เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1448 ไม่เกี่ยวกับฉัน



บทที่1448 ไม่เกี่ยวกับฉัน

ในการจูงใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนของหานซิงนั้น ทำให้สติของ เสี่ยวเหยียนก็ค่อยๆคืนกลับมาเล็กน้อย แต่จิตวิญญาณยังคง เหนื่อยล้าอยู่ ก็เลยแบบอิงอยู่ในอ้อมแขนของหานซึ่งอยู่ได้ไม่ นาน ก็ได้นอนหลับไปเงียบๆ

รอจนหลังจากที่เธอหลับไป หานซึ่งก็เฝ้าเธออยู่ตลอด ใน ระหว่างที่เขาคิดจะโทรไปแจ้งพ่อตาแม่ยายเพื่อให้สบายใจกัน นั้นเอง ทันทีที่วางเสี่ยวเหยียนกลับลงไปบนเตียง เธอก็ตกใจตื่น ขึ้นมาทันที ดึงมือของทานซึ่งแน่น

“ไฟ ไฟไหม้ คุณ คุณอย่าเข้ามา รีบออกไป

“ไม่ อย่านะ”

เธอไม่ได้ลืมตาออกมา เพียงแค่จับมือของหานชิงพร้อมกับ ร้องอยู่ในลำคอด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่ากำลังฝันร้าย อยู่นั่นเอง

หานซึ่งนอกจากจะปลอบเธอแล้ว ก็ยังเช็ดเหงื่อเย็นตรงหน้า ผากให้เธอด้วย แต่อาการของเสี่ยวเหยียนไม่ได้ดีขึ้นเลย คิด ฟุ้งซ่านต่างๆนานา ดึงมือทานซึ่งไม่ให้เขาไปไหนเลย ปากก็พร่ำ พูดออกมาก็หนีไม่พ้นกับคำว่าไฟไหม้สองคำนี้

ดูไปแล้วเธอดูกลัวมากจริงๆ

ระหว่างนั้นคุณหมอก็มาดูอาการครั้งนึง บอกว่านี่เกิดจากการที่เธอหวาดกลัวเกินที่จะรับไหว อยากจะฉีดยาระงับประสาทให้ เธอสักเข็ม แต่เพราะเนื่องด้วยเสี่ยวเหยียนตั้งครรภ์อยู่ สุดท้าย แล้วก็เลยต้องยอมแพ้ไป ทำได้เพียงให้หานซึ่งดูแลเธอให้มากๆ พูดปลอบประโลมอารมณ์ความรู้สึกของของเธอให้มากๆ

เป็นสถานการณ์อย่างนี้ ต่อเนื่องมาจนถึงบทที่หลัวหุยเหม่ ยกับพ่อจางมา เสี่ยวเหยียนยังนอนหลับไม่สนิทอยู่เลย

หลัวหุ้ยเหม่ยกังวลแทบไม่ไหว อย่างนี้ต่อไปจะเกิดเรื่องอะไร หรือเปล่า? เหยียนเหยียนยังท้องอยู่นะ”

คำพูดตรงท่อนหลังเธอไม่พูดอยู่แล้ว แต่คนในที่แห่งนั้นหลัง จากที่ได้ยินคำพูดเธอแล้วก็เข้าใจความหมายของเธอ หานซึ่ง เฝ้าอยู่ข้างเตียงมาโดยตลอด ได้ยินคำพูดนั้นก็เงียบอยู่นานกว่า จะเงยหน้าขึ้นมาพูดใหม่

“ผมพาเหยียนเหยียนกลับบ้านไปดีกว่า”

ได้ยินอย่างนั้น หลัวหุยเหมียรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “กลับบ้าน ไปตอนนี้?”

เธอไม่อาจเข้าใจคำพูดของหานชิงได้เลย เพราะถึงยังไงเสี่ยว เหยียนก็เพิ่งเข้าโรงพยาบาล กลับบ้านไปในตอนนี้ ได้ยังไง?

“ใช่ครับ” หานชิงลุกขึ้น มองหลัวหุยเหมยไปด้วยความจริงจัง พร้อมพูดอธิบายออกไป “อาการตอนนี้ของเธออยู่โรงพยาบาล ไปไม่แน่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก ผมพาเธอกลับบ้าน เชิญ คุณหมอส่วนตัวมา เปลี่ยนบรรยากาศให้เธอ พ่อแม่วางใจเถอะ ครับ ผมจะเฝ้าเธออยู่ไม่ห่างเลย
หลัวหุยเหม่ยเดิมที่อยากจะพูดอะไรออกไปอีก แต่พอได้คิดดีๆ แล้วนั้น หานซิงนั้นเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนระดับสูง และ อีกอย่างเขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ความคิดความอ่านก็มีวุฒิภาวะ คงจะไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่มั่นใจหรอก ดังนั้นแล้วก็เลยยอมรับขึ้น มาได้

“งั้นก็ได้ เธอเตรียมพร้อมสักหน่อยแล้วรับเหยียนเหยียนกลับ ไปเถอะ”

คุณหมอได้ข่าวว่าพวกเธอจะออกจากโรงพยาบาล ตอนแรกก็ ไม่เห็นด้วย แต่ในตอนหลังได้ฟังหานซึ่งอธิบาย จึงได้อนุมัติไป ดังนั้นแล้วบ่ายวันนั้นหานซึ่งก็ได้พาเสียวเหยียนออกจากโรง พยาบาล

บทที่หานมู่จื่อหิ้วของเตรียมที่จะเข้ามาเยี่ยม แต่ข่าวที่ได้มาก ลับเป็นข่าวที่ว่าผู้ป่วยได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว

“ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว? เร็วขนาดนั้นเลยหรอ?” ภายใต้ความสงสัยของหานคู่จื่อนั้น ทำได้เพียงโทรหาพี่ชาย ของตน ถึงได้ถามไถ่สถานการณ์กันจนแน่ชัดแล้วจึงได้กลับไป

ในขณะเดียวกัน คนที่หานชิงส่งไปสืบเรื่องนี้ เย่โม่เซินเองก็หา คนมายืนยันเรื่องนี้ เสี่ยวหมี่โต้วก็หลบเคาะคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คอยู่ ในห้องตัวเองเหมือนกัน

คล้อยหลังไปไม่นาน คนของหานซิงที่ไปสืบได้รับจดหมาย จากคนแปลกหน้า เป็นวิดีโอจากกล้องวงจรปิด เปิดมาก็เห็นว่า ในนั้นเป็นช่างแต่งหน้ากำลังคุยอยู่กับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง รูปลักษณ์ชัดเจนมาก แต่ไม่ได้ยินเนื้อหาของการสนทนา

ต่อจากนั้นก็จดหมายจากคนแปลกหน้าเข้าครั้ง นี้ เป็นข้อมูลของช่างแต่งหน้า ข้อมูลแนะนำคนในครอบครัว วิดีโอแสดงให้เห็นว่าเมื่อสองก่อนบัญชีของญาติช่างแต่งหน้า คนนี้บัญชี

ดังนั้นก็ไปหาช่างแต่งหน้าก่อน พบเธอหอบเงินที่จะหนี หลังจากขัดขืนออกไปยังถูกพาตัวกลับยังสถานีตำรวจ อยู่ดี

เหมือนหลังจากทำเรื่องพวกลงยังกล้าหอบเงินก้อนโตหนีอีก นะ กลัวคนอื่นเขาไม่หรอว่าคุณความมา”

ช่างแต่งหน้าเป็นผู้หญิงอายุใกล้วัยสิบ ก่อนหน้านี้ทำแต่ไหนแต่ไรเคารพหน้าที่การงานของตัวเองมาตลอด เป็นเพราะหน้าที่การงานของตนเอง ที่เห็นเงินก้อน เลยอดไม่ที่นอกกรอบมา

เพราะว่าคนนั้นบอกเธอว่าเธอแค่ลงมือที่มาส์กหน้าของเสียว เหยียน อย่างอื่นต้องทําอะไร

เธอว่า ถึงแม้ว่าเรื่องมันเปิดเผยออกไปจริงสืบถึงเธอ หลังจากเรื่องไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ก่อน ก็เลยคิดจะหอบเงินหนีไปต่างถิ่นสักพัก

แต่ในสังคมปัจจุบันนี้ จะสืบหาข้อมูลพวกนี้ไม่เจอได้ยังไง ถ้า เกิดเธอหนีไป ข้อกล่าวหานั้นก็เท่ากับว่าได้เข้าใกล้ความจริงแล้ว คิดถึงลูกที่บ้านของตน ช่างแต่งหน้าก็ร้องไห้โฮขึ้นมาอย่าง กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ “ฉันขอพวกคุณล่ะ ฉันไม่ได้ทำร้ายคุณจางนะคะ

เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับฉันนะ อย่ามาจับฉัน”

เจ้าหน้าที่ตำรวจมองเธออย่างเย็นชา “ไม่เกี่ยวข้อง? แล้วคุณ หนีอะไร? แล้วยังมีเรื่องในบัญชีญาติของคุณอีกอยู่ดีๆ ทำไมถึงมี เงินเพิ่มขึ้นมาตั้งเยอะแยะอย่างนั้น?

“เงินนั้น เงินนั้นไม่ใช่ของฉัน นั่นเป็นของญาติ ฉันจะไปรู้ได้ยัง ไงว่าในบัญชีของเขามีเงินมากมายขนาดนั้น? ฉันคนนี้ไม่รู้จริงๆ นะคะคุณตำรวจ ถ้าคุณไม่เชื่อฉันล่ะก็คุณไปตรวจดูกล้อง วงจรปิดของโรงแรมเอาก็ได้ วันนั้นฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ ไฟ นั่นไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆ

“แต่เรื่องที่คิดเอาไว้อย่างรอบคอบนั้นบางทีก็อาจจะเป็น สาเหตุให้ประมาทจนทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้นะครับ ในมอนิเตอร์แน่นอนว่าคุณดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำอะไรจริงๆ แต่ ในมาส์กหน้าที่คุณให้เจ้าสาวมาส์กหน้ากลับมีบางอย่าง

ได้ยินอย่างนั้น ช่างแต่งหน้าก็เขวไปเล็กน้อย จากนั้นก็ปฏิเสธ ออกไปทันที

“เป็นไปไม่ได้ ฉันจะใส่อะไรไปในมาส์กหน้าได้ยังไงกัน
“ถ้าคุณไม่ได้ทําจริงๆ คุณจะถามว่าใส่อะไร แทนที่จะปฏิเสธ ออกมาเสียรวดเร็วปานนั้น คุณกังวลขนาดนี้ ยังคิดจะบอกว่าคุณ ไม่ได้ทำอะไรเลยได้อีกหรอ?”

ช่างแต่งหน้าเหมือนถูกเหยียบเท้าออกมาไม่มีผิด ส่ายหน้า ออกมาไม่หยุด “ฉันไม่ได้ทำจริงๆ ไม่ได้ทำจริงๆ พวกคุณจับผิด คนแล้ว วันนั้นนอกจากมาส์กหน้าให้เธอแล้ว เรื่องอื่นฉันไม่รู้ อะไรเลย อีกอย่างวันนั้นหลังจากที่ฉันพบว่าเรื่องมันผิดปกติก็ยัง ไปหาผู้จัดการมาเลย ถ้าฉันคิดอยากจะทำร้ายเธอ ทำไมฉันต้อง ไปหาเขาอีกล่ะ?”

“เพราะว่าคุณกำลังแสดงภาพลักษณ์ที่ดูเป็นผู้บริสุทธิ์ของคุณ อยู่ คุณคิดว่ามาส์กหน้าได้ถูกทำลายไปแล้วใช่มั้ย? งั้นคุณก็ต้อง ผิดหวังแล้วล่ะ พาตัวเข้ามา

ไม่นาน ผู้ช่วยช่างแต่งหน้าก็ถูกพาตัวมาตรงด้านหน้าของช่าง

แต่งหน้า

ผู้ช่วยช่างแต่งหน้ามีหน้าเศร้าออกมา ไม่รู้เลยว่ามันเกิดเรื่อง อะไรขึ้น แต่พอเห็นช่างแต่งหน้าแล้ว ก็รีบเอ่ยออกมาทันที “พี่เสีย ตกลงว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ? ทำไมพวกเราถึงได้เกี่ยวข้อง กับคดีในครั้งนี้กัน? ทั้งๆ ที่วันนั้นฉันก็ลงไปเอาของกินที่ชั้นล่าง ตามที่พี่บอกนี่นา ตอนหลังลิฟต์ก็เสีย ฉันก็ขึ้นไปไม่ได้อยู่สักพัก แล้วทำไมหลังจากนั้นถึงได้…”

ช่างแต่งหน้าไม่ได้ตอบกลับไป

“มาส์กหน้าที่ให้เจ้าสาวใช้วันนั้น เธอยังมีอยู่ใช่มั้ย?
ผู้ช่วยช่างแต่งหน้าตอนแรกก็ลังเลสับสนอยู่บ้าง แต่หลังจาก นั้นก็ได้พยักหน้าออกมา “มีค่ะ บทที่ฉันทำความสะอาดแทนที่ เสียก็ได้ใส่ในขวดเล็กๆไป เพราะว่านี่เป็นการปรับเองของพี่เสีย ของพวกเรา ปกติแล้วการแต่งหน้าให้เจ้าสาวจะต้องทำการ รักษาความชุ่มชื้นก่อน นั่นก็คือมาส์กหน้าที่ช่วยเติมน้ำให้กับผิว ที่ธรรมดามาก ทุกครั้งฉันก็คิดว่ามันได้ผลดีมาก ทุกครั้งฉันก็เลย เก็บเอาไว้ใช้เองสักหน่อยด้วย

ได้ยินอย่างนั้น ช่างแต่งหน้าก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “แกนั่งสารเลว ไม่คิดว่าแกจะขโมยมาส์กหน้าของฉัน!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ