เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1344 เธอช่วยฉันอีกครั้งหนึ่งแล้ว



บทที่1344 เธอช่วยฉันอีกครั้งหนึ่งแล้ว

“อุ๊บ”

เสี่ยวเหยียนรับรู้เพียงแค่ความมืดดำตรงหน้า ริมฝีปากก็ได้ ถูกหานชิงจูบลงมา

เธอมันเบลอไม่รู้ทิศทาง มือนั้นก็เพียงจับไปที่คอปกเสื้อของ หานซึ่งตามสัญชาตญาณ ทั้งร่างของเธออ่อนแรงจนต้องยืนพิง เข้ากับเขา

และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน กว่าหานซึ่งจะถอยออกไป

เมื่อกี้ในระหว่างที่กำลังจูบอยู่นั้น มือของเขาเคลื่อนจากคาง ของเธอไปตรงแก้มทั้งสองข้าง สุดท้ายก็ได้เปลี่ยนมากอบกุม ใบหน้าของเธอมาจูบอย่างละเมียดละไม

ต่อจากนั้นมันก็ยิ่งลึกซึ้งกว่าเดิม หัวแม่มือของท่านชิงลบจาก บนแก้มนุ่มไปจนถึงริมฝีปากของเธอ ปาดลูบเบาๆตรงบริเวณริม ฝีปากของเธอ

อื้อ! สีหน้าของเสี่ยวเหยียนระเบิดแดงออกมา เมื่อกี้นี้ทั้งสอง คนจูบกันร้อนแรงเกินไปแล้ว!

สายตาของเธอล่องลอยไปในอากาศ ไม่กล้าจะไปมองหานซึ่ง

ไปเลย

“ตอนนี้หิวแล้วหรือยัง?”
ได้ยินคำพูดนั้นแล้ว เสี่ยวเหยียนพยักหน้าไปลวกๆ “หิว! “งั้นฉันพาเธอไปกินข้าว

“ไม่ ไม่ต้อง..” เสี่ยวเหยียนส่ายหน้า “ฉันยังต้องกลับร้านนะ ค่อยกินวันหลังเถอะ

ความจริงเธออยากกลับไปพับนกกระเรียนพันตัวของเธอต่อ เตรียมของขวัญให้หานซึ่งจะชักช้ารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว ให้มันยึด เยื้อต่อไปถึงตอนนั้นเธอทำไม่เสร็จแน่

หานซึ่งนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวจะปฏิเสธตน บีบจมูกเธอเบาๆไป

อย่างจนใจ “เวลากินข้าวสักมื้อก็ไม่มีเลย?”

เสี่ยวเหยียนทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ในตอนที่กำลังคิดอยู่ว่าจะ ตอบคำถามนี้ไปยังไง หานซิงกลับถอนหายใจเอ่ยออกมาอย่าง จนปัญญา “งั้นค่อยกินกันวันหลัง ฉันไปส่งเธอกลับ?”

“ไม่ต้อง ฉันกลับเองก็ได้ มันเร็วอยู่!”

จากนั้นเสี่ยวเหยียนผละร่างออกมาจากอ้อมกอดของเขา หลัง จากที่หนีออกมาไกลมากก็ได้โบกมือให้กับหานชิงไป “คุณรีบ กลับไปทํางานเถอะ ฉันกลับเองได้ค่ะ”

หญิงสาวยืนอยู่ตรงที่ไกลๆ โบกมือให้กับตัวเอง ท่าทางร่าเริงที่ แผ่ออกมาทำให้ริมฝีปากหานซึ่งกระตุกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว

จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาโบกให้กับหญิงสาวเช่นกัน

“เดินทางปลอดภัย”
“อืม!”

หลังจากที่ได้รับการเห็นพ้องของเขาแล้ว เสี่ยวเหยียนจึงได้ เข้าลิฟต์ไปอย่างสบายใจ ในตอนที่ถึงชั้นล่าง ทันทีที่เสี่ยวเหยียนออกจากลิฟต์ ก็เจอเข้า

กับสวีเย็นหวั่นที่มีสีหน้าตื่นออกมา

เธอยืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์ สายตาเผยความงงงวยออกมา เหมือนราวกับว่าจะไม่รู้ว่าจะต้องไปไหนดี ในตอนที่เสี่ยวเหยีย นออกมาเธอถึงขนาดที่มองไม่เห็นเสี่ยวเหยียนเลยด้วยซ้ำ

แต่เสี่ยวเหยียนเห็นเธอ เนื่องด้วยมิตรภาพที่โรงพยาบาล ก็ เลยเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายเธอเอง

ได้ยินเสียง สวี่เย็นหวั่นก็เรียกสติกลับมา เห็นเสี่ยวเหยียน ยิ้มสวยประหนึ่งดอกไม้ แล้วเธอก็สติหลุดลอยไปอีกครั้ง

แต่สติหลุดลอยไปเพียงชั่วเวลาสั้นๆ เพียงไม่นานรูม่านตาของ เธอหดลงทันที มองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยความไม่ อยากที่จะเชื่อ

เพราะว่าเสี่ยวเหยียนในเวลานี้ ริมฝีปากแดง แววตาอ่อน หวาน ทั้งร่างแผ่ความสวยเฉพาะตัวออกมา เมื่อตอนที่เธอไม่รู้ ว่าขึ้นลิฟต์ไปกี่เที่ยว พวกเขากลับอยู่ชั้นบน…

หัวใจก็ปวดหนึบขึ้นมาเป็นระลอกๆ เหมือนกับลูกศรหมิ่น ดอกยิงเข้ามาพร้อมกัน

แทบจะเพียงแค่ชั่ววินาทีเดียว บนใบหน้าของสวี่เย็นหวั่นสูญเสียสีเลือดที่มีทั้งหมด แม้แต่เท้าเองก็ยังทรงตัวไม่อยู่ แทบจะทิ้ง ตัวไปด้านหน้า

“หม?”

ในตอนที่เสี่ยวเหยียนออกมาเห็นเธอเหม่อลอย ก็ไม่รู้ว่ากำลัง คิดอะไรอยู่เหมือนกัน สีหน้า ในตอนนี้ก็ซีดลงทันที ทิ้งตัวไปทาง ข้างหน้า เธอยกมือขึ้นประคองเธอไปตามสัญชาตญาณ “คุณไม่ เป็นไรใช่มั้ย? สีหน้าคุณไม่ดีเลย ไม่สบายอีกเปล่า?”

เสี่ยวเหยียนประคองสวี่เย็นหวั่นไปนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ ส เย็นหวั่นค่อยๆดีขึ้น พอปรับตัวเองให้ดีขึ้นได้แล้ว เธอฉีกยิ้มที่ เป็นรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าเวลาร้องไห้ให้กับเสี่ยวเหยีย นออกมา

“ขอบคุณ เธอช่วยฉันอีกครั้งหนึ่งแล้ว

ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเหยียนเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่า ตัวเองเป็นอะไรไป ทุกครั้งที่เจอเธอก็บังเอิญช่วยเธอได้เสียทุก ครั้ง

“ไม่เป็นไร สุขภาพคุณมันแย่มากเลย อยากจะลาพักสักสอง สามวันหน่อยมั้ย?”

“ฉันไม่เป็นไร” สวี่เย็นหวั่นส่ายหน้า พร้อมเอ่ยเสียงเรียบออก

มา “เพียงแค่โลหิตจางนิดหน่อยเอง ไม่ได้ร้ายแรงอะไร

เสี่ยวเหยียนมองดูเวลา พบว่าตัวเองได้หลับไปทั้งบ่าย เวลา ทั้งบ่ายได้ถูกเธอนอนไปจนไม่เหลือแล้ว ตอนนี้เรื่องที่จะต้องทำก็คือต้องรีบกลับแล้ว

แต่เห็นสภาพ

แข็งใจทิ้งดังนั้นแล้วเธอเลยออกไปว่า “คงใกล้เลิกงาน แล้วล่ะมั้งฉันส่งคุณกลับบ้านเอามั้ย?

สวีเย็นหวั่นส่ายหน้า มองพร้อมเอ่ยออกฉันคิดว่า เมื่อกี้จู่ฉันก็รู้สึกสบายตัวมา คงเป็นเพราะกลับบ้าน ฉันเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อเถอะ

“หา” เสี่ยวเหยียนเอียงหัวเล็กน้อย

จะว่านะ? ก่อนหน้านี้นั้นมามีสเย็นหวั่น

“ก่อนนี้ฉัน ซาบซึ้งใจในตัวมาก เธอช่วยฉันไว้ทั้งครั้ง เลยจะ เลี้ยงข้าวสักมื้อ ไม่ว่าเธอยินดีหรือเปล่า จริงสิ ตอนนี้การใหญ่ๆฉันเลี้ยงไหว”

อีกพูดออกมาปฏิเสธออกไปอีก ก็น่าอึดอัดใจเข้าใหญ่ อีกทั้งเองไม่ วางใจจะสวี่หวั่นเอาเพียงลำพังเลยจริงก็ตอบรับไป

เอาสิ ไม่เป็นไร กินอะไรได้ งั้นฉันเลี้ยงคุณเถอะ”
“ไม่ค่ะ ฉันควรเป็นฝ่ายเลี้ยงเธอมากกว่า เธอดูแลฉันมาตั้ง เยอะ”

เห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่ายแล้ว เสี่ยวเหยียนคิดว่าตัวเอง คงไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของเธอได้ ทำได้เพียงพยักหน้าตอบ รับออกไป “งั้นก็เอาเถอะ ฉันกินอะไรก็ได้

หลังจากที่ได้รู้ประสบการณ์ในชีวิตของเธอมาจากทานชิงแล้ว เสี่ยวเหยียนคิดว่าภาวะทางการเงินของเธอตอนนี้ก็คงจะลำบาก มาก แต่แม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ก็ยังอยากจะเลี้ยงข้าวเธออีก

การหยิ่งในศักดิ์ศรีนี้มันรุนแรงมากเลย เสี่ยวเหยียนก็เลยคิด ว่าจะไปหาอะไรง่ายๆกินบริเวณแถวๆแผงลอยข้างทางสักหน่อย ก็ได้ จะได้ช่วยประหยัดเงินเธอด้วย หวังว่าชีวิตของเธอจะไม่มี ความกดดันนะ

ดังนั้นแล้วตอนที่เสี่ยวเหยียนเสนอออกมาว่าอยากกินปิ้งย่าง ข้างทาง สวีเย็นหวั่นนิ่งตะลึงไปทันที จากนั้นเธอก็เสมองไปทาง หญิงสาวที่กำลังยิ้มดีใจอยู่

“เธอกำลังประหยัดเงินแทนฉันอยู่หรอ? วางใจเถอะ เงินที่จะ เลี้ยงข้าวเธอมื้อนี้มันก็มีอยู่ ไม่ต้องประหยัดแทนฉันหรอก”

“แต่…

“ถ้าแม้แต่เรื่องนี้เธอยังปฏิเสธอีกล่ะก็ งั้นอาหารมื้อนี้ก็จะ เป็นการเลี้ยงที่ไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่เลยนะ”

ท้ายที่สุดทั้งสองคนก็ไปร้านอาหารร้านหนึ่งกัน ในตอนที่เสี่ยวเหยียนมองเมนูอาหาร สวี่เย็นหวั่นเดือนเธอไปเบาๆ “อยากกิน อะไรก็สั่งได้เลย ไม่ต้องคิดแทนฉัน

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดออกมาอย่างนั้น แต่สุดท้ายเสี่ยวเหยีย นก็สั่งอาหารไปสองอย่างไปด้วยความเข้าอกเข้าใจความรู้สึก เธอ จากนั้นก็ส่งไปให้สวีเย็นหวั่น

“ฉันสั่งเสร็จแล้ว คุณล่ะ?”

สวี่เย็นหวั่นรับไปดูเล็กน้อย แล้วสุ่มสั่งไปสองอย่างเหมือนกัน จากนั้นก็สั่งมาอีกหลายอย่าง เสี่ยวเหยียนอ้าปากค้าง อยากพูด อะไรสักอย่างออกไป แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องกลืนมันกลับไป

ช่างมันดีกว่า ถึงยังไงมันก็เป็นน้ำใจของเธอน

เธอเอาแต่ปฏิเสธไปตลอดมันก็ไม่ดี หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จ สวี่เย็นหวั่นมองไปทางริมฝีปากแดง ของเธอ ปกปิดความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจ “จริงสิ ดูเหมือนว่า เธอจะมาหาทานชิงทุกวัน?”

“อืม” เสี่ยวเหยียนพยักหน้า “งานของเขายุ่งมาก ไม่ค่อยดูแล รักษาสุขภาพตัวเองเลย ดังนั้นแล้วถ้าฉันมีเวลา ก็จะเอาซุปมาส่ง ให้เขา”

“อย่างนี้นี่เอง” สวี่เย็นหวั่นพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ตอนที่เขา ทำงานก็ตั้งใจมากจริงๆนั่นแหละ ถ้าเกิดบางครั้งแม้แต่ข้าวก็ลืม กิน มีแฟนที่เอาอกเอาใจขนาดนี้ เขาก็มีบุญจริงๆ

ชมเสร็จ สวี่เย็นหวั่นก็ได้มองเธอพร้อมเอ่ยออกไปอีกครั้ง“จริงสิ ฉันว่าสีหน้าของเธอเหมือนจะดูแย่กว่าตอนที่เจอกันเมื่อ ก่อนหน้านี้นะ ขอบตาดำมาก เป็นอะไรไปหรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ