เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1421 ยังไงก็ไม่มีวันชอบนาย



บทที่1421 ยังไงก็ไม่มีวันชอบนาย

และก็มีแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น เขาถึงจะแสดง ด้านที่อ่อนโยน

สวี่เย็นหวั่นไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่กัดริมฝีปากล่างของตัวเอง

อย่างรุนแรง ดวงตาแดงก่ำ

“อย่าไปรบกวนเธออีก อย่าทำลายมิตรภาพระหว่างตระกูล หานและตระกูลสวีที่มีมานานหลายปี ถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เธอล่ะก็ ผลจะเป็นยังไงเธอก็น่าจะรู้ดีนะ”

หลังจากพูดสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดแล้ว หานซึ่งก็ก้าวเท้า เตรียมจะออกไป

แต่ว่าในตอนนี้เองสวี่เย็นหวั่นก็เรียกเขาไว้ แล้วก็ถามอย่าง เกลียดชัง “เธอไปฟ้องนายหรือไง? เธอบอกว่าฉันทำร้ายเธอยัง งั้นเหรอ? แล้วเธอได้บอกนายไหมว่า พนักงานเสิร์ฟต่างหากที่ เป็นคนขังเธอไว้ให้ห้องน้ำ ส่วนคนที่ปล่อยเธอออกมา ที่จริงก็คือ ฉัน! ฉันเป็นคนที่ช่วยเธอเอาไว้! ”

“แล้วเธอคิดว่าพนักงานจะล็อกเธอไว้ในห้องน้ำโดยไม่มี เหตุผลยังงั้นเหรอ? สวีเย็นหวั่น อย่าคิดว่าคนอื่นโง่นักเลย แล้ว อีกอย่าง เหยียนเหยียนไม่ใช่คนที่ชอบฟ้องอะไร เธอไม่เหมือน กับที่เธอคิดหรอก”

ครั้งนี้ หานซิงเดินออกไปโดยที่ไม่ได้ลังเลอะไรเลย
สวี่เย็นหวั่นอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว ยังนึกถึงคำพูดที่ทาน ชิงพูดเมื่อกี้นี้

เขาอยากจะบอกว่า เสี่ยวเหยียนไม่ได้ฟ้องเขาอย่างงั้นเหรอ?

แต่ว่าถ้าเกิดว่าเสี่ยวเหยียนไม่ได้เป็นคนฟ้อง แล้วเขาจะรู้ได้ยังไง

แล้วก็มาหาเธออีกต่างหาก เดิมทีสเย็นหวั่นนึกว่าที่เมื่อวานเธอบอกว่าอิจฉาตัวเอง ท่าที จะอ่อนโยนขึ้น เธอยังรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่เลย แต่ว่าตอนนี้ล่ะ?

“เห็นรึยัง? ”

มีร่างของคนที่คุ้นเคยเดินเข้ามา สวีเย็นหวั่นเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเห้อเหลียนจึงกำลังยืนพิงประตูพร้อมกับมองมาที่เธอ

“เขาเชื่อใจในผู้หญิงของตัวเองมาก ต่อให้เธออธิบายเป็น ร้อยครั้งก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ตอนนี้เสียใจรึยัง? ถ้าเกิดว่า เมื่อวานเธอไม่ช่วยเธอออกมา ตอนนี้หานซึ่งก็คงไม่มาพูดอะไร พวกนี้กับเธอหรอก”

“เห้อเหลียนจิ่ง?

สวี่เย็นหวั่นเห็นเหอเหลียนยิ่งที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวด้านนอกประตู แล้วก็ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ เดาว่าเมื่อกี้เขาน่าจะได้ยินบท สนทนาระหว่างเธอกับหานชิงแล้ว

เธอรู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดี “ทำไมนายต้องเอาแต่ตามฉัน ฉัน เคยบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากนาย ฉัน สวีเย็นหวั่นต่อให้จะต้องผิดหวัง ไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการ ฉันก็ไม่มีทางไปคลุกคลีกับคนเลวๆ อย่างนายหรอก! ” คนเลวๆ ยังงั้นเหรอ?

พอได้ยินค้าเรียกนี้ สีหน้าของเห้อเหลียนซึ่งก็เปลี่ยนไปใน ทันที เขาก้าวยาวไปด้านหน้าแล้วก็คว้าข้อมือของสวีเย็นหวั่นไว้

“เธอบอกว่าใครเป็นคนเลว? เพื่อเธอแล้วฉันเปลี่ยนไปมากแค่ ไหนเธอไม่เห็นเหรอ? ถ้าเกิดว่าเธอยอมหันกลับมามองฉันหน่อย เธอก็จะรู้ว่าฉันไม่ใช่เห้อเหลียนจึงคนเก่าอีกแล้ว ถ้าเกิดว่าเธอ ยอมปล่อยหาเชิงแล้วไปเมืองนอกกับฉัน ในอนาคตเห้อเหลียน จึงก็จะเป็นท้องฟ้าของเธอที่จะปกป้องเธอตลอดไป สวีเย็นหวั่น ผู้ชายคนนั้นยังไงก็ไม่ได้ชอบเธอ เธอจะอยู่ที่นี่อย่างขมขื่นไป ทำไมกัน? เธอเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลสวี ทำอะไรก็เป็นทุก อย่าง แต่กลับต้องมาขมขื่นเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง แม้แต่ศักดิ์ศรีก็ถูก เหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า เธอคิดว่าวิญญาณบนสวรรค์ของคุณลุงส กับคุณป้าสวี จะทุกข์ใจเพราะลูกสาวของตัวเองรึเปล่า? ”

“ปล่อยฉัน! ” สวีเย็นหวั่นออกแรงสะบัดมือของเขาออก “ฉัน จะเป็นยังไงก็ไม่ได้ต้องการให้นายมาออกความคิดเห็น เรื่องของ ฉันก็ไม่ได้จําเป็นต้องให้นายมายุ่ง นายไม่ต้องตามฉันอีกแล้ว ฉันไม่ได้ต้องการให้นายมาช่วยอะไรฉัน สำหรับเรื่องที่นายพูด เมื่อกี้นี้ ยอมแพ้เถอะเห้อเหลียนจึง ตลอดชีวิตนี้ฉันไม่มีทางชอบ นายหรอก”

พอพูดจบ สวีเย็นหวั่นก็หันกลับมาและเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย
ในห้องรับแขกเหลือเห้อเหลียนจึงอยู่เพียงแค่คนเดียว น่าจะ เพราะคำว่าคนเลวนั้นทำให้เขาโมโห เขาโกรธมากจนกระแทก หมัดเข้ากับประตู

ปัง!

หลังจากมีเสียงดังเกิดขึ้น เห้อเหลียนจึงก็ออกไปจากห้อง รับแขก โดยที่มีแผลที่มือ

สวีเย็นหวั่นนั่งอยู่ในห้องทำงานคนเดียว มองไปที่ท้องฟ้าสี คราวในเวลากลางวันนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย คำพูดที่หาน ชิงพูดกับเธอก่อนหน้านี้เหมือนกับธนูที่เยือกเย็นที่ปักเข้าที่เข้า หัวใจของเธอ จนถึงตอนนี้หัวใจของเธอก็ยังคงเจ็บ ยังไม่ผ่อน คลายลงเลย

หน้าอกของเธอกำลังสั่นไหว เธอยื่นมือไปแตะ แล้วน้ำตาก็ ไหลลงมาทีละหยด

เธอผิดงั้นเหรอ?

หรือว่าเห้อเหลียนจึงพูดถูก ถ้าเกิดว่าเมื่อวานเธอไม่……..

ไม่ เธอคิดแบบนี้ได้ยังไง? สวีเย็นหวั่นสะบัดหัวอย่างแรก แล้ว ก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้แน่น เธอคือคุณหญิงใหญ่ของตระ กูลสวี่ ต่อให้ตระกูลสวี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ทั้งตระกูลส เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว เธอก็ยังคงใช้นามสกุลนี้อยู่

ตราบใดที่เธอยังเป็นลูกสาวของตระกูลสวี่ เธอไม่สามารถทำ เรื่องที่บ้าคลั่งเช่นนั้นได้หรอก
เธอต้องใจเย็น ใจเย็น

สวีเย็นหวั่นมองซ้ายมองขวา สุดท้ายก็หยิบแก้วน้ำเย็นข้างๆ มาดื่ม น่าจะเพราะว่ามีความกังวลในใจ ดังนั้นมือของเธอที่ถือ แก้วอยู่นั้นก็เลยสั่นเล็กน้อย

ไม่รู้เหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหน สวีเย็นหวั่นถึงทำให้ตัว เองสงบลงแล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พิงพนักเก้าอี้แล้วก็ หลับตาลง

ใกล้จะถึงวันแต่งงานแล้ว ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้น เสี่ยวเหยี ยนก็ไม่ได้ไปไหนเลย เอาแต่อยู่บ้านทั้งวัน น่าจะเพราะว่าตั้ง ครรภ์ ดังนั้นอาการหวาดระแวงจากการโดนทำร้ายนั้นก็เลยค่อน ข้างจะรุนแรง เธอกลัวมากว่าถ้าออกไปข้างนอกแล้วจะเจอส เย็นหวั่น ยังไงก็ตามเวลาผู้หญิงเป็นบ้าขึ้นมานั้นมันน่ากลัวมาก

ด้วยเหตุนี้หลัวหุ้ยเหม่ยจึงพูดกับเสี่ยวเหยียนว่า “เอาแต่ เกียจ ก็แค่แต่งงานไม่ใช่เหรอ วันๆ เอาแต่อยู่บ้าน ถ้าไม่รู้ว่าลูก จะแต่งงานจะนึกว่าลูกอยู่ไฟแล้วนะ”

หลัวหุ้ยเหม่ยยังไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวเหยียนท้อง คำพูดที่โพล่งออก

มาโดยที่ไม่ทันคิดตรงกับเรื่องในใจของเสี่ยวเหยียนพอดี เสียว

เหยียนเถียงแทนตัวเองทางโทรศัพท์ “แม่ ใครอยู่ไฟกัน? ก็แค่ว่า

ช่วงนี้หนูง่วงมากๆ ก็เลยขี้เกียจนิดหน่อยแค่นั้นเอง ยิ่งไปกว่านั้น

หนูกำลังจะแต่งงานแล้ว จะพักผ่อนอยู่บ้านช่วงหนึ่งไม่ได้เลยรึไง

รอให้หนูแต่งงานเสร็จแล้วไปช่วยที่ร้านราเม็งก็ยังไม่สายไปซะหน่อย”
“ตอนนี้มาบอกว่าอยากพักผ่อน ตอนแรกที่ลูกเปิดร้านราเม็ง บอกว่าอยากให้แม่กับพ่อพักผ่อนเยอะๆ ดูตอนนี้สิ พึ่งผ่านมา ช่วงเดียวเอง ลูกก็หดตัวเหมือนเต่าอยู่ในกระดองซะแล้ว”

“แม่ พูดแบบนี้ไม่ได้นะ หนูก็แค่พักผ่อนช่วงหนึ่งเท่านั้นเอง เดี๋ยวพอหลังจากแต่งงานแล้วกลับไปแล้ว”

หลัวหุ้ยเหม่ยไม่ได้โทษที่เธออยากจะพักผ่อน เธอเห็นด้วยที่ ลูกสาวอยากจะพักผ่อน และรอคอยวันแต่งงานอย่างสวยงาม แต่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกสาวตัวเองซะหน่อย แต่หลัวหุย เหมียรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แล้วก็ถามออกมา “เมื่อกี้ลูกบอกว่าช่วงนี้ง่วงมากๆ ยังงั้นเห รอ?”

พอได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็ใจเต้นแรง ซวยแล้ว ไม่ได้มี อะไรจะถูกเปิดโปงหรอกใช่ไหม?

“อืม น่าจะเพราะว่ายุ่งเกินไป ก็เลยรู้สึกว่าง่วง หรือเพราะว่า

มันเป็นฤดูหนาว หนูก็เลยอยากจำศีลหน่อย

“พูดอะไรน่ะ? เมื่อก่อนลูกก็ไม่ได้เป็นแบบนี้นี่? บอกความจริง แม่มา ลูกท้องเหรอ? ”

“หนูเปล่า! ”

เสี่ยวเหยียนปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “หนูจะไปท้องได้ยังไงกัน ยัง ไม่ได้แต่งงานเลย แม่อย่าพูดมั่วๆ นะ”

“การปฏิเสธสองครั้งหมายถึงยืนยัน แล้วลูกปฏิเสธไปกี่ครั้งแล้วเหยียนเหยียน ลูกคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของคนที่อยาก ปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นการเปิดเผยให้โลกรู้เลยนะ”

เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าถ้ายังพูดต่อไปต้องเปิดเผยอะไรไปอย่าง แน่นอน ดังนั้นเธอจึงรีบพูดว่า “โถ่ หนูไม่คุยกับแม่แล้ว วันนี้ยังมี เรื่องให้ต้องจัดการ หนูวางก่อนนะแม่ เดี๋ยววันหลังหนูจะไปหา แม่ที่ร้าน”

เธอวางสายอย่างรวดเร็ว พอหลัวหุ้ยเหม่ยได้ยินเสียงตัดสาย ก็อดไม่ได้และพูดว่า “ยัยเด็กน พอถามเรื่องท้องก็มีลับลมคมใน ท้องก็ท้องสิ แต่แม่เป็นแม่ของลูกนะ เรื่องนี้ยังไม่กล้าให้แม่รู้อีก เด็กบ้า

เธอด่าพิมพาพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ