เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 958 ฉันฝันถึงเขา



บทที่ 958 ฉันฝันถึงเขา

ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่เชื่อในตัวพี่ชายของตัวเองเหรอ ฉันไม่ทำ อะไรผู้หญิงคนนั้นหรอก

มู่จื่อ

เธอรู้ดีว่าหานซึ่งไม่ทำอะไรเสี่ยวเหยียนหรอก เธอยังรู้สึกว่าถึง เสี่ยวเหยียนจะยั่วยวนหานชิง เขาก็สามารถนั่งนิ่งๆ โดยไม่ทำ อะไรได้

ให้หานซิงดูแลเสี่ยวเหยียน น่าจะไม่มีอะไรอันตรายอย่าง แน่นอน

แต่เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนระหว่างทั้งสองคน

มู่จื่อรู้สึกอึดอัด ในขณะเดียวกันก็รู้สึกน้อยใจแทนเสี่ยวเหยียน

เพื่อนรักของตัวเอง

คิดไปคิดมาเธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่…

“ฉันรู้ว่าเธอจะพูดอะไร” ถ้าเธอไม่อยากพูดเธอคงไม่เอ่ยปาก หานชิงจึงพูดตัดบท “เธอวางใจเถอะ เสี่ยวเหยียนเป็นเพื่อนของ เธอฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด อีกอย่างเธอก็เป็นผู้หญิงที่ แยกแยะชัดเจนระหว่างความรักและความเกลียด ความสัมพันธ์ ของพวกเธอทั้งสองไม่สั่นคลอนเพราะฉันหรอก

มู่จื่อกลืนคำพูดของตัวเองลงไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้ความคิด ของเธอ ตอนนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรอีก ทำได้เพียงพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว พี่คิดไว้ก็ดีแล้ว”

พูดจบ มู่จื่อก็เดินกลับไปยังห้องของตัวเอง ตอนที่กำลังจะเดินถึงประตูห้องตัวเอง มู่จื่ออดไม่ได้ที่จะหันมา

มองหาน ง

“หื้ม?”

“ฉันถามอะไรพี่หน่อยได้ไหม

เมื่อเผชิญหน้ากับน้องสาว หานซึ่งก็ต้องตอบคำถามของน้อง อยู่ดี “ว่ามาสิ”

“ทำไมไม่ยอมมีครอบครัวล่ะ”

ในค่ำคืนนี้เธอไม่เพียงแต่จะนอนไม่หลับ หนำซ้ำยังมีเรื่องให้ คิดมากมาย เรื่องที่เธอคิดมากที่สุดก็คือเรื่องระหว่างหานชิงกับ เสี่ยวเหยียน ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเสี่ยวเหยียนไม่ใช่สเปกของ หานชิง หานชิงถึงไม่ชอบเธอ

เมื่อไม่ได้เจอคนที่ทำให้ตัวเอง ใจเต้นก็เลยไม่อยากแต่งงาน

ถึงแม้จะใช้ชีวิตโสดก็ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร เธอเข้าใจคน ประเภทนี้ดี

แต่ทว่า ก่อนหน้านี้ที่เธอได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน มัน ทำให้เธอเกิดความสงสัยขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าพี่ชายของเธอกับเสี่ยวเหยียน…
ถ้าเรียกว่าหวั่นไหวก็เกินไป แต่ถ้าพูดว่าไม่มีความรู้สึกเลยสัก นิด แล้วสิ่งที่เธอได้ยินได้เห็นนั่นเรียกว่าอะไรล่ะ

ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจถามเขาให้ชัดเจน ปกติแล้วหานชิงจะตอบคําถามน้องสาวอย่างเธอเสมอ แต่ครั้งนี้ หานซิงกลับยืนนิ่งอยู่นาน โดยไม่ตอบคำถามของ

เธอ

มู่จื่อเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองหานชิง

“มีเรื่องอะไรที่ลำบากใจหรือเปล่า”

คำว่าลำบากใจทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ เขาเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังมู่จื่อ ภายใต้แสงไฟสลัว หานชิงราวกับเห็นผู้หญิง ที่งดงามและมีค่าเหมือนในปีนั้น แววตาที่มองเธอเต็มไปด้วย ความรักใคร่

“หานชิง หลังจากน้องสาวของลูกลืมตาดูโลก ลูกต้องดูแลและ ปกป้องน้องสาวให้ดีนะ

เขาในวัยเด็กยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นแม่ เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่กำชับ เขารีบพยักหน้า “แม่วางใจเถอะครับ ผมจะปกป้องน้องเอง

เหมือนมากจริงๆ…

เสียงของมู่จื่อดังขึ้นมาอีกครั้ง หานชิงหลุดออกจากภวังค์ เห็น น้องสาวของตัวเองยืนมองตัวเองด้วยท่าทางกังวลอยู่ตรงนั้น
ความสับสนบนใบหน้าและแววตาของเขาพลันหายไป เขา ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ยัยเด็กโง่ คิดอะไรไร้สาระ มีอะไรที่ ต้องลําบากใจล่ะ สุขภาพของเธอไม่ค่อยดี รีบกลับไปนอนเถอะ อย่ามัวแต่ยืนอยู่ ไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง

มู่จื่อยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เมื่อครู่เหมือนเธอเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไป ของหานชิง

แต่เพียงแวบเดียวก็หายไป เธอรู้สึกว่าตัวเองตาฝาดไปแต่ก็ เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น

ในใจของเธอมีแต่ความสงสัย เธอมีคำถามมากมาย แต่เมื่อ เห็นท่าทางของหานชิง ถึงเธอจะถามต่อไป เขาก็ไม่น่าจะตอบ คําถามของเธอ

เมื่อคิดได้ดังนั้น จื่อจึงพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ แล้วทิ้งคำ

พูดที่จริงใจเอาไว้

“ฉันเป็นคนที่พี่สนิทที่สุด ที่พี่เหลืออยู่เพียงคนเดียวบนโลกนี้ ถ้ามีเรื่องสำคัญอะไร พี่ต้องบอกฉันนะ อย่าแบกมันไว้คนเดียว”

หานชิงได้ยินจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คนที่สนิทเพียง คนเดียวอะไรกัน ตอนนี้ฉันไม่ได้มีเธอแค่คนเดียวซะหน่อย

“ต๊ะ?”

“เสี่ยวหมี่โต้ว”

เขาพูดประโยคนี้ออกมา
มู่จื่อตอบรับ

ก็ใช่ ถึงแม้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับ หานชิง แต่เธอเป็นคนคลอดเสี่ยวหมี่โต้วออกมา แถมเสี่ยวหมี่ โต้วยังสนิทกับลุงมากอีกด้วย

“อีกไม่นานก็จะมีอีกคนแล้วด้วย”

ครั้งนี้เขาชี้ไปที่ท้องของเธอ

“พอแล้ว รีบไปนอนเถอะ อย่ามาเสียเวลาอยู่

มู่จื่อกลับมานอนอยู่ในห้อง ในหัวของเธอเอาแต่คิดถึงคำพูด ของหานชิง เมื่อก่อนเธอไม่ได้ให้เวลากับทานชิง เธอรู้สึกว่าเขาไม่มีความ

รักก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ

พี่ชายของเธอดูแลเธอดีมาก แถมยังเอาใจใส่ลูกของเธออีก ด้วย แล้วเธอที่เป็นน้องสาวล่ะ ราวกับว่าเธอเอาแต่รับความรับ ผิดชอบและความดูแลจากหานซิงเพียงฝ่ายเดียว จนละเลยเขา ไป

พี่ชายของเธออาจจะมีเรื่องสำคัญอะไรที่ปิดบังเธออยู่ จะไป…สืบดีไหม

เมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามาอยู่ในหัวของเธอ จื่อจึงตัดสินใจ แน่วแน่ บางทีเธออาจจะต้องไปสืบดูว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้นกับ หานชิงกันแน่
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอก เธอพลิกตัว ห่มผ้าจากนั้นก็หลับไป

วันต่อมาก

มู่จื่อนอนหลับอยู่แล้วรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีสายตาจ้องเธอ โดยไม่ขยับไปไหน

มู่จื่อเริ่มรู้สึกว่ามันผิดปกติ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือดวงตาแห่งความไม่พอใจ

มู่จื่อสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นว่าคนที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงเธอเป็น ใคร จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอดึงผ้าห่มอย่างเซ็งๆ

“เช้าขนาดนี้มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้ อยากให้คนตกใจตายหรือ

ไง”

เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เสี่ยวเหยียนแบะปากด้วยความน้อยใจ

“มู่จื่อ ในที่สุดเธอก็ตื่นแล้ว ฉันมารอเธออยู่ตั้งนาน เธอไม่ ยอมตื่นสักที”

” หานมู่จื่อ

ทำไมท่าทางและน้ำเสียงเหมือนเธอกำลังจะตายอย่างไรอย่าง

เธอสูดหายใจลึกแล้วสะกดกลั้นอารมณ์หน่ายใจ

“เป็นอะไร”
“เมื่อคืน ฉันเมาใช่ไหม” เสี่ยวเหยียนพูด

“อั้ม” มู่จื่อพยักหน้า

“งั้น ฉันยังโวยวายด้วยใช่ไหม”

มู่ อพยักหน้าต่อ

เสี่ยวเหยียนเบิกตาโพลง “งั้นฉันไปโวยวายกับพี่ชายเธอ ไหม”

เมื่อได้ยินดังนั้น จื่อจึงคิดย้อนกลับไป เหมือนจะใช่นะ

เธอพยักหน้าต่อ หลังจากที่เธอพยักหน้าก็พบว่าสีหน้าของ เสี่ยวเหยียนซีดลง

“เป็นไปไม่ได้ ฉันไปโวยวายกับพี่เธอจริงเหรอ งะ งั้นฉันใน

ความคิดของเขาคงจะ

เสี่ยวเหยียนเอามือปิดหน้าตัวเอง แล้วร้องออกมาอย่างไม่รู้จะ ทํายังไง

เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียนเป็นแบบนี้ มู่จื่อหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้ “เมื่อวานตอนเธอกลับมา เธอดูเสียใจมาก ฉันคิดว่าเธอจะยอม แพ้แล้ว”

“ยอมแพ้?” เสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้น จึงหยุดการกระทำของ ตัวเองลง เธอขบริมฝีปากล่างแล้วพูดออกมาด้วยความอึดอัด “ตอนแรกฉันก็ยอมแพ้แล้ว แต่ว่า….เมื่อคืนฉันฝันถึงเขา”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ