธอต้องการ ช่วยตัวเองเลยมาพูดแบบนี้กับฉัน เสียใจด้วยที่ฉันไม่โง่

“ถูกต้อง” หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า “ฉันกำลังช่วย ตัวเองอยู่ก็จริง แต่ฉันก็กำลังช่วยเธอด้วย”

“เธอว่าอะไรนะ”

“ฉันพูดผิดเหรอ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับฉัน เธอคิดว่าเธอจะ รอดเหรอ” หานมู่จื่อส่ายหน้า “หนีไม่พ้นหรอก ถ้าฉันหายตัวไปที่ นี่ เธอก็จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่ง ถึงตอนที่คนในตระกูล ฉือและตระกูลตวนมู่เข้ามาร่วมด้วย เธอก็จะถูกเปิดเผยไม่ช้าก็ เร็ว แต่ถ้าเธอปล่อยฉันไป พวกเราออกไปด้วยกัน ถ้าฉันไม่ได้ เป็นอะไร เธอก็จะรอดไปด้วย และก็ไม่มีใครจะสงสัยเธอ พอผ่าน ช่วงนี้ไป เมื่อคุณปู่เธอหายโกรธแล้ว เธอก็จะได้กลับไปเป็นคุณ หนูใหญ่ของตระกูลตวนมู่ตามเดิม ทำไมต้องเดินทางแบบนี้ ด้วย”

ถึงแม้ตวนมู่เสว่จะเกลียดเขามาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เขาพูดมันถูกต้อง ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ตนเองก็หนีไม่รอด แต่เธอจะเชื่อเขาได้ไหม

เธอจะถือว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้จริงเหรอ

“เธอไม่ใช่เทวดา ท่าพลาดกันได้ ขอแค่เธอกลับใจตอนนี้ เธอ ก็ยังมีโอกาสรออยู่ ตวนเสว ถึงแม้ว่าเจอกันแรกๆฉันจะไม่ค่อย ชอบเธอ แถมเธอยังวางยาเยโมเงิน ทำให้ฉันยิ่งเกลียดเธอ ฉัน รู้สึกว่าคุณธรรม ประการของเธอมีปัญหา แต่นี่ไม่ได้หมายความ ว่าเธอจะแก้ไม่ได้ กลับไปเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลตวน ไม่ดีเหรอ

มู่จื่อพูดตรงจุด สายตาของตวนเสเริ่มสั่นไหว

หานมู่จื่อรีบตีเหล็กตอนไฟร้อน เลี้ยงตัวเข้าไป “ก่อนหน้านั้น ฉันสลบอยู่เลยไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ถ้าเธอคิดได้แล้วก็ รีบเร่งหน่อย หากนานกว่านี้พวกเขาอาจจะตามหาที่นี่เจอ”

คำพูดเหล่านี้เหมือนกับการกระแทกอย่างแรงไปบนจิตใต้สำ

นึกของตวนมู่เสว่ มู่จื่อรีบพูดกระตุ้นเข้าไปอีก

“เธอว่าอะไรนะ พวกเขาอาจจะตามมาที่นี่เหรอ”

“แน่นอน ถ้าฉันหายไปนาน พวกเขาต้องแจ้งความแน่ เพราะ ฉะนั้น…..ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง พวกเรารีบออกจากที่นี่กันก่อน แล้วฉันจะช่วยเธอพูดเอง”

ตวนเสวี่ยังลังเล หานมอก็ไม่ได้รีบร้อน อย่างรออย่างสงบ
จากนั้นไม่นาน ตวนเสวีเดินเข้ามาอย่างช้าๆ นั่งยองๆข้างตัว

เธอ นิ้วมือก็เอนไปทางเชือกที่มัดมือมัดเท้าอยู่ เมื่อเห็นฉากนี้ จื่อรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงมาก หวังว่าทุกอย่าง จะผ่านไปได้ด้วยดี

“เธอจะช่วยฉันพูดจริงๆไหม” ตวนเสวกำลังจะวางมือบน เชือก แต่ก็เงยหน้ามาถามด้วยความไม่มั่นใจ

หานคู่จื่อเม้มริมฝีปากแล้วหันไปสบตากับหล่อน

“ฉันไม่โกหกเธอแน่นอน”

แววตาของเธอดูสะอาดและจริงใจ เสมือนน้ำแร่ที่ไม่มีสิ่ง สกปรก ปราศจากความอาฆาตพยาบาท เมื่อเห็นสายตาแบบนี้ ริมฝีปากของตวนเสวก็สั่น “เธอ เธอ

ไม่เกลียดฉันเหรอ ฉันทำกับเธอขนาดนี้…

ได้ยินดังนั้น หาน จื่อแสดงรอยยิ้มที่หวังดีออกมา

“ถึงแม้เธอจะจับตัวฉันมา แต่เมื่อฉันรู้สึกตัว เธอก็แค่มัดมือมัด เท้าฉันไว้ไม่ได้ทำร้ายฉัน” ดูแค่นี้ฉันก็รู้ว่าจิตใจเบื้องลึกของเธอ ก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่ และถ้าหากเธอมีจิตสำนึก เธอจึงผลักดัน มัน แบบนี้เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย

“ดังนั้น ฉันจึงเชื่อว่าจริงๆแล้วสันดานของเธอไม่ได้เลวร้าย เลย”

คำเหล่านี้สำหรับตานเสวแล้ว เปรียบเหมือนคนส่งพื้นท่ามกลางหิมะ แล้วตาของเธอก็เบิกกว้าง ในตาเต็มไปด้วย น้ำตาที่ไม่ได้ไหลลงมา ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจแล้วว่าเธอกับเขาแตกต่างกันตรงไหน

หลังจากเงียบไปนาน ตวนเสวก็ลดสายตาลงแล้วปลดเชือก

บนมือมออกอย่างรวดเร็ว

เชือกทั้งหมดบนตัวมู่จื่อถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว เธอยัง ไม่ทันได้ยึดมือยึดเท้า ก็รีบพยุงผนังลุกขึ้นยืนซะก่อน

ตวนเสวยืนอยู่ที่นั่นและมองเธออย่างลนลาน “ไปกันเลย ไหม”

หานมู่จื่อพยักหน้า

พูดว่าจะไปตอนนี้ แต่ก็ไม่มีใครขยับตัว ถึงแม้หานคู่จื่อจะเชื่อ ว่าเธอมีจิตสำนึก แต่เพื่อลูกแล้วแต่ละก้าวก็ต้องระวังเป็นพิเศษ สวนเสาหันไปมองด้วยความสงสัย “ทำไมเธอยังไม่เดินล่ะ” หานมู่จื่อจับผนังและตอบเสียงค่อย “ขาชานิดหน่อย

ที่เธอพูดก็จริง ขาชาจริงๆ เพราะถูกมัดนอนอยู่บนพื้นตลอด ไม่ใช่เฉพาะขา เพราะแขนขาเหมือนกัน

เห็นเธอสีหน้าไม่ดี ตวนเสวก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่ก็ไม่ได้เริ่ม

เดินก่อน

สักพักเธอก็ถามขึ้น
“ยาเธอหาย ยัง

หาน จื่อเห็นเขาอารมณ์ไม่นิ่ง จึงรีบพยักหน้า

“งั้นเราไปกันเถอะ อย่าลืมที่รับปากกับฉันนะ ต้องช่วยฉันพูด ด้วย และต่อไปพวกเราก็ทางใครทางมัน

“ตกลง”

ทั้งสองเดินออกไปด้านนอกด้วยกัน หานเอกลั้นหายใจ ค่อยๆเดินไปข้างหน้า เธอสังเกตตอนที่เดินออกมาในมือของต วนเสาไม่มีของมีคมใดๆ แค่เดินออกไปแล้วค่อยแยกกัน เธอก็ จะปลอดภัย

เธอจัดการวางแผนเองทุกอย่าง แต่คิดไม่ถึงกับการ เปลี่ยนแปลงที่จะตามมา

ขณะที่ทั้งสองถึงหน้าบันได หาน จื่อเหยียบลงก้าวเดียว อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายเสียงหนึ่งที่คุ้นเคย

“เร็วๆ กล้องหาเจอแล้ว อยู่ชั้นบนนั้นไง

หานมู่จื่อตั้งสติได้ก็รีบเร่งฝีเท้าก้าวไป แต่ก็ยังช้าไปก้าวนึ่ง ตวนเสผลักเธออย่างแรงด้วยความโมโหและตกใจ

“ที่แท้เธอก็หลอกฉัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ