เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่134 คุณจำเป็นต้องเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ



บทที่134 คุณจำเป็นต้องเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ

บรรยากาศในลิฟต์แปลกมาก

คนที่ทรมานที่สุดคนนั้นก็คือเซียวซู ต้อง ทนรับอารมณ์ต่างๆทั้งสองคน โดยเฉพาะจากเย่ โม่เซิน

โชคดีที่ใช้เวลาไม่นานลิฟต์ก็ถึงที่ เซียวซู่ ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เย่โม่เซินก็ไถรถเข็นออก ไปด้วยตัวเอง

ไม่แม้แต่จะหันกลับมา

เสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ในมุมๆหนึ่งเงยหน้าขึ้นมา ดูภาพด้านหลังของเขา ในใจก็รู้สึกไม่ดี

เธอค่อยๆก้าวขาออกมา เซียวซู่กลับก้าว ถอยหลังสองก้าวแล้วถามขึ้นเสียงต่ำ “เกิดอะไร ขั้น? เมื่อวานพวกคุณสองคนยังดีกันอยู่เลยไม่ใช่ หรอ ทำไมวันนี้ถึง?”

เสิ่นเฉียวไม่อยากตอบคำถามนี้ของเซียวซู่ เธอก็แค่เงียบเอาไว้

เซียวซู่เห็นว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบอะไร เขาก็เลยถอดใจแล้วก็เดินจากไป
เสิ่นเฉียวกลับมาที่โต๊ะทำงานของเธอ มอง ตัวอักษรมากมายพวกนั้น แต่ในหัวของเธอกลับมี ภาพสายตาเย็นชาจนไร้ความอบอุ่นคู่นั้นของเย่ โม่เซิน ความเย็นชากับความเกลียดชังของเขามัน แสดงออกมาอย่างชัดเจน

ตอนนี้เขาคงจะเกลียดเธอมากกว่าเดิมแล้ว

สินะ?

ประหลาด

ทั้งๆที่เป็นเธอที่พูดเรื่องนี้กับเขาแท้ๆ ตอน นี้มีอะไรให้โมโหกัน ตั้งใจทำงาน!

เสิ่นเฉียวรีบดึงสติของตัวเองกลับมา แล้ว รวบรวมสติให้จดจ่ออยู่กับงาน

รอจนถึงเวลากินข้าวตอนเที่ยง หานเส่โย วก็ส่งข้อความมาหาเธอ ถามว่าตอนนี้เธอมีเวลา หรือเปล่า มีเรื่องสำคัญมากๆที่จะต้องคุยกับเธอ

ตอนที่เสิ่นเฉียวเห็นข้อความอันนี้ ก็นึกถึง ตอนที่ตัวเองไปกินข้าวกับหานชิงเมื่อวาน

ตอนนี้หานชิงกลับมาแล้ว อย่างนั้น หมายความว่าก็คงรู้ความจริงกันแล้ว

แต่ว่าตอนนี้ อยู่ๆเสิ่นเฉียวก็คิดว่า ต่อให้ คนๆนั้นเป็นใคร ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
คิดถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวก็พิมพ์ตอบกลับไป

{ฉันต้องทำงาน อาจจะไม่มีเวลา} หานเส่โยวตอบข้อความเร็วมาก {อย่างนั้น หรอ งั้นอีกสองวันฉันค่อยนัดเธอใหม่แล้วกัน

เธอกับเสิ่นเฉียวคิดเหมือนกัน เพราะเธอ เองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะบอกเรื่องนี้กับเสิ่นเฉียว ยังไง ถ้าเกิดว่ายืดเวลาออกไปได้ นั่นก็นับว่าเป็น เรื่องดี

เสิ่นเฉียวส่งหน้ายิ้มกลับมา

หลังจากนั้น ทั้งสองก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ด้วยความรู้ใจ

หานเส่โยวกอดโทรศัพท์ไว้แล้วถอน หายใจ ถึงแม้ว่าทางเธอจะยังไม่ได้บอกผลลัพธ์ กับเสิ่นเฉียว แต่ว่าวันนี้เธอยังจำเป็นต้องไปลอง ถามพี่ชายดู

คิดถึงตรงนี้ หานเส่โยวก็เปลี่ยนชุดแล้วก็ ค่อยออกจากบ้าน

ทางด้านเสิ่นเฉียวที่เพิ่งจะวางโทรศัพท์ แล้วเพิ่งตักข้าวกินได้คำหนึ่ง อยู่ๆก็มีคนมานั่งตรง หน้าเธอ
“ที่แท้เธอก็อยู่นี่นี่เอง ให้ฉันหาตั้งนาน” เสิ่นเฉียวเงยหน้ามอง เป็นเสี่ยวเหยียน

“ทำไมเธอถึง….”

“อะไร? ก็ในโรงอาหารไม่มีที่นั่งแล้ว ฉันก็ แค่มาขอนั่งด้วยไม่ได้หรือไง? ดูเธอสิ ครั้งก่อน เคยแกล้งคนอื่นในโรงอาหาร ตอนนี้ก็เลยไม่มี ใครกล้านั่งด้วยใช่ไหมล่ะ?”

เสี่ยวเหยียนพูดขึ้นด้วยความอวดดี

ฟังจบ เสิ่นเฉียวก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ใช่นะ สิ ทุกคนกลัวฉันหมด แล้วทำไมเธอถึงยังกล้ามา นั่งตรงหน้าฉันอีก?”

เสี่ยวเหยียนตอบกลับ “ก็เพราะว่ารอบตัว ฉันมีแต่อากาศดีๆไง ไม่กลัวเธอหรอก!”

เสี่ยวเหยียนมองดูคนรอบๆตัว อยู่ๆก็ขยับ มาถาม “เรื่องครั้งก่อน เป็นเธอที่ลงมือก่อนเห รอ?”

ได้ยินแบบนั้น เสิ่นเฉียวก็นิ่งไป แล้วก็ส่าย หน้าอย่างหนักแน่น

“ไม่ใช่”
“จริงอ่ะ?”

“โกหกเธอแล้วฉันจะรวยเหรอ?”

เสี่ยวเหยียนนิ่งไป เสร็จแล้วก็กลับไปนั่งดีๆ เหมือนเดิม แล้วก็ส่งเสียงดังขึ้นมาจากลำคอ “อย่างนั้นก็เป็นพวกนั้นที่เริ่มก่อนนะสิ?”

“ใช่ ฉันโดนสาดซุปใส่ ฉันก็เลยโต้กลับ”

“โอ้โห เป็นพวกเขาที่เริ่มก่อนจริงๆงั้นเห รอ? จริงๆเลย.. ปกติดูเป็นคนอ่อนโยนพวกนั้น ทำไมถึงได้โหดร้ายแบบนี้กัน? เพราะฉะนั้น เธอก็ เลยเป็นคนที่โต้กลับเพื่อปกป้องตัวเอง เท่มาก!”

“.เมื่อก่อนเธอไม่ว่าคิดว่า…”

“นั่นมันแต่ก่อนไงฉันนึกว่าเธอเป็นคนเริ่ม ก่อน แต่ถ้าเป็นพวกเขาที่เริ่มก่อน อย่างนั้นเธอก็ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรพวกเขาแล้ว จัดการ พวกนั้นให้เด็ดขาดไปเลย…” พูดจบ เสี่ยวเหยีย นก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแบบนี้มันดูใช้ความรุนแรงไป หน่อย รีบเก็บมือที่กำหมัดแน่นมา เริ่มกระแอมขึ้น “ฉันก็แค่ล้อเล่นแค่นั้นจริงๆแล้วฉันอ่อนโยนมาก อีกอย่างเธอห้ามเอาไปพูดกับคนอื่นนะ!”

จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็คุยกับเสิ่นเฉียวอีกไม่ กี่ประโยค ตอนก่อนที่จะบอกยังบอกกับเธอ “ฉันคิดว่าเธอเองก็นิสัยไม่แย่ แถมยังกล้าหาญ เธอ อยากเป็นเพื่อนกับฉันหรือเปล่า?”

“หา?”

เพื่อน?

เสิ่นเฉียวยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เธอก็ได้เหรอ? ตั้งแต่ที่เข้ามาในบริษัทนี้ ไม่มีใครสนใจเธอด้วย ซ้ำ เพราะว่าทุกคนคิดว่าเธอใช้เส้นสายเพื่อจะเข้า มาที่นี่ ดังนั้นทุกคนก็เลยไม่ชอบ

อยู่ๆตอนนี้เสี่ยวเหยียนก็พูดว่าจะเป็นเพื่อน กับเธอ เสิ่นเฉียวถึงกับชะงักไปเลย

“เธอเหม่ออะไรอ่ะ? เธอไม่เต็มใจเหรอ?” เสี่ยวเหยียนเบิกตากว้าง มองมาที่เธอด้วยความ ไม่พอใจ

เสิ่นเฉียวดึงสติกลับมา รีบสายหน้าแล้ว อธิบายขึ้น “เปล่า ฉันก็แค่ตกใจนิดหน่อย เพราะ ว่า….ฉันไม่มีเพื่อน”

“เธอไม่มีเพื่อน?” เสี่ยวเหยียนหรี่ตามอง เธอด้วยความสงสัย “คงไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว หรอกนะ?”

“ยังมีอีกคนหนึ่ง แต่ว่านอกจากนั้นก็ไม่มี แล้ว”
เสี่ยวเหยียนตบลงไปบนหน้าอกของตัวเอง “งั้นก็โอเคตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันก็คือเพื่อน ของเธอ ต่อไปฉันจะดูแลเธอ”

เส้นเฉียวมองเธออย่างซึ้งๆ

อยู่ๆเสี่ยวเหยียนก็เข้ามาหา แล้วถามขึ้น ด้วยความสงสัย “แต่ว่าเธอบอกฉันได้หรือเปล่า เธอทำยังไงถึงได้มัดใจคุณชายเยได้งั้นเหรอ?”

ทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนกันไปอย่างนี้ ดังนั้น นอกจากหานเส่โยว เสิ่นเฉียวก็ได้เสี่ยวเหยียน เป็นเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ถึงเสี่ยวเหยียนจะหน้าตาค่อนไปทางน่ารัก

แต่ว่าเธอกลับมีนิสัยสบายๆ บริสุทธิ์ แล้วก็ตรงๆ

หลังที่เลิกงานเสี่ยวเหยียนก็ตรงมาหาเสิ่น เฉียว พาเธอไปกินอาหารที่อยู่ละแวกใกล้ๆ แล้วก็ แอบถามเธอเรื่องของเย่โม่เซิน

เสิ่นเฉียวโดนเธอถามอยู่หลายหนจนเริ่ม เบื่อหน่าย “ฉันกับเย่โม่เซิน…ไม่ได้มีความ สัมพันธ์แบบนั้นอย่างที่พวกเธอคิด เพราะ ฉะนั้น.”

“หา? เธอไม่ใช่เมียน้อยของเขาเหรอ?”
คำว่า เมียน้อย ทำให้สีหน้าของเสิ่นเฉียว ซีดไป เสี่ยวเหยียนอธิบายในทันที “นี่ไม่ใช่ฉัน เป็นคนพูดหรอกนะ แต่ฉันได้ยินคนอื่นเขาพูดมา อีกที”

“ไม่ใช่”

เธอไม่ยอมเป็นเมียน้อยของเขา และต่อให้ อีกครึ่งปีหลังเธอจะต้องจากเขาไป ตอนนี้เธอก็ ยังมีตำแหน่งเป็นภรรยาของเขาอยู่

และต่อให้หลังจากนี้เลิกกันไปแล้ว เธอก็

คือภรรยาเก่าของเขา!

พอคิดแบบนี้เสิ่นเฉียวก็รู้สึกสบายใจมาก

ขึ้น

ไม่ใช่เมียน้อยเหรอ? งั้น …. เธอเป็น แฟน?”

คำที่เสี่ยวเหยียนใช้เรียกเธอ ทำให้สีหน้า ของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไป “ไม่ใช่แล้ว เธอเลิกเดา มั่วได้แล้วน่า”

“ก็ได้”

หลังจากที่ทั้งสองคนแยกกัน เสิ่นเฉียวก็ กลับไปที่บ้านตระกูลเย่ ตอนที่กำลังเข้าบ้านก็เจอ เข้ากับเย่หลิ่นหานพอดี ทั้งสองคนทักทายกันเสร็จเสิ่นเฉียวก็เดินขึ้นไปชั้นบน

พอเข้าไปในห้อง เธอก็พบว่าผ้าห่มบน เตียงของตัวเองมันหายไป

เธอลองมองหาดู พบว่าผ้าห่มของเธอมัน ดันไปอยู่บนเตียงของเย่โม่เซิน

ดังนั้นเงินฉียวก็เลยเดินตรงไป ตั้งใจจะ เอาผ้าห่มกลับมา

“วางลง!”

เย่โม่เซินนั่งอยู่บนรถเข็นกำลังออกมาจาก ห้องน้ำ พอเห็นท่าทางของเธอเขาก็สั่งขึ้น

เสิ่นเฉียวหยุดการกระทำของตัวเอง หัน กลับไปมองเขาตาขวาง

“อย่าได้แตะผ้าห่มของผม”

“จะเป็นผ้าห่มของคุณได้ยังไง? ก็คุณทิ้ง ผ้าห่มของฉันไปแล้ว ให้ผืนนี้กับฉันแล้วมันจะมี ปัญหาอะไร?” เสิ่นเฉียวถามกลับ

ฟังที่เธอพูดจบ เย่โม่เซินก็หัวเราะเสียงเย็น “ในบ้านตระกูลเย่หลังนี้มีอะไรที่เป็นของเธอด้วย เหรอ? ตัวเองอยู่ในสถานะไหน ไม่รู้หรือไง?”
“คุณจำเป็นต้องเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ?” เสิ้น เฉียวสูดหายใจเข้าลึกๆเฮือกใหญ่ จ้องที่เขาแล้ว ถามขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ