เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่149 สุดท้ายพวกเธอเป็นอะไรกัน



บทที่149 สุดท้ายพวกเธอเป็นอะไรกัน

การกระทำของเธอทำให้เย่หลิ่นหานงงเล็ก น้อย เขานิ่งไปแวบหนึ่งก่อนจะวิ่งลงรถตามไป

“น้องสะใภ้?”

เย่หลิ่นหานยืนขวางเธอและมองเธอด้วย ความไม่เข้าใจ “เป็นอะไรไป?”

เสิ่นเฉียวพูดกับเขาด้วยสีหน้าแย่ “พี่ใหญ่ จากตรงนี้ไปไม่ไกลจากบริษัทเท่าไหร่ เดี๋ยวฉัน เดินไปเองได้ ส่วนโรงพยาบาลฉันไม่ไปแล้ว วันนี้ ขอบคุณพี่มากนะคะ”

พูดจบเสิ่นเฉียวไม่มากความ เธอเดินอ้อม เย่หลิ่นหานแล้วเดินจากไป

เย่หลิ่นหานไม่ได้ตามเธอไป เขายืนดูเสิ่น เฉียวเดินจากไปจากตรงนั้น

เสิ่นเฉียวเดินอยู่นานพอสมควร เมื่อไปถึง บริษัทแล้วยังไม่มีใคร เธอจึงขึ้นไปชั้นบนสุด เพียงลำพัง

เอกสารยังคงกองเป็นภูเขาดังเช่นเดียวกัน กับเมื่อวาน เพียงแต่ก็เริ่มมีพื้นที่ว่างบ้างแล้ว เมื่อ เธอคิดอยากจะย้ายกองเอกสารไปแต่ก็พบว่ามือของเธอทายาน้ำร้อนลวกไว้ทำให้ไม่สะดวก

เธอจึงทำได้เพียงยืนจัดเอกสารด้วยมือ ข้างเดียวสักพัก รอจนความร้อนหายไปจากมือ ของเธอ เธอจึงได้ปลีกตัวไปล้างเอายาน้ำร้อน ลวกออก

โชคดีที่มันเป็นแค่โดนโจ๊กลวกเท่านั้น ไม่ ได้โดนลวกรุนแรงขนาดนั้น ทายาไปประมาณ ชั่วโมงกว่า อาการของเธอก็ดีขึ้นมาก

ในตอนที่เดินกลับมาโต๊ะทำงาน ก็พบกับเย่ โม่เซินที่เพิ่งมาทำงานพอดี

เขายังคงทำตัวเหมือนเมื่อวาน ไม่ใส่ใจเธอ ไม่แม้แต่จะปรายตามอง

เซียวซูเข็นเขาเข้าไปห้องทำงานอย่าง รวดเร็ว

เสิ่นเฉียวกลับนั่งจัดการเอกสารตามเดิม อาจเพราะความเหนื่อยสะสมในสองวันที่ผ่านมา และไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เส้นเฉียวฟุบ หลับอยู่บนโต๊ะของเธอ

ไม่รู้ว่าฉันหลับไปนานแค่ไหนเสิ่นเฉียวก็ได้ ยินเสียงใครบางคนผลักไหล่เธอและเรียกชื่อเธอ

“เสิ่นเฉียว ทำไมเธอยังนอนอยู่ล่ะ? รีบตื่นไปกินข้าวเถอะ” คนที่ผลักเธอก็คือเสี่ยวเหยียน เธอรออยู่ที่โรงอาหารข้างล่างอยู่นานมากแต่ก็ไม่ เจอเสิ่นเฉียวจึงได้ขึ้นมาตามข้างบน

ใครจะรู้ว่าเธอฟุบหลับอยู่ที่นี่

เสิ่นเฉียวรู้สึกมึนงงเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อ เธอลืมตาและมองด้วยความยากลำบาก “เสี่ยวเห ยียน?”

“เธอมานอนอยู่ที่นี่ได้ไง? พวกเรารีบไปกิน ข้าวเถอะ ถ้าเธอไปช้ากว่านี้อีกนิดอาหารในโรง อาหารจะหมดแล้วนะ” เสี่ยวเหยียนพูดและไม่ได้ สนใจว่าเธอจะเห็นด้วยหรือไม่ เข้าไปจับแขนและ พยุงเธอขึ้น

“อือ” เสิ่นเฉียวก็เตรียมจะไปทานข้าวจึงได้ ลุกตามเธอไป

สุดท้ายเดินไปได้สองก้าว ภาพข้างหน้าก็ ดับมืด ตัวเธอล้มลงโดยไม่สามารถควบคุมได้

จู่ๆเสียงอุทานของเสี่ยวเหยียนก็ดังขึ้น “เฮ้ย ๆ เธอเป็นอะไรนะ? อย่าล้มใส่ฉันสิ แล้วก็ อย่าล้มลงพื้นด้วยสิ…เอาเถอะ ๆ เธอล้มบนตัวฉัน ดีกว่า”

เสี่ยวเหยียนถือว่ามีแรงเยอะ ลากเธอไปมาสุดท้ายเสิ่นเฉียวล้มลงใส่เสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยีย นมองดูเธอครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไร เธอกัมลงดู และพบว่าเสิ่นเฉียวหลับตาอยู่

“เสิ่นเฉียว? เสิ่นเฉียว? ?”

“โธ่ นี่เธอเป็นลมเหรอเนี่ย? เกิดอะไรขึ้นกับ เธอกันแน่เนี่ย ฉันควรส่งเธอไปโรงพยาบาลใช่ ไหมเป็นลมแบบนี้?”

เสี่ยวเหยียน หันไปมองรอบ ๆ พบว่าไม่มี ใครอยู่เลย จึงได้ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

เธอจับมือของเสี่ยวเหยียนและอุ้มเธอไว้ที่ หลังของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างลำบาก

เมื่อถึงหน้าลิฟต์ก็เสียงดังมาจากด้านหลัง ของเธอ

เหมือนว่าประตูห้องทำงานจะถูกเปิดออก เสี่ยวเหยียนจึงหันไปดู จึงเห็นเป็นเซียวซูกำลัง เข็นเย่โม่เซินออกมาจากข้างในห้อง

พวกเขาสบตากันกลางอากาศครู่หนึ่ง ดูเห มือนว่าเย่โม่เซินจะเห็นเสิ่นเฉียวที่อยู่บนหลังของ เธอ คิ้วตรงสง่าคู่นั้นขมวดลง

เสี่ยวเหยียนจำข่าวลือในบริษัทมาก่อนและ อธิบายดัง ๆ: “คุณ คุณชายเย่ เมื่อกี้ฉันมาตามเสิ่นเฉียวลงไปทานข้าว แต่ใครจะคิดว่าเธอเดิน ไปนิดเดียวก็เป็นลมแล้ว ฉันกำลังคิดว่าจะพาเธอ ไปโรงพยาบาลค่ะ”

เซียวซูเบิกตาโพลง: “เป็นลมเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ก็เป็นลมล่ะครับ?”

เสี่ยวเหยียนกระแอมเบา ๆ แล้วอธิบาย

ไม่ทราบค่ะ แต่ว่าสีหน้าเธอดูแย่มากค่ะ แถมมือ ก็เย็น…”

เธอพูดสิ่งเหล่านี้และมองหน้าเย่โม่เซินไป ด้วย เหมือนกับตั้งใจจะพูดให้เขาฟัง

สุดท้าย คิ้วของเย่โม่เซินก็ขมวดแน่นกว่า เดิม จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา: “ส่งเธอให้ ผม”

เสี่ยวเหยียน: “คะ?”

“คุณชายเย่ของเราหมายความว่า เขาจะพา ผู้ช่วยเสิ่นไปโรงพยาบาลเอง”

ตอนนี้เสี่ยวเหยียน เข้าใจแล้ว เธอพยุงเสิ่น เฉียวไปข้างหน้า เย่โม่เซินทำท่าเหมือนรำคาญ และรอไม่ไหว เขาเข็นวีลแชร์ไปข้างหน้าไม่รอให้ เสี่ยวเหยียนได้ตั้งตัว มือใหญ่ของเขายื่นออกไป จับเอวและแขนของเสิ่นเฉียวไว้แน่น และดึงตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

กว่าเสี่ยวเหยียน จะได้สติก็พบว่าเสิ่นเฉียว อยู่ในอ้อมกอดของเย่โม่เซินแล้ว

เสี่ยวเหยียนยืนมองอยู่ตรงนั้นด้วยความ ประหลาดใจ

ถึงแม้ว่าเยโม่เซินจะเป็นคนพิการ อีกทั้งยัง นั่งวีลแชร์ แต่ร่างกายของเขาก็เผยให้เห็นความ หนาวเย็นและความเฉยเมยของโลกที่โดดเดี่ยว ร่างบอบบางของเสิ่นเฉียวถูกเขากอดไว้ในอ้อม แขนและความหนาวเย็นที่อยู่รอบตัวเขาก็ปกคลุม เธอไว้

เสี่ยวเหยียน กะพริบตาปริบ ๆ แล้วคิดถึงคำ คำหนึ่ง

ความอ่อนโยนที่แข็งแกร่ง

“คุณ คุณชายเย่ คุณหมายความว่าคุณจะรับ ผิดชอบในการพาเสิ่นเฉียวไปโรงพยาบาลใช่ไหม คะ?”

เย่โม่เซินไม่สนใจเธอ ไม่แม้แต่จะหันมา มอง เขาอุ้มเสิ่นเฉียวออกไปเลย

เซียวซู่นิ่งไปครู่หนึ่งและรีบตามไป: “วันนี้ ขอบคุณเธอมากนะ พวกเราขอตัวก่อน”
เสี่ยวเหยียน คิดไปคิดมาและรีบตามไป ก่อนประตูลิฟต์จะปิด: “คือว่า ฉันตามไปด้วยดี ไหมคะ? ถ้าหากมีเรื่องอะไรฉันจะได้ช่วยได้”

เสี่ยวเหยียนจึงตามเข้าไปในลิฟต์ และเธอ ก็มีความสุขมาก

เสิ่นเฉียวมีอะไรกับคุณชายเยสินะ

มองดูคุณชายเย่ที่ปวดใจอย่างนั้น อิอิ ใครบอกว่าเธอตกกระป๋องกัน? เห็นชัด ๆ ไหมว่าตื่นเต้นขนาดนี้?

อิอิ ไม่รู้ว่าต่อไปเสิ่นเฉียวจะได้เลื่อนขั้นไป เป็นภรรยาท่านประธานบริษัทตระกูลเย่ไหมนะ เสี่ยวเหยียน แอบมโนอย่างมีความสุขอยู่ในใจ

ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นลมหมดสติไปนานแค่ไหน สุดท้ายเสิ่นเฉียวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่ดึงดูด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความขาวและกลิ่นของ น้ำยาฆ่าเชื้อเต็มจมูกของเธอซึ่งทำให้เธอขมวด คิ้วและอดไม่ได้ที่จะขยับมือ

“เธอตื่นแล้ว” เสียงผู้หญิงที่สดใสดังจาก ทางซ้ายมือ เสิ่นเฉียวหันหน้าไปทางเธอและเห็น ใบหน้าที่น่ารักของ เสี่ยวเหยียน

“เสี่ยวเหยียน?” เธอพูดแต่น้ำเสียงกลับแตกพร่า

“ตายแล้ว มาเดี๋ยวฉันเทน้ำให้” เสี่ยวเหยีย นรีบลุกขึ้นไปเทน้ำให้เธอจากนั้นจึงป้อนน้ำให้ เสิ่นเฉียวดื่ม เมื่อดื่มเสร็จแล้วเสิ่นเฉียวจึงได้ถาม ขึ้น: “ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

เสี่ยวเหยียนกะพริบตาของเธออย่าง แก่นแก้ว “เธอเป็นลมน่ะสิ หมอบอกว่าเลือดลม เธอไม่ดี ร่างกายก็อ่อนแอ ตอนนี้ต้องให้น้ำเกลือ ยังมีนะ…เสิ่นเฉียว ช่วงนี้เธอสารอาหารไม่เพียง พอ ทุกวันนี้เธอไม่ยอมกินข้าวเหรอ?”

เสิ่นเฉียว: “”

ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียน ก็เขยิบเข้ามาใกล้ “นี่เธอกับคุณชายเย่เป็นอะไรกันเหรอ?”

ได้ยินอย่างนั้น ก็ขมวดคิ้วสวย: “ทำไมเห รอ?”

“ก็ถามดู ก็ในบริษัทลือกันว่าเธอเป็นคนรัก ของคุณชายเยไม่ใช่เหรอ? แต่เดี๋ยวนี้คุณชายเย่ ไม่เอาเธอแล้ว ดังนั้นทุกคนก็เลยรุมสมหน้าเธอ กันใหญ่ แต่ว่าวันนี้กลับโดนตบหน้าหงายเลยล่ะ คุณชายเยอุ้มเธอที่เป็นลมออกมาจากบริษัทต่อ หน้าทุกคนเลยล่ะ..”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ