เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่448 ฉันก็ยินยอม



บทที่448 ฉันก็ยินยอม

หลินเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน หลังจาก นั้นก็ปลดผ้าไหมพรมที่ผูกอยู่ที่คอนั้นออก ทั้งรวบผมเพื่อ

“จะไปดูชุดตอนไหนคะ?

เสี่ยวเหยียนมองไปที่หานมู่จื่อแวบหนึ่ง แววตานั้นเป็น

สอบถาม

หานมู่จื่อดึงสายตากลับอย่างใจเย็น พูดเสียงเบากับเสี่ยว กลับ

“อื้อ งั้นฉันไปก่อนนะ”

รอจนเสี่ยวเหยียนได้ออกไปแล้ว หลินซิงหั่วมองไปที่

“จะพาฉันไปดูชุดใหม่ตอนไหนเหรอคะ

หานมู่จื่ออยู่ในท่ากอดอก ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันต้องการปรับเพิ่มเติม

?หลินไม่เข้าใจความหมายของเธอ คิ้ว เป็นฉันไม่นี้ ว่ามาถึงตรงนี้สุดท้าย ท่าทางของหลินซิงหั่วดูจะ เสียใจจนเกือบจะร้องไห้ จนกระทั่งเปิดปากพูด “แต่ว่าถ้าหาก นางฟ้าจะลงมือปรับชุดนั่นใหม่ด้วยตัวเองจริงๆล่ะก็ ถึงแม้เป็น เศษผ้า ฉันก็ยินยอมค่ะ”

ท่าทางที่ดูน่าสงสารของเธอนั้น ดูเหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ เป็นอย่างมาก

ผู้จัดการที่อยู่ด้านข้างก็ได้แต่กรอกตามองบน แกล้งทำเป็น ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

“ล้อเธอเล่น ฉันไปตรวจดูชุดนั่นบ้างแล้ว เปอร์เซ็นต์ความ เสียหายไม่ต่ำกว่า60%ขึ้นไป ถ้าต้องปรับเพิ่มเติมล่ะก็ยากยิ่ง กว่าการเขียนแบบใหม่ขึ้นมาอีก ดังนั้น ถือว่าเธอยังมีโชคอยู่ บ้างที่ไม่ต้องใส่ชุดนั้น มากับฉันเถอะ

พอหลินซิงหัวได้ยิน เธอก็รีบเดินตามหลังของเธอไปอย่าง ว่าง่ายเหมือนกันกระต่ายยังไงยังงั้น

ผู้จัดการ

สักพักเธอก็ค่อยๆรีบเดินตามไป

นิสัยของหลินซิงหั่วนั้นเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ผู้จัดการก็รู้ดี แต่เฉินเฟยเองก็ยังไม่เคยเห็นหลินซิงหั่วรักและเคารพใครมา ก่อนจริงๆ ในตอนแรกเฉินเฟยเองก็แอบสงสัยว่าก็ไม่ใช่เป็น เพียงแค่นักออกแบบคนหนึ่งเท่านั้นเหรอ? ต่อมาเธอได้ไป สืบค้นข้อมูลส่วนตัวของหานมู่จื่อ ถึงได้รู้ว่าเธอได้รับรางวัล เฮฟวี่เวตและถ้าเธอแค่ยินยอม เธอก็สามารถปลดปล่อย ความกระตือรือร้นในวงของพวกเขาได้อย่างแน่นอน

แค่เพียงแต่ว่าดูเหมือนเธอจะจัดการอย่างเงียบมาก ตอน ที่เปิดบริษัทแม้แต่ชื่อของเธอ Shelly กลับไม่มีความเกี่ยวข้อง ของชื่อที่ประสบผลสำเร็จนี้เลย

“ขับรถไปเหรอคะ?”

หลินซิงหัวถามหลังจากที่เข้ามาในลิฟต์

หานมู่จื่อพยักหน้า “อื้อ ไปบ้านฉัน”

“ไป ไปบ้านเธอ?” หลินซิงหัวเหม่อลอยก่อนจะถามขึ้นมา “บ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ?”

เฉินเฟยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ จากนั้นพูดว่า “ชื่อภาษา จีนของนักออกแบบ Shellyก็คือหานมู่จื่อ นามสกุลหานเนี่ย เจอไม่ได้บ่อยในเมืองเป่ย คงไม่ใช่อย่างที่เราคิดแบบนั้น หรอกใช่ไหม? ”

พูดจนจบริมฝีปากของเฉินเฟยก็หยุดลง ดูเหมือนประหม่า เล็กน้อย

“ที่พวกคุณคิดนั่นมันแบบไหน?” หานมู่จื่อมองไปที่เฉินเฟ

ยอย่างไม่เข้าใจแวบหนึ่ง ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า นามสกุลหานเจอไม่ได้บ่อยในเมืองเป่ยอย่างนั้นเหรอ? เธอ กลับไม่รู้เรื่องนี้

“เหอะเหอะ…”เฉินเฟยกระแอมเสียงเบาๆ ก่อนจะพูดชื่อหนึ่ง ออกมา “ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงShelly จะรู้จักหานซิงไหม?”

หานมู่จื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า

“รู้จักสิ”

ทันใดนั้นดวงตาของเฉินเฟยก็เบิกโต กำลังอยากจะถามต่อ อีกสักประโยคแต่กลับถูกคำตอบของหานมู่จื่อทำให้ ประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“เขาเป็นพี่ชายของฉัน”

เฉินเฟย: “? ? ? ”

หานมู่จื่อยิ้มบางๆ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเบาว่า “เขาเป็นพี่

ชายของฉัน”

หลินชิงหัวพยักหน้าด้วยความไม่เข้าใจ “อ่อ” แต่ในใจกลับอยากติดตามต่อให้ได้

ดูเหมือนว่านางฟ้านั้นจะไม่เพียงแต่ยอดเยี่ยมแม้กระทั่ง ครอบครัวเองก็สมบูรณ์แบบอีกด้วย ที่แท้ก็เป็นคนของ ตระกูลหานที่เมืองเป่ยนี่เอง!

ที่เมืองเป่ยแล้วนอกจากจะมีตระกูลเย่ที่มีอำนาจล้นฟ้าก็ยัง มีตระกูลหานที่ไม่สามารถขาดไปได้ บอสหานชิงที่นามสกุล หานคนนั้นก็เคยขึ้นปกนิตยสารการเงินอยู่หลายครั้ง และยิ่ง กว่านั้นมีประวัติส่วนตัวและยังมีบทสัมภาษณ์อีกด้วย

ตอนแรกหลินซิงหัวเองก็เคยอ่านรายงานของคนนี้มาบ้าง แต่รู้สึกว่าหานชิงคนนี้จะเป็นคนที่พูดน้อย ท่าทางของเขา สุขุมรอบคอบ แต่จะว่าไปก็ไม่เย็นชาไปกว่าเยโม่เซินของ บริษัทตระกูลเย่

ได้ยินมาว่าแม้แต่บทสัมภาษณ์เขาก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่แม้กระทั่งหลินชิงหัวก็ยังรู้สึกว่า บอสของ บริษัทต้องเย็นชาขนาดนี้กันทุกคนเลยเหรอ? ต่อมาเธอก็พบ ว่าตัวเองใสซื่อเกินไป เพราะเจ้านายที่เธอเห็นในภายหลังนั้น เป็นคนหัวดื้อหรือขี้ขลาดช่างพูดน้อยไม่เย็นชา ยกเว้นเป็น คนที่ชื่อสัตย์นอกจากนั้นที่เหลือก็คือเหมือนครึ่งงูและมังกร ผสมกัน

ตระกูลหาน

หานมู่จื่อพาหลินซิงหั่วขึ้นข้างบนเข้าไปข้างใน

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพาคนนอกเข้ามาที่ตระกูลหาน แน่นอน ว่าในใจของหานมู่จื่อเสี่ยวเหยียนไม่ใช่คนนอก เพราะหา มู่จื่อได้มองว่าเสี่ยวเหยียนเป็นญาติของเธอ

“บ้านเธอใหญ่จังเลย” หลินซิงหั่วอิจฉา หาเงินมาได้ตั้งเยอะ แทบจะรวยสายน้ำมันแล้ว แต่ว่าพอถึงที่ตระกูลหาน เธอเพิ่ง พบว่าความจนได้จำกัดความคิดของเธอเอาไว้

ชีวิตของคนรวย…คุณคิดไม่ถึงหรอก!

การออกแบบบ้านของตระกูลฮั่นไม่ได้มีลักษณะเหมือนการ สะสมความมั่งคั่งด้วยความหรูหรา แต่เป็นแบบจากภายในสู่ ภายนอกจากสูงไปสู่เล็กๆ ด้านซ้ายไปสู่ด้านเล็กที่แสดงให้ เห็นถึงความสูงส่งและความประณีต

ก็เหมือนกับคนคนหนึ่ง หากว่าเธอได้ใช้ชีวิตในสภาพ แวดล้อมที่ดีตั้งแต่เด็ก ได้รับการศึกษาที่สูง ได้รับการอบรมที่ หลากหลาย งั้นออร่าของคน ๆ นี้จะต้องเปล่งประกายจาก ภายในสู่ภายนอก

ตระกูลหานคือแบบนั้น และหลินชิงหั่วจู่ๆก็รู้สึกว่าการ ตกแต่งภายในบ้านของเธอให้ความรู้สึกแบบ….แบบเศรษฐี

ใหม่

ไม่ผิด! ! มันเป็นแบบนั้นแหละ!

ผลักประตูห้องออก หานมู่จื่อก็หันกลับมามองที่หลินซิงหั่ว “เธอเข้ามากับฉันเถอะ”

ทันทีที่เฉินเฟยได้ยิน เขาก็กระแอมเล็กน้อย: “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไม่เข้าไปในห้องของผู้หญิงๆอย่างพวกเธอ ฉันจะรอที่นี่ ซิ่งหัวหากเสร็จแล้ว บอกฉันด้วย ฉันว่าฉันจะเดินเล่นที่ชั้น ล่างสักหน่อย”

หานมู่จื่อมองไปที่เฉินเฟย จากนั้นหันไปทางคนใช้แล้วกวัก มือเรียก “พาคุณเฉินลงไปพักผ่อนด้านล่าง รอดีๆ”

“ครับ คุณผู้หญิง”

ไม่นานนักคนใช้ก็ได้พาเฉินเฟยจากไป

หลินชิงหัวตามหานมู่จื่อเข้าไปในห้องด้วยกัน

นี่ไม่ใช่ห้องของหานมู่จื่อ กลับเป็นห้องจัดแสดงที่หานซิง ตั้งใจสร้างแทนหานมู่จื่อ

ใครจะรู้ล่ะ หลังประตูที่ปิดล็อกแน่นนั่นกลับมีโลกอีกใบ

อยู่?

หลังจากที่เข้าไป หลินซิงหั่วก็ถูกฉากหลังทำให้ตกตะลึง เธอเบิกตาโตมองไปที่งานออกแบบที่หลากหลายที่อยู่ตรง หน้า เพราะว่าหานมู่จื่อคือนางฟ้าของเธอ ดังนั้น ดังนั้นเธอจึง แทบจะจำได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าผลงานทั้งหมดในนั้นเป็นของ หานมู่จื่อ

เมื่อเข้ามาที่นี่อีกครั้งหัวใจของ หานมู่จื่อรู้สึก กระปรี้กระเปร่าเล็กน้อย การมีอยู่ของห้องโถงนิทรรศการนี้ครั้งหนึ่งซูจิ๋วเปิดปาก บอกให้หานมู่จื่อฟัง

เพราะหลังจากที่เธอกลายเป็นนักออกแบบแล้ว หานซิงใน ฐานะพี่ชายของเธอจะถ่ายภาพงานทุกชิ้นที่เธอออกแบบแล้ว เก็บไว้ที่บ้าน

ผลงานส่วนใหญ่ของ หานมู่จื่อมีเพียงชิ้นเดียวหรือสองชิ้น ยกเว้นความต้องการส่วนตัวทั้งหมดก็อยู่ที่นี่

ส่วนใหญ่ล่วงลับไปแล้ว แต่ถูกคนประมูลด้วยราคาที่สูงลิ่ว เอาไปก็ไม่เคยพบเงาอีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ