เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1425 ไฟไหม้



บทที่1425 ไฟไหม้

ในเมื่อทั้งสองคนคุยกันเรียบร้อยแล้ว และเจียงเสี่ยวไปก็พอใจ กับการเจรจา ดังนั้นก็เลยไม่ไปก่อกวนเซียวซูอีก ทั้งคู่กลับไปที่ ห้องแล้วก็นอนหลับ

ครั้งนี้เจียงเสี่ยวไปนอนลงไปได้ไม่นานเท่าไหร่ก็หลับไปอย่าง สบายใจ

ส่วนเซียวซูนั้น ถูกก่อกวนจนไม่รู้สึกง่วงอีกแล้ว สิ่งที่ปรากฏ ขึ้นมาในหัวของเขา คือคำพูดที่เจียงเสี่ยวไปพูดกับเขาเมื่อกี้นี้

แล้วก็ คนคนนั้น

พรุ่งนี้เธอจะได้ใส่ชุดเจ้าสาว และได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก แล้ว เธอในคืนนี้ ต้องดีใจมากแน่ๆ เลยใช่ไหม?

คนที่ตัวเองชอบ และก็ชอบตัวเองเหมือนกัน ทั้งสองคน สามารถรักกันได้ชั่วชีวิต มันช่างเป็นเรื่องที่มีความสุขจริงๆ

แล้วเขาล่ะ?

เขากับเสี่ยวไป๋ จะเดินด้วยกันไปได้ตลอดไหม?

ในที่สุดก็มาถึงงานแต่งงาน

เมื่อคืนเสี่ยวเหยียนหลับไม่เต็มที่ แถมยังต้องตื่นแต่เช้ามา แต่งหน้าแต่งตัว ตอนที่ตื่นขึ้นมานั้นเธอง่วงจนลืมตาแทบจะไม่ขึ้น ช่างแต่งหน้าอุทานออกมาทันทีที่เห็นเธอ

“คุณนายหานคะ เมื่อคืนคุณไปทำอะไรมาคะ? ทำไมใต้ตาถึง ได้มากขนาดนี้? ”

ประโยคอุทานที่ทำให้ความง่วงนอนของเสี่ยวเหยียนตกใจจน หายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอรีบลืมตาขึ้นมาแล้วก็มองดูตัวเองใน กระจก ทันใดนั้นก็พบว่า ใต้ตาของตัวเองจนน่าตกใจจะตายอยู่ แล้ว

“เอ๊ะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ”

ทั้งๆ ที่เมื่อวานเธอหลับไปเพราะคำแนะนำของหลวยเหม่ย แล้วนะ แต่ผลก็คือ ใต้ตาเธอยังคงด่ามากขนาดนี้ แล้วงาน แต่งงานของเธอในวันนี้จะทำยังไงดีล่ะ? จนถึงตอนนั้นหานซึ่งจะ รังเกียจเธอไหม!

พอเห็นท่าทางที่อยากจะร้องไห้อย่างไร้น้ำตาของเธอแล้ว ช่าง แต่งหน้าก็ทำได้แค่ปลอบใจเธอ “คุณนายหานไม่ต้องเป็นกังวล ไปหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยปกปิด ให้คุณเอง เติมสีทองเข้าไป หน่อย ก็จะดูไม่ร้ายแรงเท่าไหร่แล้ว”

“ถึงจะปิดมันก็จะยังมีร่องรอยอยู่ใช่ไหม? ถ้าเกิดว่ารู้ว่าจะเป็น แบบนี้เมื่อคืนก็จะรีบนอน เฮ้อ”

ช่างแต่งหน้าพูดต่อ “คุณนายหานวางใจเถอะค่ะ ผู้หญิงหลาย คนก่อนแต่งงานก็เป็นแบบคุณนี่แหละ ตื่นเต้น ดีใจ ความรู้สึก หลายๆ อย่างผสมปนเปกันอยู่ในหัว นอนไม่หลับเป็นเรื่องที่ปกติ มาก ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง อย่าพูดถึงเรื่องใหญ่โตอย่างแต่งงานเลย ต่อให้แค่พรุ่งนี้จะต้องไปเจอลูกค้า หรือว่าต้องออกไปนอก สถานที่ ก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแล้ว

ความสนใจของเสี่ยวเหยียนถูกดึงออกไปแล้ว “ร้ายแรงขนาด นั้นเลยเหรอ? ถ้ายังงั้นปกติเธอต้องลำบากมากแน่เลยใช่ไหม? ”

“ลําบากมากเลยค่ะ แต่ว่าก็ไม่มีทางเลือกไม่ใช่เหรอ? ทำได้ แค่พยายามปรับทัศนคติตัวเองให้ดีที่สุด ตายแล้ว ผิวของ คุณนายหานนี้ดีจังเลย มาสก์หน้าก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะได้แต่ง หน้าได้ดีขึ้น”

“อืมๆ ”

ช่างแต่งหน้าเตรียมมาสก์หน้าเพิ่มความชุ่มชื้นให้เสี่ยวเหยียน หลังจากนั้นก็แปะแผ่นมาสก์ลงไปให้เธอ “เดี๋ยวใส่เพิ่มเติมเพื่อ ลดรอยคล้ำหน่อย การมาสก์หน้านี้ต้องใช้เวลา เวลานี้คุณนาย หานรีบนอนให้พอเถอะค่ะ เดี๋ยวตอนถึงงานแต่งจะได้มีชีวิตชีวา ขึ้นหน่อย”

“อืม ได้ค่ะ”

ช่างแต่งหน้านำมาสก์ที่เตรียมไว้แปะลงบนใบหน้าของเธอ ถึง แม้ว่ามันจะเย็นเล็กน้อย แต่ว่าในห้องเปิดฮีตเตอร์ ก็เลยรู้สึกว่า มันสบายมาก

ไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็หลับไป

ช่างแต่งหน้าพาผู้ช่วยของเธอถอยออกไปข้างนอก ให้เธอ นอนสักแป๊บหนึ่งเถอะ มาสก์หน้าต้องทิ้งไว้20นาที เธอไปดูที่เตรียมอาหารของวันนี้ดูว่ามีอาหารเข้าไหม แล้วก็เอามาสักสอง สามจาน เอาอันที่ย่อยง่ายๆ เบาๆ รสชาติอ่อนๆ “

“ได้ค่ะ” พอผู้ช่วยได้รับคำสั่งจากช่างแต่งหน้าก็รีบออกไป

ทันที ช่างแต่งหน้าเริ่มเตรียมข้าวของที่ต้องใช้ในวันนี้ หยิบออกมา

จัดสรรไว้

วันนี้พ่อแม่ของเสี่ยวเหยียนก็แต่งตัวดีหน่อยเหมือนกัน เดิมที พ่อจางนั้นปฏิเสธ แต่ได้ยินว่าแบกคนอื่นที่มาวันนี้คาดว่าจะมีคน จะชนชั้นสูงเยอะเลย ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรทำให้ลูกสาวขาย หน้า ก็เลยตกลงยอมแต่งหน้าแต่งตัว

สถานที่แต่งหน้าแต่งตัวสำหรับพวกเขาถูกเตรียมไว้อีกชั้นหนึ่ง

ทั้งสองคนแต่งหน้าไปด้วยคุยกันไปด้วย

“ตาแก่ แก่ขนาดนี้ยังไม่เคยแต่งหน้ามาก่อนเลยเหรอ? ” หลัว หุ้ยเหม่ยหลับตาไปด้วยพร้อมกับหยอกสามีตัวเองไปด้วย

พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของตาจางก็แปลกไปเล็กหน่อย ตอบว่า “ก็แน่นอน ก็แค่ตอนครั้งนี้แหละที่ลูกสาวจะแต่งงาน เฮ้อ ใคร จะไปคิดว่าเธอจะได้แต่งงานกับเสี่ยวชิงล่ะ อย่าว่าแต่ลูกสาวคิด ว่ามันไม่เหมือนเรื่องจริงเลย จนถึงตอนนี้ฉันยังรู้สึกเหมือนกับว่า มันเป็นความฝันเลย ถ้าเกิดว่าฉันตื่น เรื่องทั้งหมดนี้มันจะจบไป เปล่า”

“จุ๊ๆๆ พูดอะไรกันฮะ ลูกสาวก็เป็นแบบนี้คุณก็เป็นแบบนี้อีกหาเรื่องเดือดร้อนอยู่ใช่ไหม ระวังฉันจะตีคุณเข้านะ

ช่างแต่งหน้าทั้งสองคนเอาแต่พูดแสดงความยินดีกับพวกเขา ทั้งสองคนไม่หยุด ไม่มีอะไรนอกไปจากดวงดีมาก ได้แต่งงานกับ ตระกูลที่ดีเช่นนี้ ต่อไปต้องมีชีวิตที่มีความสุขและสุขสบายอย่าง แน่นอน

หลัวหุยเหม่ยได้ยินแล้วรู้สึกสบายใจมาก แล้วก็พูดกับพวก เธอว่า “ขอบคุณนะ เดี๋ยวพอถึงเวลาจัดงานแต่งก็ลงไปดื่มเหล้า ด้วยสิ เดี๋ยวพองานจบฉันจะแจกซองแดง ให้พวกเธอ

เดิมทีช่างแต่งหน้าก็มาเพื่อหาเงินอยู่แล้ว พอทั้งสองคนได้ยิน

แววตาก็ฉายแววแห่งความสุขทันที

“ขอบคุณค่ะ ขอให้ลูกสาวของคุณมีชีวิตที่มีความสุข อยู่ด้วย กันยืนยาว”

มีความสนุกสนานมากมายทุกหนทุกแห่ง และไม่มีใครสังเกต

เห็นว่ามีร่างที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในห้องแต่งตัวของเสี่ยวเหยียน

ในเวลานี้

หลังจากผ่านไป15นาที

ในที่สุดหลัวหุ้ยเหม่ยกับพ่อจางก็แต่งหน้าเสร็จ หลัวหุ้ยเหม่ย

เอาแต่ล้อเลียนตาแก่ของบ้านตัวเองไม่หยุด แล้วก็เสนอความคิด เห็น “พวกเราขึ้นไปดูหน่อยไหมว่าลูกสาวแต่งหน้าเป็นยังไง บ้าง? ”

พ่อจางมีลูกสาวเพียงแค่คนเดียว แน่นอนว่าต้องให้ลูกเป็นแก้วตาดวงใจอยู่แล้ว พอได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน ก็ เลยพยักหน้า แล้วสองสามีภรรยาก็เดินออกไปข้างนอกด้วยกัน

พึ่งจะเดินออกมาข้างนอก ทั้งสองคนก็เหมือนจะได้กลิ่นไหม้

งานแต่งงานจัดขึ้นที่โรงแรมหกดาว ตอนที่ได้กลิ่นไหม้ ทั้งสอง คนก็ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “เอ๊ะ โรงแรมนี้มันยังไงกัน? มีกลิ่น อาหารไหม้ด้วย พ่อครัวคนไหนฝีมือแย่ขนาดนี้กัน? ”

พอได้ยินดังนั้น พ่อจางก็อดยิ้มไม่ได้และพูดว่า “เกรงว่าแม้แต่ ฝีมือของเสี่ยวเหยียนของพวกเราก็เทียบไม่ได้เลยใช่ไหม? ”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

ฝีมือการทำอาหารของลูกสาวตัวเองนั้น หลัวหุยเหมียรู้สึก ภูมิใจมาก

ทั้งสองคนยิ้มแล้วก็ถามทางไปด้วย หลังจากนั้นก็เดินขึ้นตึกไป

ตอนที่เตรียมจะเดินขึ้นตึกไปนั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิง

มีหลายคนวิ่งลงมา

หลัวหุ้ยเหม่ยกับพ่อจางเห็นว่าสีหน้าของพวกเขาดูตื่นตระหนก ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกคุณเป็นอะไรกันเหรอ? ”

“คุณป้าคุณลุง จะขึ้นไปทำอะไรกัน? ด้านบนนั้นไม่รู้ว่ามีห้อง ไหนไฟไหม้ ได้ยินว่าไฟลุกใหญ่โตมาก และไม่รู้ว่ามันจะแพร่กระ จายรึเปล่า พวกคุณอายุเยอะแล้วไปต้องไปเพิ่มปัญหาหรอก รีบ ลงไปเถอะ”
“ไฟไหม? “ดวงตาของคู่สามีภรรยาดูสับสน หันมามองตากัน หลังจากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปด้านบนทันที

วัยรุ่นคนนั้นเห็นว่าพวกเขาไม่แม้แต่ไม่ฟังที่เขาบอกให้ออกไป

จากที่นี่ แถมยังขึ้นตึกไปอีก ก็ถามว่า “คุณป้าคุณลุงทำอะไรกัน

นะ? ด้านบนไฟไหมนะ อย่าขึ้นไปเลยมันอันตราย หลัวหุยเหม่ยก็เลยตอบอย่างเร่งรีบ “ลูกสาวฉันแต่งหน้าอยู่

ชั้นบน พวกเราต้องขึ้นไปบอกเธอ

ทั้งสองคนเดินทั้งรีบและเร็ว แป๊บเดียวก็ไม่เห็นพวกเขาแล้ว วัยรุ่นคนนั้นก็ทำได้แค่ไม่พูดอะไรอีก

และในขณะเดียวกัน สัญญาณเตือนภัยของโรงแรมก็ดังขึ้น

“โทรแจ้งสถานีดับเพลิงรึยัง? ”

“ไม่รู้สึ น่าจะมีคนโทรแล้วนะ”

ทุกคนพูดคุยกันไปมา สุดท้ายก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรแจ้ง

สถานีดับเพลิง

เสี่ยวเหยียนตื่นขึ้นมาเพราะแสบจมูก ตอนที่กำลังนอน สะลึมสะลืออยู่นั้น ก็รู้สึกหายใจลำบาก ก็เลยลืมตาขึ้นมา

มาสก์บนหน้ายังอยู่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ในห้องถึงมีกองไฟที่ โหมกระหน่ำ แล้วตำแหน่งของไฟนั้นก็อยู่ใกล้เธอมากด้วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ