เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 26 อย่าเข้าใจผิด



บทที่ 26 อย่าเข้าใจผิด

ทำไม?

ผู้ชายที่ทำตัวเย็นชาเมื่อกี้นี้ ทำไมถึงเปลี่ยน

ไปเป็นคนละคน?

เธอฝันไปหรือเปล่า?

หรือว่า?

“คุณหนูเสิ่นได้โปรดให้อภัยฉันเถอะนะคะ คุณก็รู้นี่คะว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” พนักงานเห็น ว่าเย่โม่เซินหันไปถามเสิ่นเฉียวจึงรู้ว่าเธอเป็นคน ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ก็คลานไปหาที่แทบเท้า น้ำตานองหน้าในขณะที่กอดเข่าเธอไปด้วย

สติของเสิ่นเฉียวกลับมา ก้มหน้าลงไปมอง

เธอ

พนักงานร้องไห้และสะอื้นหนัก “ฉันทำงานที่ นี่ได้แค่เดือนเดียวยังไม่มีเงินอะไรมากมาย ที่ บ้านก็มีลูกที่ยังต้องเรียนหนังสือ คุณหนูเสิ่น โปรดเมตตา ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ”

สถานการณ์ของพนักงานคนนี้เหมือนกับเธอ เมื่อก่อน ทำงานเดือนหนึ่งได้แค่ไม่กี่บาท แถมยัง มีค่าใช้จ่ายของทางบ้านอีก จะเอาเงินที่ไหนมา เก็บได้
เธอเม้มริมฝีปาก ก้มลงไปประคองพนักงาน ขึ้นมา “คุณลุกขึ้นก่อนนะคะ”

เธอปาดน้ำตา ไม่ยอมลุกขึ้นยืน

“คุณลุกขึ้นก่อนนะคะ เรื่องนี้ฉันเองก็มีส่วน ผิด จะโทษคุณคนเดียวทั้งหมดไม่ได้หรอก”

“จริงเหรอคะคุณหนูเสิ่น? ถ้าอย่างนั้นฉัน…”

เสิ่นเฉียวประคองเธอลุกขึ้นแล้วพูดเสียงเบา “ฉันรู้ว่าการทำงานมันไม่ใช่เรื่องง่าย คุณเองก็ไม่ ได้ตั้งใจ…” หยุดพูดเพียงแค่นั้นก็หันไปมองที่เย่ โม่เซิน แม้เซียวซู่จะพูดแล้วว่าทั้งห้างฯนี้เป็นของ เธอ แต่อีกไม่นานมันก็ต้องเป็นของเย่โม่เซินอยู่ดี

ดังนั้นเสิ่นเฉียวยังคงต้องถามความคิดเห็น

จากเขา

ดวงตาของเย่โม่เซินเยือกเย็น เหมือนกับสูท สีเข้มที่เยือกเย็นของเขา

“ตัดสินใจเอง”

เส้นเฉียวนิ่งไปครูหนึ่งถึงหันไปพูดกับเธอ “ครั้งนี้ถือว่าให้มันแล้วกันไปแล้วกัน”

พูดจบเสิ่นเฉียวก็หันไปมองเย่โม่เซินอีกครั้ง เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ อะไร คงจะหมายความว่าเขาเห็นด้วยกับการ ตัดสินใจของเธอ?”คุณหนูเสิน คุณเป็นคนดีมากค่ะ ฉันขอ ขอบคุณแทนครอบครัวของฉันด้วย!”

น้ำตาแห่งความตื้นตันปรากฏบนดวงตาของ พนักงาน เธอถือให้เสิ่นเฉียวเป็นผู้มีพระคุณ

เสิ่นเฉียวรู้สึกอายเล็กน้อยกับการที่ได้รับ ยกย่องขนาดนี้เป็นครั้งแรก จึงฝืนยิ้มออกมา “ไม่ ต้องขอบคุณหรอกค่ะ คุณไปทำงานต่อเถอะ”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวไปจัดชุดก่อน”

พนักงานหนีไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็วหลัง จากพูดจบ

เกิดเสียงเย็นยะเยือกขึ้นหลังจากที่พนักงาน พึ่งจะเดินจากไป

“มันคุ้มเหรอที่เธอจะเก็บเด็กไว้เพื่อผู้ชาย แบบนั้น?”

กว่าเสิ่นเฉียวจะเข้าใจคำพูดนั้นก็ใช้เวลาอยู่ พักใหญ่

เยโม่เซินคิดว่าเด็กในท้องคือลูกของหลิน เจียง

นอกจากเสิ่นเฉียวแล้ว คนอื่น ๆ ที่รู้ว่าเธอ ท้องต่างก็คิดกันว่าพ่อของเด็กในท้องคือหลิน เจียงอดีตสามีของเธอ

ทั้งคู่แต่งงานกันมานานถึงสองปี ก็คงเป็นเรื่องปกติที่จะตั้งท้อง

ไม่มีใครคิดหรอกว่าจริง ๆ แล้วเด็กในท้อง ของเสิ่นเฉียวนั้นเป็นลูกของคนแปลกหน้า ตอนนี้ริมฝีปากของเสิ่นเฉียวทำเพียงขยับ เท่านั้น ไม่มีเสียงพูดใด ๆ

ช่างมันเถอะ

เธอจะอธิบายอะไรได้ล่ะ จะบอกว่าเด็กไม่ใช่ ลูกของหลินเจียง? แล้วเป็นลูกของใคร? บอกไป ก็เพิ่มความอับอายให้ตัวเองเปล่า ๆ

คิดได้แบบนั้น เสิ่นเฉียวก็ลดระดับสายตาลง

“โง่กว่าที่คิด” เย่โม่เซินพูดเสียงเบา ริมฝีปาก ขยับยิ้มอย่างเย้ยหยัน

ไม่รอเสิ่นเฉียวตอบกลับ เย่โม่เซินก็บังคับ หมุนวีลแชร์กลับด้วยตัวเอง พอเธอมาคิดได้ เซียวซู่ก็เดินตามเย่โม่เซินไปช่วยเข็นวีลแชร์แล้ว เธอเองก็อยากเดินตามไปด้วยถ้าไม่ติดว่าเธอยัง สวมชุดนั้นอยู่ จึงต้องกลับไปเปลี่ยนชุดก่อน

พอออกมาจากห้องก็พบกับพนักงานที่เอาชุด สีเด่นสะดุดตามาให้ “คุณหนูเสิ่น จะไปร่วมงาน เลี้ยงใช่ไหมคะ? ฉันคิดว่าชุดนี้เหมาะกับคุณมาก ค่ะ”

“แต่ฉัน…” เสิ่นเฉียวมองไปทางประตูที่ว่างเปล่า ภายในใจก็เกิดความอ้างว้างขึ้นมา เย่โม่เซิ นทิ้งเธอไปแล้วจริง ๆ เหรอ?

“คุณหนูเสินไม่ต้องกังวลนะคะ คุณชายเย่ดี กับคุณขนาดนั้น เขาต้องรอคุณอยู่ข้างนอกแน่ ค่ะ คุณกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”

เพราะคำเกลี้ยกล่อมของพนักงานเสิ่นเฉียว

ถึงยอมกลับเข้าไปเปลี่ยนชุด พอเปลี่ยนชุดเสร็จ ออกมาจากห้องกลับไม่ เห็นแม้แต่เงาของเย่โม่เซิน

เธอรู้สึกผิดหวังจนต้องกัดริมฝีปากของตัว

เองไว้

เสิ่นเฉียว นี่เธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่?

แค่เขาทำดีกับเธอนิดหน่อยก็เพ้อไปไกลแล้ว

เหรอ?

เสิ่นเฉียวก้มหน้าเดินกลับไป

“เธอมัวแต่ชักช้าอะไรอยู่?”

ทันใดนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น เสิ่นเฉียว เงยหน้าขึ้นมองไปตามทางของเสียง

ร้านถัดไปเป็นร้านกาแฟที่เย่โม่เซินนั่งอยู่ ด้านนอกนั้นโดยที่ตรงหน้าเขามีกาแฟอยู่หนึ่ง แก้ว เซียวซู่ยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างไม่สบ

อารมณ์ “คุณหนูเสิ้น คุณชายเย่รอคุณมานานมาแล้วนะ คุณนี่”

ชอบทำให้คนอื่นรอนานจริง ๆ

ประโยคสุดท้ายที่เซียวซู่คิดแบบนั้นมานาน พักหนึ่งแล้วแต่ไม่ได้พูดออกมา

เพราะวันนี้เย่โม่เซินทำตัวแปลกมาก ไม่ว่า

เขาจะทำอะไรก็เกินความคาดหมายของเซียวซู่

ตลอด

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เย่โม่เซินมีผู้หญิงอยู่ข้าง

กาย?

เมื่อเดือนที่แล้ว โทรมาบอกว่าข้างกายเขามี ผู้หญิงอยู่คนหนึ่งโดยที่ตัวเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามัน เกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเดือนต่อมาถึงรู้ว่าทั้งคู่มี อะไรกันแล้ว แต่ตอนนั้นนายท่านเย่บังคับให้เขา แต่งงานกับผู้หญิงอื่นอยู่แล้ว

ซึ่งก็คือเสิ่นเฉียว

ตอนแรกคิดว่าเสิ่นเฉียวจะอยู่ที่ตระกูลเย่ได้ ไม่นาน เพราะความเป็นตัวเองของเย่โม่เซินคง ยากและทรมานเธออยู่มาก

แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะเข้าไปช่วยเสิ่นเฉียวที่ กำลังถูกรังแก!

ไอ้ช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอเข้าใจ แต่นี่เล่นเสีย ใหญ่โต!
ซื้อทั้งห้างฯ แต่ก็ดีสำหรับอุตสาหกรรมของ ตระกูลเย่ แต่สุดท้ายมันตกเป็นของเสิ่นเฉียวผู้ หญิงที่เย่โม่เซินไม่ยอมรับ

ทำไมเขาต้องใส่ใจอะไรขนาดนั้น?

อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่เสิ่นเฉียวมองเห็นเย่โม่ เซิน ก็รู้สึกอุ่นใจเรื่อยๆ ดวงตาคู่สวยปรากฏ ประกายความสุขอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็เดิน ไปหาเย่โม่เซินอย่างรวดเร็ว

“นายยังไม่กลับเหรอ?”

ไม่ต้องตั้งใจฟังอะไรกับเสียงของเสิ่นเฉียว มากก็รู้ว่าเธอกำลังมีความสุข

เย่โม่เซินเลิกคิ้ว เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้?

ทำไมการกระทำที่มีต่อเขาตอนนี้มันไม่ เหมือนกับก่อนหน้านี้? เย่โม่เซินเหล่ตามองแล้ว หัวเราะในลำคอโดยที่ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ

เสิ่นเฉียวยิ้มเล็กน้อย “ฉันเข็นเอง”

เซียวซู่ได้ยินแบบนั้นก็ขยับไปด้านข้างทันที

เสิ่นเฉียวมายืนแทนที่เขาแล้วเข็นวีลแชร์ของ เยโม่เซินไปข้างหน้า โดยที่มีเซียวซู่ตามมาด้วย ใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์

เสิ่นเฉียวเข็นรถของเย่โม่เซิน อารมณ์บูดบึ้ง ก่อนหน้านี้เปลี่ยนมาสดใสขึ้นแล้ว แต่สภาพอารมณ์นี้ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะความช่างพูดของ

เธอ

“เย่โม่เซิน ทำไม….นายถึงช่วยฉันล่ะ?”

จริง ๆ แล้วเสิ่นเฉียวเองก็ไม่มั่นใจ เกิดความ ลังเลกับคำถามนี้มากกว่าจะกล้าถามออกมา

เยโม่เซินที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ตะลึงไปพักหนึ่ง ดวงตาหรี่ลงอย่างเป็นอันตราย

“นี่เธอคิดไปถึงไหน?”

เพียงคำถามเดียว เสิ่นเฉียวก็เหมือนถูกน้ำ เย็นราดหัวให้ความคิดเพ้อฝันทั้งหมดหายไป

เสิ่นเฉียวหยุดเดิน โดยไม่ต้องรอคำตอบเย่ โม่เซินก็สุมไฟเพิ่มขึ้นอีก “ซื้อห้างฯให้เธอก็ไม่ จำเป็นว่าฉันจะคิดอะไรกับเธอหรือเปล่า?”

“ฉัน…”

“ผู้หญิงแต่งงานครั้งที่สองเพื่อไว้ลูกของชาย ชั่วเก่า คนแบบนี้ฉันเย่โม่เซินไม่ต้องการมัน เข้าใจนะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ