เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1104 เธอต้องพึ่งพาตัวเอง



บทที่1104 เธอต้องพึ่งพาตัวเอง

“ไม่ต้องหรอกแม่ โรงพยาบาลนั้นดีที่สุดแล้ว เป็นมืออาชีพมาก ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว”

หลัวหุ้ยเหม่ยถึงได้พยักหน้า แต่ว่าก็ยังไม่วางใจ ก็เลยตรวจ สอบเธออีกครั้ง หลังจากมั่นใจว่าบนร่างกายของเธอไม่ได้มีแผล อื่นแล้วถึงได้สบายใจ

“นอกจากได้รับบาดเจ็บพวกนี้แล้ว พวกมันไม่ได้ทำอะไรลูก อีกใช่ไหม?”

เสี่ยวเหยียนรู้ว่าหลัวหุยเหม่ยหมายถึงอะไร ก็เลยส่ายหน้า “ถ้ายังงั้นก็ดีแล้ว ไอ้พวกที่สมควรตายพวกนั้น ควรจะลงนรก ไปให้หมด พ่อแม่พวกมันไม่เคยสอนลูกชายของตัวเองไงกันว่า ห้ามทำร้ายผู้หญิง? จริงๆเลย ไอ้พวกนรก!!

“แม่ ไม่ต้องโมโหแล้ว”

“ใช่สิ ลูกบอกว่าหลินสวี่เจิ้งมาช่วยลูกงั้นเหรอ?”

“ใช่ ตอนที่หนูไปเสิร์ฟอาหารนั้น ก็เห็นว่าเขาไปหาคนที่นั่น พอดี หลังจากนั้นเขาน่าจะสังเกตเห็นว่าหนูไม่ออกมาสักที ก็เลย เข้าไปช่วยหนู หลังจากนั้นก็แจ้งตำรวจ แล้วทุกคนก็ถูกจับไปที่ สถานีตำรวจ”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ถ้ายังงั้นครั้งนี้พวกเราควรจะไปขอบคุณนายหลินหน่อย ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะเขา ก็ไม่รู้ว่าลูก ต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้าง

ในสถานการณ์แบบนั้น ทั้งห้องนั้นไม่มีใครช่วยเสี่ยวเหยียน เลย แถมคนที่รังแกเธอก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น แค่คิดก็รู้สึกขนหัวลุก แล้ว

“อืม หนูจะหาเวลาไปขอบคุณเขา

ตอนเย็นหลังจากที่พ่อจางรู้เรื่อง ก็ทำสิ่งที่กับที่หลัวหุ้ยเหม่ ยทําเมื่อตอนกลางวันอีกรอบหนึ่ง พ่อจางยังตื่นเต้นกว่าหลัวย เหมียซะอีก หลังจากที่เขารู้ก็วิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที หลัวย เหม่ยกอดแขนของเขาไว้ ถามว่าเขาจะทำอะไร

พ่อจางแสดงให้เห็นว่า ตัวเองจะไปหยิบมืดไปนั่นคน

อีกด้านหนึ่งเสี่ยวเหยียนได้แต่กุมขมับอย่างไม่มีทางเลี่ยง “พ่อ ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะ พ่อต้องติดคุกด้วยนะ” พ่อจาง “หรือว่าการที่ลูกสาวของพ่อถูกรังแก แล้วพ่อจะทำ อะไรไม่ได้เลยเหรอ?”

“ลูกบอกแล้ว ว่ากฎหมายจะลงโทษคนเลวพวกนั้น พวกเราไม่ ต้องสนใจหรอก อย่างมากที่สุดก็คือรอให้พวกมันออกแล้วก็หา คนไปสั่งสอนพวกมันหน่อย ให้พวกมันได้รับรู้ว่าลูกสาวพวกเรา ไม่ใช่คนที่จะมารังแกได้”

หลังจากพูดจบ หลัวหุ้ยเหม่ยก็ชี้ไปที่มืดในมือของพ่อจาง
“มีดเล่มนี้ไม่ได้เอาไว้ให้คุณใช้แบบนั้น มันเป็นมีดที่ฉันเอาไว้ หั่นเนื้อ รีบเอากลับไปคืนที่เดิมเดี๋ยวนี้เลย

พ่อจางก็เลยจําเป็นต้องเอามีดไปเก็บในห้องครัว

เสี่ยวเหยียนปาดเหงื่อ

โชคดีที่พ่อแม่ของเธอเป็นคนที่รับฟัง ไม่ใช่คนที่หัวรุนแรง อะไรขนาดนั้น

เสี่ยวเหยียนพักรักษาแผลอยู่ที่บ้านเต็มวัน ก็ยังไม่ได้โทรศัพท์ กลับคืนมา เธอเองก็ไม่กล้าโทรเข้าเบอร์ของตัวเอง ได้แต่ขลุก อยู่ในบ้านทั้งวัน

วันที่สอง เธอวางแผนจะไปที่ร้าน ตอนแรกคู่สามีภรรยาจางไม่ เห็นด้วยที่เธอจะไป หลังจากนั้นเสี่ยวเหยียนก็รับปากว่าจะไปที่ ร้านแค่เพื่อเฝ้าดูทั้งนั้น จะไม่ลุกขึ้นไปไหนมาไหน สองสามี ภรรยาถึงได้ยอมตกลง

เพราะว่าเธอไม่ได้ไปที่ร้านหนึ่งวัน พอไปถึงก็มีพนักงานหลาย คนถามเธออย่างสงสัยว่าเมื่อวานเธอไปที่ไหนมา เสี่ยวเหยียน ตอบแค่ไม่กี่คำก็ให้พวกเธอออกไป ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความ จําเป็นที่ต้องเล่าไปทั่ว มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร

ดังนั้นเสี่ยวเหยียนก็เลยแค่บอกว่าตอนขับรถไม่ทันระวังก็เลย เสียการทรงตัวหน่อย เพราะฉะนั้นตอนเดินก็เลยกะเผลก พนักงานหลายคนนั้นมีน้ำใจ วันนี้ให้เธอนั่งอยู่เฉยๆก็พอแล้ว ไม่ ต้องลุกขึ้นเดินไปไหน เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกซาบซึ้งใจ
ตอนที่เกือบจะเที่ยง หลินสวี่เจิ้งก็มา

ตอนที่เห็นเสี่ยวเหยียนนั้น หลินสวีเจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะยกมุม

ปาก

“ผมเดาว่าเมื่อวานคุณน่าจะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน วันนี้ก็จะมาที่ ร้านราเมน ไม่คิดเลยว่าผมจะเดาถูก

พอเห็นหลินสวี่เจิ้ง เสี่ยวเหยียนก็อึ้งไปนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ แสดงสีหน้าขอบคุณ คู่สามีภรรยาจางที่อยู่ด้านในก็รีบเดินออก มาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพ่อจาง เขาก้าวไปด้านหน้าและจับ มือเขาอย่างกระตือรือร้น

“นายสวี ท่านอุตส่าห์เกียรติมาถึงที่นี่ เป็นเกียรติแก่ร้านเล็กๆ ของเราจริงๆครับ..…….

เสี่ยวเหยียน:

หลัวหุยเหม่ย

ทั้งสองคนแสดงสีหน้ารังเกียจ จะมาทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้ ด้วยเหรอ?

ส่วนทางด้านหลินสวี่เจิ้ง ก็จับมือกับพ่อจางอย่างเกรงใจ แล้ว ก็เอ่ยปากพูดก่อนที่พ่อจางจะพูดต่อ “พวกเราไปที่ห้องส่วนตัวชั้น สองกันไหมครับ ตรงนั้นคนน้อยน่าจะคุยกันง่ายกว่า

“ครับๆๆ”

พอเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว พ่อจางก็เอาชาที่ตัวเองเก็บไว้นานมากแล้วมาชงให้หลินสวี่เจิ้ง หลังจากนั้นก็เอาแต่ดูแลหลิน สวี่เจิ้ง เอาแต่กล่าวขอบคุณเขา แม้แต่บอกว่าวันหน้าจะไป ขอบคุณถึงบ้าน ไม่ยังงั้นจะดูเหมือนว่าเขาไม่ได้จริงใจ

หลัวหุ้ยเหม่ยก็ดูเห็นด้วยเหมือนกัน

หลินสวี่เจิ้งเหลือบไปมองเสี่ยวเหยียนที่นั่งเรียบร้อยอยู่ข้างๆ เขา ยิ้มจางๆ

“คุณลุงคุณป้าครับ ที่จริงแล้วพวกคุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจ ขนาดนี้ก็ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับผม ผมแค่ช่วยเปิด ประตู แล้วก็โทรออกแค่นั้นเอง แล้วก็อย่างถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่น ล่ะก็ แน่นอนว่าคงทนเห็นโดยที่ไม่ช่วยไม่ได้หรอกครับ แล้วยิ่ง นับประสาอะไรกับที่คุณจางเป็นผู้เช่าร้านของผม ถ้ายังงั้นสำหรับ ผมแล้ว ปกป้องความปลอดภัยของผู้เช่าของคนเอง ก็เป็นเรื่องที่ จําเป็นต้องทําครับ”

เขาพูดเป็นทางการมาก เกรงอกเกรงใจ และก็เรียงลำดับ อย่างชัดเจน

เสี่ยวเหยียนมองเขา ความหมายของเขานั้นชัดเจนมาก ว่า เรื่องนี้เขาแค่อาศัยความพยายามแค่นิดหน่อยเองเท่านั้น พวก คุณไม่ต้องแคร์อะไรขนาดนั้น เพราะว่าสำหรับเขาแล้วเรื่องนี้มัน เป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้นเอง

ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น หลินสวี่เจิ้งก็พูดขึ้นมา “คุณลุงคุณป้า ครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณจางเป็นการส่วนตัวหน่อย เกี่ยว กับเรื่องร้านน่ะครับ พวกคุณช่วยออกไปก่อนได้ไหมครับ?”
“ได้ๆๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย นายหลินเป็นคนช่วยเสี่ยวเหยีย นของพวกเราไว้ คุณพูดอะไรก็ว่าตามนั่นแหละ”

หลังจากที่ทั้งสองคนออกไป เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะเบะ ปาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับการกระทำของพ่อแม่ตัวเองดี

“ขอโทษด้วยนะคะนายหลิน พ่อแม่ของฉันค่อนข้างเป็นคนที่ กระตือรือร้นแล้วก็ซื่อสัตย์ หลังจากพวกเขารู้ว่าคุณช่วยฉันไว้ก็ เลยรู้สึกขอบคุณคุณมาก ดังนั้น……..ก็เลยแสดงออกอย่าง กระตือรือร้นมากเกินไปหน่อย ขอโทษจริงๆที่รบกวนคุณ”

“พ่อแม่ของคุณจางนั้นจริงใจมาก คุณจางไม่ต้องขอโทษ หรอกครับ วันนี้ผมมาหาคุณ ก็มีเรื่องอื่นจริงๆ”

เสี่ยวเหยียนพอจะเดาได้อย่างเลือนรางว่ามันคือเรื่องอะไร

หัวใจเธอเต้นแรง ริมฝีปากบางขยับ มองหน้าหลินสวีเจิ้งเหมือน

มีอะไรอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด

“คุณอยากจะพูดอะไรเหรอ?”

หลินสวี่เจิ้งยิ้มพร้อมกับมองหน้าเธออย่างสงสัย “ถ้ายังงั้นผม ให้คุณพูดก่อนดีกว่า? ว่าตอนนี้มุมมองของคุณเป็นยังไงบ้าง? เสียวเหยียน : ..……..

หัวใจของเธอยุ่งเหยิงมาก ดูเหมือนกับว่าจะมีความคิดแต่ว่าก็ ไม่มี สุดท้ายเธอก็ส่ายหน้าภายใต้สายตาของหลินสวี่เจ๋งที่กำลัง มองมา

“ฉันไม่ได้มีอะไรอยากจะพูด นายหลินพูดมาได้เลยค่ะ”
“ไม่มีอะไรอยากจะพูดงั้นเหรอครับ? ถ้ายังงั้นก็ได้ ดูเหมือนกับ ว่าคุณค่อนข้างจะชอบเก็บความรู้สึก ถ้ายังงั้น ให้ผมพูดก็ได้”

เสี่ยวเหยียนก้มหน้าลง ไม่ได้ตอบเขา

“มาพูดถึงร้านนี้ก่อนแล้วกัน เมื่อวานหลังจากที่คุณรู้ว่าผมกับ หานซึ่งรู้จักกัน ความรู้สึกแรกของคุณ คุณคิดว่าเขามาหาผมใช่ ไหม และเพราะว่าผมเห็นแก่เขา ก็เลยให้คุณเช่าร้านนี้?”

เสี่ยวเหยียนไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าเม้มปากแน่น

ตอนนั้นเธอคิดแบบนี้จริงๆ แต่หลังจากนั้นพอย้อนกลับไปคิด อย่างถี่ถ้วนแล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ดูจากนิสัยของหลินสวี่เจิ้ง เขาจะให้สิ่งของที่รักของภรรยาตัวเองให้กับคนอื่นแบบนี้ได้ยัง ไง?

“ที่จริงแล้วผมจะบอกความจริงกับคุณ ตอนแรกหานซึ่งมาหา ผมจริง แต่ว่าผมก็บอกเขาอย่างชัดเจน ถ้าเกิดว่าคุณไม่สามารถ ตอบสนองความต้องการของผม ผมก็ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น แม้ว่าผมจะเป็นเพื่อนของเขามาหลายปีก็ตาม”

“แต่ว่าหลังจากนั้น คุณก็สามารถผ่านด่านได้ด้วยตัวเอง คุณ อาศัยความสามารถของตัวเอง แล้วก็มีความคิดที่อยากจะ เอาชนะที่ละเอียดอ่อน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ