เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1175 มีความรักมั้ยล่ะ



บทที่1175 มีความรักมั้ยล่ะ

“แม่ง พอเธอพูดมาอย่างนี้ก็เหมือนจริงๆนั่นแหละ เมื่อกี้นี้ฉันก็ยัง คิดอยู่เลยว่าเขาดูคุ้นๆ

“อะไรกันเนี่ย? ทำไมถึงได้ไปตีสนิทกับประธานเยู่แห่งบริษัท ตระกูลเยอีกหรอเนี่ย? นั่นก็หมายความว่านั่งคนส่งอาหารคนนั้น ก็เหยียบเรือสองแควงั้นหรอ?”

“ใช้สมองหน่อย? ข่าวช่วงก่อนหน้านี้ของบริษัทตระกูลเ ตั้งวอนไปทั่วเธอไม่ได้ดูหรือไง? คุณชายเย่เขามีภรรยาเป็นตัว เป็นตนแล้ว เพียงแต่ได้เกิดเรื่องขึ้นมาตอนที่กำลังเตรียมงาน แต่งงานกัน ภาพของภรรยาเขาฉันยังเคยเห็นในข่าว เป็นคน สวยมากคนนึงเลยล่ะ”

“พอพูดมาอย่างนี้แล้วฉันก็นึกขึ้นมาได้ ข่าวนั้นตอนนี้ลองเสิร์ช หาก็คงน่าจะยังหาเจออยู่

ดังนั้นแล้วคนเหล่านั้นก็ได้หยิบโทรศัพท์กันขึ้นมาเสิร์ชหาข่าว กัน และก็ได้เห็นภาพในงานแต่งของหานจื่ออย่างที่คิดจริงๆ เพียงแต่งานแต่งนั้นเนื่องจากได้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าบ่าวอย่างเช่ ไม่เซิน งานแต่งงานก็เลยมีเพียงเย่ไม่เป็นแค่คนเดียว

“หรือว่าจะเป็นลูกของคุณชายเย? โตขนาดนี้แล้ว?”

“ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ได้? มาเป็นพนักงานให้ร้านอาหารเล็กๆ ของยัยคนส่งอาหารคนนั้น?”
หลายคนต่างก็มีสีหน้ามึนงงออกมา มีเพียงพนักงานหน้า เคาน์เตอร์ที่กลืนน้ำลาย คิดว่าวันนี้ไม่ควรมาเลยจริงๆ เจอกับ ความลับมากมายเกินไป

ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาไม่มี เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรคนนึง แต่กลับสามารถให้ลูกชายของเข โม่เซินแห่งบริษัทตระกูลเย่มาช่วยงานที่ร้านได้ แล้วยังมีหลินส เจิ้ง รวมถึงหานซึ่งอยู่ในนั้นด้วยอีก

ทั้งสามคนอยู่ในวงการธุรกิจ พวกเขาต่างก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง ในสังคมกันทั้งนั้น

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้วางโทรศัพท์ ลงบนโต๊ะ “เอ่อ ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าเสื้อผ้าที่บ้านเหมือนจะยังไม่ได้ เก็บ ฟ้าแบบนี้เหมือนกับว่าฝนใกล้จะตกแล้ว ฉันกลับไปเก็บผ้า ก่อน พวกเธอก็กินกันไปเถอะ ฉันจ่ายเอง”

จากนั้นก็ลุกขึ้นไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ แล้วรีบออกไปอย่าง รวดเร็ว

คนที่มาด้วยกัน มีบางคนก็ยังมองแสงแดดส่องดีด้านนอก ด้วยความสงสัย ถามแปลกๆออกมา “แดดแรงขนาดนี้ ดูเหมือน ฝนใกล้จะตกที่ไหนกัน? เธอเป็นอะไรไป?”

ได้ยินอย่างนั้น ก็มีคนยิ้มเยาะออกมา “ยัยโง่ เธอก็เห็นว่า หล่อนกลัวจนหนีไปแล้ว นี่มองไม่ออกเลย?”
“งั้น พวกเราจะไปกันหรือเปล่า?”

ทันใดนั้นเองก็ได้พบว่าคนที่พวกเธอคิดจะจัดการ ก็คงจะเป็น คนที่พวกเธอเล่นด้วยไม่ได้ มีอะไรให้น่าหงุดหงิดไปกว่านี้อีก มั้ย? ถ้าต้องเสียงานเพื่อแกล้งผู้หญิงคนเดียว หรือแหย่ไปโดน นักธุรกิจรายใหญ่พวกนั้นเข้า นั่นมันได้ไม่คุ้มเสียเลยจริงๆ บวก กับการออกไปของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์กับการปรากฏตัวของ เสี่ยวหมี่โต้วและหลินสวี่เจ๋งได้ทำเอาภายในใจของพวกเธอเริ่ม แกว่งขึ้นมา

เพียงไม่นานก็มีคนลุกขึ้นตาม

“ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่จะมาหาเรื่องหล่อน ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันก็ไม่ได้ชอบท่านประธานหาน พวกเธอ อยากแกล้งหรือว่าหาเรื่องกัน พวกเธอก็ทำกันไปเองเถอะ ฉัน ขอตัวกลับก่อน”

“งั้นฉันก็ไปด้วยดีกว่า ตอนที่ฉันมาวันนี้แฟนของฉันเขาก็ไม่ ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่หรอกนะ วันหยุดดีๆอย่างนี้ไม่ไปเดทกับ เขาแต่มากินราเม็งอยู่ที่นี่ เพื่ออะไรกัน?

ทยอยกันไปเรื่อยๆ จากเดิมมากัน6-7คน ผลสุดท้ายกลับ ไป3-4คน เหลือกันอยู่2-3คนต่างพากันมองหน้ากัน

“พวกเธอจะไปด้วยหรือเปล่า?”

“ช่างเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว…ไม่งั้นแล้วพวกเราก็กินราเม็งกัน ก่อนแล้วค่อยไปดีกว่ามั้ย?”
*โอเค งั้นกินราเม็งแล้วค่อยไป

เพียงไม่นาน หลัวเหม่ยก็ยกราเม็งออกมา ผลสุดท้ายก็เห็น ว่าที่นั่งที่เมื่อกี้นี้นั่งกันอยู่เต็มที่นั่งนึกไม่ถึงว่าจะว่างอยู่หลายที่นั่ง เลย เหลือแค่เพียงผู้หญิงสามคนที่นั่งกันอยู่ตรงนั้น

“เอ๊ะ? ฉันมาเสิร์ฟผิดหรือเปล่าคะ? ไม่ใช่ว่าโต๊ะพวกคุณสั่งรา เม็งกันเจ็ดชาม?”

เธอวางราเม็งสามซามลงไปด้านหน้าพวกสาวๆด้วยความ สงสัย พลางถามออกไป “ใช่เสี่ยวหมี่โต้วเด็กคนนั้นจดผิดไป หรือเปล่า? หรือไม่อย่างนั้นแล้วให้ฉันเปลี่ยนให้กับพวกคุณดีมั้ย คะ?”

“คุณป้าไม่ต้องหรอกค่ะ!” ใครบางคนบนโต๊ะรีบเอ่ยออกมา “ปกติพวกเราก็กินเยอะกันอยู่แล้ว ราเม็งเจ็ดชามถูกต้องแล้วค่ะ คุณป้าเสิร์ฟต่อได้เลยค่ะ”

ส่วนอีกสองคนก็พยักหน้ากันออกมาด้วยสีหน้ามึนงง

หลัวหุ้ยเหม่ย ไม่ต้องฝืนขนาดนั้นหรอก สั่งผิดก็แก้ใหม่สัก หน่อยก็ได้”

“ไม่ได้สั่งผิดค่ะ ไม่ได้สั่งผิดเลย คุณป้าช่วยเสิร์ฟให้พวกเรา ต่อเถอะค่ะ เพื่อนของฉันเขาจ่ายเงินไปแล้ว”

อีกฝ่ายพูดกันมาอย่างนี้แล้ว หลัวหุยเหม่ยจะว่าอะไรได้อีก ทำได้เพียงเข้าไปในครัวที่อยู่ข้างหลังร้าน เดินไปพลางพูดพร่ำ ออกมาพลาง
“พวกผู้หญิงที่มากันด้านนอกพวกนั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไรกัน? ทั้งๆ ที่มากันสามคนแท้ๆ แต่กลับสั่งมาเจ็ดชาม ฉันถามว่าจดมาผิด หรือเปล่า แต่ก็บอกว่าไม่ต้องแก้ ราเม็งเจ็ดชามพวกหล่อนจะกิน กันหมดหรอ?”

มีพนักงานที่ได้ยินก็ได้ตอบกลับมาประโยคนึง

“คุณป้าคะ พวกหล่อนบอกว่าไม่ต้องแก้ก็ไม่ต้องแก้สิคะ ฉันว่า ตะกละมากเป็นปกติอยู่แล้วมั้งคะ ครั้งนี้กว่าจะมีเวลามาได้ไม่ใช่ ง่ายๆ ก็เลยอยากกินเพิ่มเป็นสองเท่าล่ะมั้ง?”

หลัวหุยเหม่ยได้ยินแล้วก็คิดว่ามีเหตุผลอยู่พอสมควร ก็เลยไม่ ได้คิดมากอีก

แต่บรรยากาศด้านนอกไม่ได้รื่นรมย์นัก ผู้หญิงสามคนที่ยังอยู่ ก็ไม่ยอมแพ้กัน ไม่อยากกลับไปทันที ก็เลยอยู่กินราเม็งกันก่อน แล้วก็ไม่กล้าเรียกคืนเงิน กลัวว่าจะล่วงเกินคุณชายน้อยแห่ง บริษัทตระกูลเท่านนั้น

“โง่เสียจริง เรียกเงินคืนสักหน่อยมันจะอะไร? หรือว่าสั่งเยอะ แล้วจะยกเลิกไม่ได้เลยหรือไง? ทำไมพวกเธอใจเสาะกันขนาด

“เธอใจกล้ามาก ทำไมเมื่อกี้นี้เธอถึงไม่พูดล่ะ?”

“ใช่ เธอไม่ใช่แค่ไม่พูดนะ แต่เธอยังพยักหน้าออกมาอีก นี่มัน หมายความว่าเห็นด้วยไม่ใช่หรอ?”

“พวกเธอ!”
“ช่างมันเถอะ ทุกคนก็กลับไปกันประมาณนึงแล้ว เห็นได้ชัดว่า ไม่อยากให้เส้นทางของตัวเองต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกอย่าง พวกเราก็แค่ไม่ยอมรับกันเท่านั้นเอง แต่ถ้าท่านประธานหาน เลือกหล่อนจริงๆนั่นก็เป็นเรื่องที่พวกเราก็ช่วยไม่ได้ หรือพวกเรา จะสามารถเปลี่ยนความคิดของท่านประธานทานได้หรือไง?

“ใช่แล้ว เลขาซูอยู่กับท่านประธานหานมาตั้งหลายปีก็เปลี่ยน อะไรไม่ได้เลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเรา และอีกอย่างพวก เราก็แค่ไม่ยอมรับก็เลยคิดจะมาหาเรื่องหล่อนเท่านั้นเอง และมัน ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยน

พวกเธอทั้งสองคนพูดมาอย่างนี้หมายความว่าอะไร? หรือ ว่าตอนแรกฉันบอกให้พวกเธอมากันหรือไง? แล้วไม่ใช่ว่าพวก เธอก็คล้อยตามกันมา

คนพวกนั้นพูดไม่ออกขึ้นมาทันที ต่างพากันมองหน้ากัน แล้ว ทอดถอนหายใจเอ่ยออกมา

“ช่างเถอะ ไหนๆก็มากันแล้ว ในเมื่อไม่อยากมาหาเรื่องนั้นก็

ไม่ต้องทํา กินเสร็จพวกเราก็กลับกัน”

ดังนั้นแล้วทั้งสามคนก็เริ่มก้มหน้ากินบะหมี่กัน หลังจากที่หนึ่ง ในพวกเธอได้ดื่มน้ำซุปไปคำนึงก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเสียจนไม่ เรียบนิ่งขึ้นมาทันที นึกอยากจะประหลาดใจแต่ก็กลัวว่าเพื่อนจะ หัวเราะเยาะกันออกมา ทำได้เพียงพูดออกไปเบาๆ

“รส รสชาติเหมือนจะพอใช้ได้เลย”

“…” คนอื่นที่เหลืออีกสองคนไม่เชื่อก็เลยดื่มตามไปคำนึง พบว่ารสชาติแท้จริงแล้วใช้ได้เลยทีเดียว แต่ทุกคนก็ต่างเงียบไม่พูด อะไรกันออกมา แล้วก้มหน้ากินบะหมี่กันไป

เรื่องนี้ก็ได้จบลงไปอย่างนี้

หลินสวีเจิ้งนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นสองอยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่ เห็นเสี่ยวเหยียน เขาโคลงน้ำชาในแก้ว อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ออกมา

หรือว่าพอเริ่มมีความรักขึ้นมาก็ไม่สนใจธุรกิจของที่ร้านเสีย

แล้ว? ซิ เขายังไม่ได้บอกว่าวันนี้จะมากินราเม็งเสียด้วย

ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าที่รีบ เร่งดังเข้ามา เพียงไม่นานเสี่ยวเหยียนก็มาหอบหายใจอยู่ตรง หน้าเขาแล้ว

“หลิน นายหลิน…ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณมา แต่วันนี้ฉันมีธุระต้องออก

ไปข้างนอก ต้องขอโทษด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไร มีความรักมั้ยล่ะ ก็ต้องใช้เวลากันให้มากหน่อย หลินสวีเจิ้งมองเธอพร้อมกับยิ้มจางๆออกไป

เสี่ยวเหยียนกระดากอายขึ้นมาทันที ใบหน้าแดงออกมา พูด ตะกุกตะกักขึ้นมา

เพราะว่าเรื่องที่หลินสวี่เจิ้งกับหานชิงรู้จักกันเธอรู้อยู่แล้ว ครั้ง ที่แล้วที่สถานีตำรวจ ก็เป็นเขาที่เป็นคนบอกให้หานซึ่งมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ