เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่216 การชอบเขามันเจ็บปวดมากเลยใช่มั้ย



บทที่216 การชอบเขามันเจ็บปวดมากเลยใช่มั้ย

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? “เย่โม่เซินกลอกตาใส่

เธอ

เสิ่นเฉียวจะเอาอะไรมากล้าบอกว่ามีหล่ะ? เธอ เพียงแปลกใจก็เท่านั้นที่จู่ๆ เย่โม่เซินอยากที่จะไปกับ พวกเธอ เธอยังคิดเลยว่าด้วยลักษณะนิสัยของเขาแล้ว นั้น เขาน่าที่จะออกปากบังคับให้เธอเปลี่ยนไปเที่ยวกับ เสี่ยวเหยียนวันอื่น แล้วก็ให้เธอขึ้นรถ

คิดไม่ถึงเลย….นี่มันช่างเป็นอะไรที่เธอคาดไม่ ถึงเลยจริงๆ

เดิมที่เสี่ยวเหยียนอยากจะบอกให้เขาไปนั่งด้าน หน้าเพื่อที่จะให้ที่ด้านหลังเหลือว่างสองที่ ใครจะรู้ สังเกตล่ะว่าเขาไม่ได้พูดอะไรอีกเลยจนถึงจุดหลายหลัง จากที่พูดประโยคแรกนั้นออกมา ระหว่างนั้นตลอดทางที่ เสี่ยวเหยียนหันหลังกลับไปมอง เขาก็เห็นเยโม่เซินหน้า นิ่งตลอดทาง สายตาเขาเย็นราวกับน้ำแข็ง เสิ่นเฉียวที่ นั่งอยู่ไม่ห่างเองก็ไม่แสดงสีหน้าเช่นเดียว

ถ้าหากไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันหล่ะก็ เสี่ยวเหยียนยังอาจจะคิดได้เลยว่าทั้งสองเป็นเพียงคน แปลกหน้ากันเท่านั้น

นี่มันน่าอึดอัดใจชะมัด

ดูท่าทางที่เฉียวเฉียวบอกว่าระหว่างพวกเขาสอง คนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรกันนั่นน่าจะเป็นความจริง เพียงแต่ว่า..

เสี่ยวเหยียนมองมุมตาที่ทอประกายของเสิ่นเฉียว ตามคำพูดของเสิ่นเฉียวที่บอกว่าเธอไม่สมหวังกับความ รัก เพราะการที่รักก้อนน้ำแข็งแบบนี้มันเจ็บปวด

นึกถึงแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกเจ็บปวดแทน เสิ่นเฉียวมากจริงๆ

บรรยากาศในรถเงียบสงัดชวนอึดอัด มันเป็นแบบ นี้จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง เสี่ยวเหยียนเห็นว่ามัน ใกล้จะถึงแล้ว จึงรีบพูดขึ้น”จอดด้านหน้าเลย เดี๋ยวเรา เข้ากันไปตรงนั้น”

เซียวซู่ได้ยินดังนั้นก็จอดรถลงตรงทางแยกตาม ที่เขาบอก เสี่ยวเหยียนกันไปยิ้มให้เขาเป็นการขอบคุณ ก่อนจะถอดเข็มขัดนิรภัยและลงรถไปรออยู่ข้างๆ

เสิ่นเฉียวเห็นเธอลงจากรถ ในตอนที่เธอเตรียม จะลงบ้างนั้นเอง เสียงของเย่โม่เซินก็ดังขึ้นมา “ดันรถ ฉัน”

เสิ่นเฉียว : “? ? ?”

เยโม่เซินเหลือบมองเธอ “ฉันจะไปกับพวกเธอ ด้วย”

คำพูดนั้นทำให้เส้นเฉียวชะงักไปด้วยความสงสัย “นายจะไปชอปปิ้งกับพวกเราอย่างนั้นเหรอ?”

…..เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดไปแล้วอย่างนั้นเหรอ? ” เย่ โม่เซินพูดอย่างไม่พอใจ
“อ่ะก็ได้ๆ “เสิ่นเฉียวยอมจำนนและเข้าไปเข็นรถ เข็นของเขา

ตอนที่เสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างๆ เห็นเสิ่นเฉียวเข็น รถของเย่โม่เซินลงมานั่นเอง เธอก็รู้สถานการณ์ได้ใน ทันที จึงแอบหยิบตาให้เสิ่นเฉียวเงียบๆ

เซียวซูลดกระจกรถลง “คุณชายเย่ ผมจะไปหาที่ จอดรถนะครับแล้วจะตามพวกคุณไปทีหลัง”

“อืม”เย่โม่เซินตอบรับเสียงเย็น

เซียวซู่ไปจอดรถแล้ว เสี่ยวเหยียนจึงก้าวน้อยมา ข้างๆ เสิ่นเฉียวก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดขึ้น “คุณชาย เย่ สาวๆ จะไปชอปปิ้งกันอาจจะทำให้คุณเบื่อได้ คุณ แน่ใจเหรอคะว่าจะไปกับเราด้วย? ”

“เบื่ออย่างนั้นเหรอ?” เย่โม่เซินมองเธอด้วยหาง ตาจู่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “เธอใช่คนที่อยู่ในงานกิจกรรม วันครบรอบนั่นใช่มั้ย?’

เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าเสี่ยวเหยียนก็แสดง อาการประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างประจบ สอพลอ “คุณชายเย่จำฉันได้อย่างนั้นเหรอคะ? แต่ไม่ ต้องขอบอกขอบใจอะไรฉันหรอกค่ะ เรื่องครั้งที่แล้วมัน เป็นหน้าที่ของฉันเอง เพราะฉันเป็นพนักงานแผนกการ เงินในบริษัทของคุณชายเย่ ซึ่งหัวหน้าแผนกก็เป็นพ่อ ของฉันเอง”

เสิ่นเฉียวได้ยินแบบนั้นก็ตกตะลึง

เยโม่เซินหัวเราะหีๆ ในใจ ผู้หญิงคนนี้สายตามีปัญหาไปแล้วหรืออย่างไร? หานเส่โยวยังไม่พูดอะไร ครั้งนี้จู่ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็จินตนาการไปเอง เขาบอกว่าจะ ขอบคุณเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?

เมื่อคิดแบบนั้น เยโม่เซินก็หัวเราะเย็นเย้ย “ก็ไหน ว่าไม่ต้องขอบคุณอะไรมากมายแล้วที่เธอรายงานบริษัท นั้นมันหมายความว่ายังไง? ”

เสี่ยวเหยียนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาฉับพลัน เสิ่นเฉียวที่ อยู่ข้างๆ ก็พลอยอึดอัดไปด้วย ในขณะที่เธอกำลังจะพูด แทนเพื่อนนั้นเอง เย่โม่เซินก็พูดขัดขึ้นมา “เดือนหน้า เดี๋ยวจะเพิ่มเงินเดือนให้”

เสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้นก็แทบจะกระโดดขึ้นด้วย ความดีใจ แต่ที่นี่มีคนสัญจรไปมาดังนั้นท้ายสุดเธอจึง อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ขอบคุณค่ะคุณชายเย! คุณชาย เย่ใจดีที่สุด ฉันคือเสี่ยวเหยียนที่อยู่แผนกการเงินนะคะ ไม่ว่ายังไงคุณชายเยก็อย่าลืมหล่ะ!”

เสิ่นเฉียว : “….เธอไม่ใช่บอกว่า….ไม่ต้อง ขอบคุณอะไรเธอหรอกเหรอ?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็กัดริมฝีปาก “ก็ ไม่ต้องขอบคุณอะไรเป็นพิเศษ แต่คุณชายเย่เป็น ประธานบริษัทนี่นา การที่จะเพิ่มเงินเดือนให้มันก็เพราะ ด้วยฝีมือพนักงาน ไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็นพิเศษเลยนี่นา ใช่มั้ยคะคุณชายเย? ”

เธอทำที่ประจบสอพลอ

เสิ่นเฉียวอ้าปากค้างราวกับไม่อยากจะเชื่อ
ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจู่ๆ เสี่ยวเหยียนจะมาคน ประจบสอพลอแบบนี้ ครั้งก่อนทำไมถึงมองไม่ออกนะ?

เดิมทีเยโม่เซินคร้านที่จะพูดกับเธอ แต่เมื่อ สายตามองเห็นสีหน้าของเสิ่นเฉียวก็รู้สึกสนใจขึ้นมา นัยน์ตาของเขาฉายแววสนุกก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปาก “อืม”

เสิ่นเฉียวเงียบไปพักหนึ่ง ขณะนั้นก็เข็นรถเข็น ของเย่โม่เซินเดินเข้าห้างไปพร้อมกับเสี่ยวเหยียน

เซียวซู่ที่จอดรถแล้วก็เดินตามมาไกลๆ

“ผู้ช่วยเซียวมาแล้ว เดี๋ยวฉันไปหาเขาหล่ะ”

พูดจบเสี่ยวเหยียนก็วิ่งไปหาเซียวซู เว้นช่วงเวลา ให้เสิ่นเฉียวกับเย่โม่เซินได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง

จริงๆ แล้ววันนี้เป็นเสี่ยวเหยียนอยากที่จะชอปปิ้ง เธอเพียงมาเป็นเพื่อนเท่านั้น ตอนนี้เสี่ยวเหยียนทิ้งพวก เขาไว้ด้านหลังแบบนี้ เสิ่นเฉียวจึงไม่รู้ว่าควรจะไปไหน จึงได้แต่เข็นพาเยู่โม่เซินเดินไปอย่างไร้จุดหมายพลาง ถามขึ้น “นายอยากจะไปที่ไหนมั้ยหล่ะ?”

“หืม?” เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ใช่ว่าเธออยากมา ชอปปิ้งอย่างนั้นเหรอ?”

เสิ่นเฉียวจึงอธิบาย “เป็นเสี่ยวเหยียนหน่ะที่อยาก

ฉัน….”

“เธอเองก็เป็นผู้หญิง ชอบอะไรก็ซื้อสิ”

เสิ่นเฉียว : “. %3D
“นี่ฉันก็มาด้วยแล้ว อยากได้อะไรเดี๋ยวฉันจ่ายให้”

หัวใจของเสิ่นเฉียวขมขื่นเล็กน้อย แต่ก็ยังวาง

หน้านิ่งพลางพูด “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่มีอะไรที่จำเป็น ต้องซื้อ” เธอไม่มีอะไรที่อยากได้จริงๆ เพราะพวกเสื้อผ้า ของใช้เครื่องประดับต่างๆ เย่โม่เซินก็เตรียมไว้ให้เธอ

มากแล้ว การเดินชอปปิ้งนี่เธอจึงไม่รู้ว่าจะต้องซื้ออะไร

แล้ว

เยโม่เซินหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจ “ไม่ อยากได้หรือเพราะรู้สึกว่าเดินชอปปิ้งกับฉันแล้วไม่กล้า ที่จะใช้เงิน กลัวฉันจะรังเกียจที่เห็นว่าเธอฟุ่มเฟือยอย่าง นั้นเหรอ?”

ได้ยินแบบนั้นเสิ่นเฉียวก็พูดยิ้มๆ “ไม่ใช่ว่านายก็ มองฉันแบบนั้นมาตลอดอยู่แล้วเหรอ?”

คำพูดนั้นทำเย่โม่เซินแทบสำลัก เพียงอึดใจจึง ถามกลับด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ “หรือว่าความคิดของฉัน มันเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้? เธอตั้งค่าให้ฉันเป็นแบบนี้ เลยใช่มั้ย? ”

“คำถามนี้ฉันควรที่จะเป็นฝ่ายถามมากกว่ามั้ย?”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังเถียงกันอยู่นั่นเองก็ได้ยิน เสียงดังมาจากทางด้านหลัง “เฉียวเฉียว คุณชายเย่ มา ทางนี้เร็วเข้า”

เสิ่นเฉียวมองไปทางด้านหลังทันที เมื่อเห็นเสี่ยว เหยียนเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับ เสิ่นเฉียวก็ทำได้เพียงเข็นเย่โม่เซินตามเข้าไป

เริ่มแรกเดิมที่เสี่ยวเหยียนนั้นออกจะกลัวๆ เย่โม่ เซิน แต่หลังจากที่เขาเพิ่มเงินเดือนให้เธอแล้วนั้น เธอก็ รู้สึกว่าใบหน้าเย็นๆ และคิ้วขมวดปมเข็มของเขามันช่าง น่ารักขึ้นมาในบัดดล อีกทั้งเธอยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะ เข้ากับคนได้ง่าย จึงสามารถที่จะปรับตัวให้เข้ากับ สถานการณ์ได้ เมื่อเข้าไปแล้วเธอก็ลากให้เสิ่นเฉียวช่วย เธอเลือก

เสิ่นเฉียวกำลังเข็นเย่โม่เซินอยู่ก็ไม่สะดวก แต่ เสี่ยวเหยียนเรียกอยู่หลายครั้งเธอจะไม่ไปก็ไม่ได้

“แกว่าต่างหูคู่นี้สวยมั้ย?”

เส้นเฉียวมองไปตามมือที่เธอชี้ ก็พบเข้ากับต่างหู เพชรสีชมพูสวยระยิบระยับ รู้สึกชอบขึ้นมา เดิมทีเสิ่น เฉียวก็รู้สึกไม่มีอะไรจะซื้อแต่เมื่อเห็นต่างหูคู่นี้เธอก็มอง มันอยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “อั้ม สวย”

สีชมพูมันเป็นอะไรที่เข้ากันกับสไตล์ของเสี่ยวเห ยียนมากๆ เลยหล่ะ

“งั้นแกลองใส่ดูสิ” ใครจะรู้หล่ะว่าเสี่ยวเหยียนจะ บอกให้พนักงานเอาต่างหูคู่นั้นออกมา จากนั้นก็เอามา ยื่นตรงหน้าเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ