เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 243 จากเขาไปเถอะ



บทที่ 243 จากเขาไปเถอะ
เส้นเฉียวดึงสติกลับมา แล้วจับตู้โชว์สินค้าที่อยู่ข้างๆอย่างอ่อนเพลีย พยายามให้ตนเองสงบนิ่งลงมา
“ฉันไม่เป็นไร”
“แต่ว่าสีหน้าของคุณดูแล้วไม่ค่อยดีเลยนะคะ ต้องการให้ดิฉันช่วย โทรศัพท์ไหมคะ?”
เส้นเฉียวไม่ตอบคําถาม หายใจลึกๆและทําใจให้ปกติเหมือนเดิม ผ่านไป สักพักหนึ่ง เธอจึงเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พนักงานขายและยิ้มให้: “ขอบคุณที่เป็น ห่วงนะคะ ฉันไม่เป็นไร ฉันไปก่อนนะคะ”
จากนั้นเสิ่นเฉียวก็เดินออกไปในขณะที่พนักงานขายยังมีสายตาที่กังวล และเป็นห่วงอยู่
ระหว่างทาง เส้นเฉียวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย ตรงหน้าคือที่ ใด เธอก็ไม่รู้
ก่อนที่จะมาร้านจิวเวลรี่ที่นี่ เธอพยายามปลอบใจและโน้มน้าวใจตนเอง ตลอด ต่างหูคู่นั้นเป็นแค่แบบเหมือนกันเท่านั้น ไม่งั้นคงไม่บังเอิญแขวนอยู่บน หูของหานเส่โยวขนาดนั้น
เธอถึงกับไม่กล้ามาสอบถามให้ชัดเจน แต่ตอนหลังก็มาจนได้ หลังจาก ที่ได้คําตอบแล้ว ถึงรู้ว่าที่จริงแล้วคําตอบไม่ใช่สิ่งที่ตนสามารถยอมรับได้
เพราะว่าต้องประชุม ดังนั้นเปโม่เซินจึงปลอบใจเซียวซู่ให้ส่งเธอกลับ บ้านตระกูลเย่ จากนั้นก็รีบทิ้งการประชุมและออกไป แล้วก็ไม่กลับบ้านทั้งคืน ในวันนี้หานเส่โยวกลับใส่ต่างหูคู่นั้นมาอยู่ตรงหน้าของตนเอง
นี่มันหมายความว่าอะไร? เส้นเฉียวยืนนิ่งๆ หมายความว่าเมื่อวานพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน ทั้งวันทั้งคืน ฮาๆ เส้นเฉียวเอ้ย เสิ่นเฉียว เธอยังรอเขาอยู่ที่บ้านทั้งคืน เธอนี่มันเป็นคนโง่ จริงๆ?
ยังเป็นห่วงว่าเปโม่เซินจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นและโทรหาเซียวซู่
ตอนนี้คิดดูแล้ว เซียวซู่เมื่อวานอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด ก็คงเป็นเรื่องพวก นี้ล่ะ? ไม่น่า ไม่น่าเขาจึงใช้สายตาที่สงสารมองดูตนเอง!
ที่แท้…มีแต่เธอที่ถูกปิดบังไว้อยู่คนเดียว
“คนหลอกลวง” เส้นเฉียวด่าเบาๆ ร่างกายเดินก้าวไปข้างหน้าอย่าง ทุลักทุเล
ปัง!
ไม่ทันระวังชนไปที่อ้อมอกใคร “เดินไม่มองเลยเหรอ? เชื่อไม่เชื่อว่าฉันตีคุณให้ตายเลย? หลีกไป”
มีคนด่าอย่างรุนแรงและเดินผ่านเธอไป เส้นเฉียวไม่ได้ดูเลยสักนิดว่าคือ ใคร และไม่ทันพูดคําขอโทษ
เธอเดินต่อไปข้างหน้าอย่างล้มลุกคลุกคลาน เดินไปไม่กี่ก้าวก็เดินชน คนอื่นอีก แต่ว่าครั้งนี้โชคไม่ดีนัก เธอชนจนตนเองล้มลงไปกับพื้น นั่งอยู่บน พื้นที่เยือกเย็นและแข็งกระด้าง
“เว้ย คุณนี่มันเป็นยังไงกัน? เดินชนคนอื่นอยู่ได้? นั่งอยู่ตรงนั้นอยากจะ ทําอะไร? คงไม่ใช่จะมาต้มตุ๋นเงินของฉันนะ?” คนนั้นพูดจบก็รีบเดินออกไป กลัวเธอจะแกล้งหรือมีกลอุบายอะไร
เธอนั่งอยู่บนพื้นตั้งนาน อยากจะลุกขึ้นมา กลับรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว ไม่มีเรี่ยวแรงเลย
เส้นเฉียวโมโหมาก ก็แค่เรื่องเล็กๆแค่นี้เอง มันคุ้มค่ากับเธอที่ต้อง ซมซานขนาดนี้เลยเหรอ?
ตอนที่เส้นเฉียวหย่ากับหลินเจียง พ่อแม่ดันตัวเธอออกไปอย่างโหดร้าย ตอนนั้นเธอยังสามารถลุกขึ้นมาได้ ตอนนี้ก็ต้องลุกได้…
เธอพยายามใช้แรงดันพื้นอยากจะลุกขึ้น มือที่อบอุ่นคู่ใหญ่ๆคู่หนึ่งมาจับ แขนเธอไว้อย่างกะทันหัน จากนั้นพยุงเธอลุกขึ้นมา
ในตาที่น้ําตาคลอเบ้าสลัวๆ ตรงหน้าของเสิ่นเฉียวมีเงาของคนร่างผอม สูงและแข็งแรงยืนอยู่
คนๆนั้นยื่นมือมาเช็ดขอบตาของเธอ หลังจากนั้นก็มีน้ําตาไหลออกมาไม่ หยุด ตรงหน้าที่ดูสลัวก็เริ่มค่อยๆชัดเจนขึ้นมา เสิ่นเฉียวมองเห็นคนที่เช็ด น้ําตาให้เธออย่างชัดเจน
สายตาของเย่หลิ่นหานมองดูเธออย่างน่าสงสาร เช็ดน้ําตาให้เธอด้วย ท่าทางที่อ่อนโยนอย่างไม่มีที่เปรียบ แล้วถอนหายใจอย่างอัดอั้นตันใจ
“หญิงโง่ คุณร้องไห้จนเป็นแบบนี้ เขามองไม่เห็นเลยสักนิด” น้ําตาของเสิ่นเฉียวไหลพรากลงมาทันที
น้ําตาพวกนั้นเหมือนกับไม่เอาซะอย่างนั้น ไหลลงมาเยอะมากเหมือน แข่งกันร้อง เย่หลิ่นหานเริ่มแรกยังเช็ดให้เธออย่างนิ่งๆ จากนั้นยิ่งนานก็ยิ่ง เยอะ ความห่วงใยในสายตาของเขาก็ยิ่งลึกเข้าไปอีก จึงยื่นมือไปโอบเธอเข้า มาในอ้อมกอด
“จากเขาไปเถอะ” เขาจับหัวด้านหลังของเธอด้วยเสียงแหบ ดันหน้าเธอ มาแนบอ้อมอกตนเองไว้แน่นๆ
น้ําตาที่ไหลพรากออกมาพวกนั้นทําให้เสื้อของเขาเปียก อุ่นๆและเปียก ไปหมด
“ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ทําให้คุณร้องไห้เสียใจขนาดนี้คนเดียว เฉียวเฉียว ให้โอกาสผมสักครั้ง ครั้งเดียวก็พอ”
เส้นเฉียวถูกเขาดึงตัวไปอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายที่ไม่ชินของเขาทําให้ เธอเหมือนจะมีความต่อต้านปฏิเสธ แต่ว่าความรู้สึกอบอุ่นแบบนั้นกลับทําให้ เธออยากได้อย่างน่าแปลก เธอรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยแล้วจริงๆ อีกทั้งยังไม่มี เรี่ยวแรง มีอ้อมกอดที่อบอุ่นเช่นนี้กะทันหัน เธอไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านแม้แต่ นิดเดียว
คนเดินไปเดินมาเต็มถนน เย่หลิ่นหานกอดเธอไว้อย่างนั้น ไม่สนใจ สายตาของคนอื่นที่มองมาอย่างแปลกประหลาดใจ
ผ่านไปสักพัก คนในอ้อมกอดไม่ตอบโต้อะไรอย่างกะทันหัน เย่หลิ่นหาน ดันเธอออกมา ถึงรู้ว่าเธอปิดตาอยู่ เหมือนสลบไปอย่างนั้น
สีหน้าของเย่หลิ่นหานเปลี่ยนไป จึงรีบยื่นมืออุ้มเธอขึ้นมา เดินออกจากที่ นั่นอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างน่าตกใจ ก้อนเมฆที่มืดครื้มมาตั้งนาน ในที่สุดฝน ก็ตกลงมาอย่างหนักและยังมีฟ้าผ่าด้วย ผ่าไปเกือบครึ่งฟ้า
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง เส้นเฉียวตกใจตื่นขึ้นมาทันที แล้ว ก็มองดูรอบๆ สังเกตว่าตนเองนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยที่อบอุ่น ไม่ใช่ถนนที่วุ่นวาย อีกแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น เสิ่นเฉียวมองไปทางเสียงที่ดังขึ้นมองไปก็เห็นเย่หลิ่นหานที่นั่งอยู่ตรงหน้าเตียงผู้ป่วยของเธอ สายตาของเขา กําลังมองเธออย่างอ่อนโยน: “รู้สึกว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
จากนั้นยื่นมือไปแตะหน้าผากของเธอ เหมือนกําลังวัดอุณหภูมิ
วัดไปสักพักหนึ่ง เขาเหมือนวัดไม่ออก ดังนั้นจึงก้มตัวลงไปใช้หน้าผาก ตนเองไปแตะ หน้าผากแตะหน้าผากของเธอเพื่อสัมผัสอุณหภูมิ
ลมหายใจที่อุ่นๆร้อนๆระเหยไปบนหน้าของเธออย่างไม่แจ้งก่อน เงิน เฉียวเห็นโครงหน้าที่หล่อเหลาของเย่หลิ่นหานใกล้ๆเธอมาก แววตาสะดุ้งไป พักหนึ่ง
ตอนที่เธอรู้สึกตัวจึงอยากยื่นมือดันตัวเขาออก เย่หลิ่นหานกลับถอย ออกห่างแล้ว จากนั้นก็ยิ้ม: “โชคดีที่ไข้ลดลงแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงต้องเป็น ห่วงคุณจนแย่” ได้ยินแล้ว ปากของเส้นเฉียวขยับๆ “ฉันเป็นไข้เหรอ?” พอเอ่ยปาก เธอถึงรู้ว่าตนเองเสียงแหบมาก เยหลิ่นหานยิ้มเบาๆ ไม่พูดอะไร แล้วลุกขึ้นมาไปรินน้ําให้เธอหนึ่งแก้ว จากนั้นพยุงเธอขึ้นมานั่ง: “ดื่มน้ําก่อน ทําให้คอชุ่มชื้นหน่อย ดื่มหมดค่อยพูด”
คอแหบจนจะตายอยู่แล้ว เสิ่นเฉียวไม่ได้ปฏิเสธอยู่แล้ว ขยับไปรับแก้ว มา จากนั้นดื่มจนหมดแก้ว
“อย่ารีบร้อน ค่อยๆดื่ม เดี่ยวสําลักเอาจะไม่ดี”
รอจนเธอดื่มหมดแล้ว เย่หลิ่นหานก็รับแก้วไปอย่างเป็นธรรมชาติจนไม่มี ที่เปรียบ มืออีกข้างหนึ่งก็ยื่นไปข้างปากของเธอและเช็ดหยดน้ําที่มุมปากเธอ
การกระทําที่ใกล้ชิดเช่นนี้ทําให้เสิ่นเฉียวขมวดคิ้วสวยๆ จากนั้น จิตใต้สํานึกอยากจะหลบออกจากการสัมผัสของเขา
เพียงแต่ว่าความเคลื่อนไหวของเย่หลิ่นหานนั้นมันเร็วเกินไป สัมผัสได้ เร็ว เก็บขึ้นก็เร็ว เธอหลบไม่ทัน ยิ่งไม่ทันดันเขาออกไป
“คุณไข้ขึ้นสูงจริงๆ อีกทั้งยังหนักด้วย หมอบอกว่าคุณเป็นหวัดถูกลม หนาวมากไป เฉียวเฉียว ร่างกายคุณอ่อนแอเกินไปแล้ว อาจจะต้องนอนพัก รักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน”
ได้ยินว่าต้องนอนโรงพยาบาล สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปทันที “ฉัน ไม่นอนโรงพยาบาล”
เธอไม่ชอบอยู่โรงพยาบาล ไม่มีเหตุมีผลเธอไม่อยากอยู่ที่นี่หรอก เย่หลิ่นหานได้ยินเธอปฏิเสธ ขมวดคิ้วและจ้องเธออย่างเข้มขรึม: “ไม่พักโรงพยาบาลไม่ได้ สุขภาพของคุณแย่มาก อีกทั้งผมได้ยินหมอบอกว่า คุณ ท้องแล้ว” ได้ยินแล้ว เสิ่นเฉียวตกใจจนตาโต มองหน้าเขาอย่างตะลึง
ทันใดนั้น ในใจของเธอรู้สึกสับสนเหมือนมีหลายสิ่งหลายอย่างทับถม เข้ามา จนเกือบทําให้เธอหมดลมหายใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ