เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่449 อนาคตสำคัญมาก



บทที่449 อนาคตสำคัญมาก

ตอนที่449 อนาคตสำคัญมาก

“พระเจ้า เยอะขนาดนี้เชียวเหรอ”

ดวงตาของหลินซิงหั่วเบิกโต มองดูทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“นี่ ทั้งหมดนี้คือ..ผลงานของเธองั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง?” เยอะขนาดนี้เลย

หานมู่จื่อยิ้มบาง พูดเสียงเบาว่า “ของสะสมของพี่ชายฉัน ส่วนใหญ่ก็วางตลาดไปหมดแล้ว มีบางอันก็ซื้อมาไว้ บางอันก็ เจอไม่ได้บ่อยบนโลกจากนั้นก็ถูกนำมาเก็บไว้ที่นี่แล้ว”

“ว้าว นางฟ้าคะพี่ชายของเธอนี่ดีกับคุณเกินไปแล้ว” หลิน ซิงหัว ควบคุมใจตนเองไม่อยู่ ไม่คิดว่าผู้ชายคนที่ดูเย็นชา ราวกับน้ำแข็งนั้นกลับเอาใจใส่ขนาดนี้

ทำยังไงดี? เธอรู้สึกใจเต้นเข้าให้แล้ว ฮือฮือ

“ไปกัน” หานมู่จื่อพาเธอเข้าไปด้านใน “กระโปรงตัวนี้เป็น ตัวที่ฉันตั้งใจในการออกแบบอย่างมาก แต่ว่าหลังจากตัดเย็บ เสร็จไม่ได้วางตลาด ไม่เคยมีใครได้เห็นกระโปรงตัวนี้มาก่อน วันนี้มันถือว่าเป็นคำขอโทษจากฉัน ฉันยกให้เธอ”

หลินซิงหัวมองดูกระโปรงนี้มีที่มีแสงดาวสามมิติระยิบระยับ ก็รู้สึกซึ้งใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา

“นางฟ้าคุณใจดีจังเลย คิดไม่ถึงว่าฉันเกิดมาจนอายุเท่านี้ จะมีโอกาสได้ใส่ชุดที่นางฟ้าได้ออกแบบมากับมือและนี่ก็เป็น ผลงานที่มีราคาและคุณค่าเป็นอย่างมาก ชาติที่แล้วฉันคงไป กอบกู้กาแล็คซี่ทางช้างเผือกเอาไว้! นางฟ้าคะ ฉันเรียนเชิญ คุณมางานแถลงของฉันนะคะ ถึงตอนนั้นเราไปด้วยกันนะ คะ!”

หานมู่จื่อคิดอยู่สึกพักก็พยักหน้า “ดีจังเลย”

หลังจากที่พูดเสร็จเธอก็หมุนตัวกลับมาอย่างฉับไวพูดว่า “พาไปเพิ่มอีกสักคนได้หรือเปล่า?”

“ได้สิคะ นางฟ้าอยากจะพาใครมาก็พามาได้เลยค่ะ” หลินซิงหัวมองดูกระโปรงชุดนั้นด้วยความกระตือรือร้น ใน ตาของเธอเป็นแววประกาย

ก็มองไปที่ชุดกระโปรงแวบหนึ่ง

คงจะเป็นพรหมลิขิตสินะ ตอนแรกที่เธอเย็บชุดนั้นเธอมี ความรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าการออกแบบนั้นไม่ เหมือนกับที่เธอเคยทำก่อนหน้านี้ ดังนั้นเธอจึงเก็บไว้เพื่อเป็น ความชื่นชมของเธอเอง คาดไม่ถึงว่า…วันนี้จะต้องมอบให้แก่ หลินซึ่งทั่ว

ชื่อของหล่อนกับตัวหล่อนเองนั้นก็เหมือนดังดวงดาวที่ สว่างระยิบระยับอีกด้วย

หรือว่าโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว!

กระโปรงถูกหลินซิงทั่วเก็บเข้าในกระเป๋าถุง แต่หล่อนไม่ ได้นำกลับไปด้วย หล่อนเอาไว้ที่นี่กับหานมู่จื่อ และบอกว่า เมื่อถึงวันงานแถลงค่อยมาสวมใส่ที่บ้านเธอ

แน่นอนว่าหานมู่จื่อก็ตอบตกลง รอจนหล่อนกลับเธอก็กลับ ไปที่บริษัท

ตอนที่กลับไปบริษัทก็เป็นเวลาที่ใกล้จะเลิกงานแล้ว เธอ เก็บของจากนั้นตอนที่เธอกำลังจะเตรียมออกไป ทนายความ ก็เข้ามาพอดี

“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิงหาน เรื่องที่ท่านฝากไว้เกรงว่า จะทำไม่ได้แล้วครับ” หลังจากที่ทนายเข้ามาก็รีบพูดต่อ “ทาง ฝั่งตระกูลเย่นั้นไม่ยอมเปิดปากครับ และก็…ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ ยังคงต้องเป็นคุณผู้หญิงหานออกมาคุยเองจะดีกว่า”

เมื่อได้ยินดังนั้นหานมู่จื่อก็นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ถ้า หากฉันออกหน้าเอง แล้วทำไมฉันจะต้องจ้างทนายมาด้วย ล่ะ?”

คำพูดนั้นกลับไม่ผิดเลยสักนิด ใบหน้าของทนายซีดเซียว ลง และเงียบไม่พูดไม่จา

สุดท้ายเขาเลยถือโอกาสวางเอกสารลงบนโต๊ะ และพูดว่า

“สรุปคือคดีนี้ผมรับไม่ได้ครับ คุณผู้หญิงหานเชิญจ้าง ทนายที่เก่งและมีความสามารถกว่านี้เถอะครับ”

“ทนายจาง” หานมู่จื่อมองไปทางเขาด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ตอนก่อนที่จะรับทำคดีนี้ คุณเองก็รับรู้ชื่อเสียงเรียงนามของ อีกฝ่ายแล้วว่าคือใคร แต่คุณเองก็ยังเซ็นสัญญากับฉัน แล้ว ตอนนี้คุณกำลังจะผิดสัญญางั้นเหรอคะ?”

“ถ้าผมผิดสัญญาแล้วมันยังไงครับ? เพื่อสัญญาฉบับหนึ่ง แต่ผมกลับต้องเสียตำแหน่งหน้าที่การงานผมไปนั่นมันไม่ยิ่ง แย่กว่าเหรอครับ? ” ทนายจางวางบัตรใบหนึ่งไว้บนโต๊ะ “อีก ทั้งคุณเองก็ละเมิดสัญญากับอีกฝ่ายไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ แล้วผมทำไม่ได้งั้นเหรอ?ผมยอมและยินดีในเรื่องเงินค่า ละเมิดสัญญา”

หานมู่จื่อ

เธอมองดูบัตรที่อยู่บนโต๊ะแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ค่า ละเมิดสัญญาสามเท่า?”

“ดูไม่ผิดหรอกครับ ทนายพยักหน้า มองไปที่บัตรธนาคาร

ใบนั้นกลับเจ็บใจ

โชคดีที่การจ้าทนายในครั้งนี้ไม่ได้ใช้ค่าใช้จ่ายที่เยอะมาก นัก ดังนั้นการจ่ายค่าเสียหายเป็นสามเท่าเขาเองก็ยังคงพอ จ่ายไหว เขาเองรู้สึกเจ็บใจกับเงินพวกนั้นที่ต้องเสียแต่ทว่า เมื่อเทียบกับอนาคตของเขาแล้วเงินพวกนั้นเล็กน้อยไปเลย

“ก็ตกลงตามนี้นะครับ ผมขอตัวก่อน”

ไม่ทันได้รอคำตอบจากหานมู่จื่อ คนนั้นก็เดินจากไปเสีย

แล้ว

หานมู่จื่อรอจนเขาออกไป แล้วจึงหยิบบัตรธนาคารนั่นขึ้น

มาดู

ในใจกลับคิดว่านี่ทำให้ได้เงินมาก้อนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ? แม้ว่าเธอเองไม่ได้อยากที่จะรับเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ แต่ว่า… เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ววิธีที่ไหนล่ะ หานมู่จื่อเก็บบัตรธนาคาร นั่นจากนั้นก็ออกจากบริษัทไป

วันที่สอง

“ทนายโทรมาบอกฉันว่า เขาได้โอนเงินค่าละเมิดสัญญานั่น ให้เรียบร้อยแล้ว และก็คงไม่ได้จัดการเรื่องสัญญาครั้งนี้ต่อ ไป” เสี่ยวเหยียนเพิ่งออกไปไม่นาน ก็รีบวิ่งเขามาอย่าง รวดเร็วพูดว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? นี่มันเกินไปแล้วนะ เพียง เพราะว่าอีกฝ่ายคือเย่โม่เซิน แม้แต่เป็นอาชีพตัวเองที่ต้องทำ ก็ไม่อยากจะทำแล้วงั้นเหรอ?”

หานมู่จื่อได้ยินดังนั้น ก็วางปากกาในมือลง “ไม่โทษเขา หรอก ถ้าต้องโทษก็คงเป็นเพราะฝ่ายนั้นเขายากที่จะจัดการ ได้ และก็…ถือซะว่าเรื่องนี้ได้คลี่คลายแล้ว แต่เกรงว่าจะมี เหตุการณ์เกิดขึ้นรอบสอง”

พูดจบ หานมู่จื่อเปิดกระเป๋า หยิบบัตรธนาคารนั้นออกมา วางบนโต๊ะ

“นี่คือเงินค่าละเมิดสัญญาของทนายคนนั้น เธอเอาเงินนี่ เข้าบริษัทเถอะ เอาไปใส่ไว้ในเงินที่ใช้ร่วมกัน”

เสี่ยวเหยียนยื่นมือไปรับมาไว้ “ชดเชยเงินให้จริงๆเหรอ? สามเท่าแหนะ คาดว่าน่าจะประมาณสองสามล้านอยู่นะ เป็น ทนายนี่มีเงินขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ไม่เสียดายหรอกเหรอ”

ได้ฟังมาถึงตรงนี้ หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา “สำหรับเขาแล้ว อนาคตสำคัญกว่าเงินพวกนี้”

ว่าไปแล้ว ถ้าหากเขาพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่กว่านี้ หน่อย หานมู่จื่อก็คงไม่ถือว่าเขาเองผิดสัญญาและคงไม่ให้ ชดใช้ค่าละเมิดสัญญาแน่นอน แต่ว่า…แต่ฝ่ายนั้นถอยเร็วเกิน ไป ทั้งๆที่ยังไม่ได้พยายามอะไรเลยสักอย่าง และอีกทั้งตอน ที่คุยเรื่องสัญญานั้น หานมู่จื่อก็ได้กำชับให้เสี่ยวเหยียนพู ดกับอีกฝ่ายให้ชัดเจนแล้ว สัญญาฉบับนี้มันจะยุ่งยากแน่นอน ให้ทนายออกแรงดำเนินการหน่อย จะได้มีความมั่นใจทำต่อ ไปได้ ทนายจางตอบรับแล้ว แต่กลับทำคดีนี้ได้ไม่นานก็ยอมแพ้

“เสียเงินเปล่าไปตั้งสองสามล้าน แล้ว..เธอจะจัดการยังไง กับสัญญาฉบับนั้น? ถ้าหากว่าอีกฝ่ายเขาไม่ยอมยกเลิก สัญญา งั้นเธอก็คงต้องไปเผชิญหน้ากับเยโม่เซินเองงั้นเห รอ?”

“ปล่อยไว้ก่อนชั่วคราวเถอะ” หานมู่จื่อถอนหายใจ “ทำไ.ง ได้ แต่จะว่าไปสองสามวันนี้เขาก็คงไม่เข้ามารบกวนฉัน หรอก”

“โอเค ก็คงทำได้แค่พักไว้แบบนี้ก่อน ตอนนี้มีเรื่องด่วนกว่า นั้น เออใช่ เรื่องที่เธอฝากให้ฉันทำนะ ฉันทำไม่ได้ คงต้องรอ อีกสักพัก”

“อื้อ”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีคนผลักประตู ห้องทำงานเข้ามา

คนนั้นคือเลิงเยาเยา หล่อนมองมาที่ทั้งสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งเดินเข้ามา

“มีธุระอะไรเหรอ?”

“ตอนที่ฉันเพิ่งเข้ามา มีคนเอาจดหมายมาให้ฉันหนึ่งฉบับ บอกว่าต้องส่งให้ถึงมือเธอ”

พูดจบ เลิ้งเยาเยาก็หยิบจดหมายออกมา และวางมันลงต่อ หน้าของหานมู่จื่อ

“คืออะไร?” เสี่ยวเหยียนไม่รีรอเธอรีบเปิดออก

จดหมายฉบับใหญ่มาก และยังหนามากด้วย เพราะความ รีบร้อนของเสี่ยวเหยียน ทำให้ตอนที่เธอเปิดนั้นรูปภาพได้ หล่นลงมาเต็มพื้น กลุ่มคนก็วิ่งเข้าไปดู ก้มตัวลงไปดู

“นี่ นี่มันไม่ใช่จ้าวยี่หรูเหรอ?” เสี่ยวเหยียนเบิกตาโตมองไป ยังคนในรูปภาพนั้น “แปลกจัง ใครส่งจดหมายนี้มาเนี่ย? ส่ง พวกนี้มาทำไมกัน?”

หานมู่จื่อยื่นมือออกไปหยิบรูปภาพขึ้นมา มองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ลองดูในซองจดหมายสิ นอกจากรูปภาพพวกนี้ แล้วยังมีอะไรอีกไหม?”

เสี่ยวเหยียนพลิกไปมา สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป “มีอันนี้

ด้วย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ