เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่759 จะกระตุ้นเขายังไง



บทที่759 จะกระตุ้นเขายังไง

บทที่759 จะกระตุ้นเขายังไง

ผู้ช่วยเลขา

ฟังดูแล้วเหมือนเป็นตำแหน่งที่สูงมาก แต่จะให้พูดตรงๆ ก็คือ ทํางานที่หนักและเหนื่อยแทนเลขานั่นเอง

ส่วนเลขานั้น ต้องรับงานหนักมาจากประธานบริษัท พอมาถึง ผู้ช่วยเลขา ก็จะยิ่งหนักมากขึ้น

เหมือนการทํางานวันแรก หานคู่จื่อวิ่งขึ้นวิ่งลงในบริษัทตาม คําสั่งของ หลิน ตั้งแต่เช้าจนเที่ยงเป็นเวลาสามชั่วโมง ส่วน ใหญ่หาน จื่อแทบไม่ได้อยู่ในห้องทำงานของเลขาเลย เพราะ ต้องวิ่งไปทั่วเพื่อเอาเอกสาร

เพราะเป็นบริษัทขนาดใหญ่…

งานจึงมีเยอะมาก

เธอมีโอกาสได้นั่งพัก พี่หลินก็หยิบเอกสารที่หนาปึกมาให้เธอ ทําความเข้าใจสถานการณ์ของบริษัท

หาน จื่อนั่งอยู่ที่โซฟา แล้วเปิดอ่านเอกสารเงียบๆ

ตอนที่เธอไปส่งเอกสาร เพราะไม่ค่อยคุ้นเคย ทำให้เธอวิ่งไป ผิดที่ ถ้าหากเธอวิ่งส่งเอกสารทุกวันจนคุ้นชิน งานของเธอก็จะ สบายขึ้นมาก
แต่ว่า…

ทานคู่จื่อพลิกเอกสารอ่าน ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น ดูจากงานที่เธอ ทำในตอนนี้ ดูเหมือน… เธอจะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้แย่ไม่เป็น เลย นา

พอนึกถึงเรื่องเมื่อสามวันก่อนตรงลิฟท์ หานมอก็เริ่มนิ่งคิด

ครั้งนั้น เธอบอกกับเขาไปแล้วว่าตัวเองจะมาสมัครงานเป็นผู้ ช่วยเลขา แต่เขากลับไม่ออกคำสั่งขัดขวางไม่ให้เธอมาทำงานที่ บริษัท

เพราะอะไรกัน

เขาจงใจปล่อยโอกาสให้เธอ หรือว่า… เขาไม่ใส่ใจในเรื่องนี้

เลย

คิดไปคิดมา หาน จื่อคิดว่าเป็นอย่างหลังมากกว่า

เพราะตำแหน่งที่เธอทำในตอนนี้แทบไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เย โม่เซ็นเลย และไม่ได้เจอกันเลยสักครั้ง

คนที่จะเจอกับเย่ไม่เป็นได้ ก็มีแค่พี่หลินคนเดียว เธอถือเป็น คนกลาง ที่น่าเรื่องทั้งหมดในบริษัทเข้าไปรายงานให้เย่ไม่เป็น

ได้รับรู้

ส่วนคำพูดของเย่ ไม่เป็น พี่หลิน ก็จะเป็นคนประกาศให้ทุกคน

รู้เอง
พอคิดได้แบบนี้ เธอก็รู้ทันทีว่าตัวเองไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เข้ ไม่เขินเลย

ถ้าไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เขา แล้วเธอจะหาวิธีกระตุ้นความ ทรงจำของเขาได้ยังไงกัน

ในเวลานี้ หานมู่จื่อหัวเสียมาก

“ใกล้จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว เธอไม่ลงไปกินข้าวเหรอ”

ทันใดนั้นเอง มีเสียงพูดขึ้นเหนือศีรษะของเธอ หาน จื่อเงย หน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าพี่หลินมายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ดูเหมือนเธอจะเตรียมพร้อมแล้ว ในมือเธอถือกุญแจไว้

“พี่หลิน ถึงเวลาพักเที่ยงแล้วเหรอคะ”

หานคู่จื่อเพิ่งได้สติกลับมา จึงรีบก้มลงไปดูเวลา ถึงเวลาพัก แล้วจริงๆด้วย

“โธ่ เด็กคนนี้ ทําไมถึงได้ตั้งใจขนาดนี้ ไม่บ่นออกมาสักคำ วิ่ง ขึ้นวิ่งลงจนเหนื่อยแล้วล่ะสิ รีบกลับไปพักผ่อน และหาอะไรกิน เถอะ”

“ขอบคุณค่ะ”

หาน จื่อปิดเอกสารลง พี่หลินไม่กินข้าวในบริษัท เพราะเธอ ต้องกลับไปทำกับข้าวให้ลูกกิน ตอนบ่ายถึงจะกลับเข้ามาใน บริษัท

หาน จื่อกลับไปที่ห้องก็อยู่คนเดียว เธอจึงขี้เกียจกลับไปที่ห้อง เธอจึงเลือกที่จะไปกินข้าวที่โรงอาหารของบริษัทแทน

พอเดินมาถึงหน้าลิฟต์ ก็เจอเข้ากับคนคุ้นเคย

“หลัว ”

“ซื้อ” หลัวสี่เห็นเธอ ก็รีบเดินเข้ามาหาอย่างดีใจ “ในที่สุดก็ รอจนได้เจอ ไปกันเถอะ เราไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน

หานมู่จื่อ “เธอรอฉันอยู่เหรอ”

“อืม ฉันอยากจะรอดูเผื่อจะโชคดี คิดไม่ถึงว่าจะรอจนได้เจอ กับเธอจริงๆ”

หานมู่จื่อ “.….

มายืนรอฉันตรงชั้นที่ฉันทำงานอยู่ จะไม่เจอกันได้ยังไง แต่ดู จากท่าทางที่ไม่มีเพื่อนไปด้วยของเธอ หานคู่จื่อจึงพูดขึ้นมา “ไป กันเถอะ ลงไปกินข้าวกัน

“อืมอืม ฉันรู้ว่าโรงอาหารอยู่ตรงไหน เดี๋ยวฉันพาไป

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมกัน หลังจากที่หลวกดชั้น ที่จะไปแล้ว จึงหันมาคุยกับเธอ “งานผู้ช่วยเลขาเหนื่อยไหม คุณ พี่สาวเลขาเข้าหายากไหม ฉันได้ข่าวมาว่าหนึ่งในกรรมการที่ สัมภาษณ์วันนั้นก็คือเลขาของท่านประธาน เป็นเรื่องจริงไหม หลัวสี่เหมือนเด็กขี้สงสัย ถามค่าถามออกมาไม่หยุด “อืม ผู้หญิงที่อายุสูงเล็กน้อยคนนั้นแหละ

“เอ๊ะ ฉันเดาถูกด้วยแหละ แล้ว… คนที่ยังสาวอยู่คนนั้น….
“จริง”หานครีบพูดขัดขืนมา ก่อนจะยิ้มบาง “เธอคิดยังไง ถึงได้ขึ้นมาหาฉันเหรอ”

หลัวมีท่าทีเอียงอาย ก่อนจะกัดริมฝีปากล่าง “ฉัน…ฉันไม่ กล้าไปที่โรงอาหารคนเดียว ที่นั่นคนเยอะมาก ฉันรู้จักเธอที่เป็น คนจีนอยู่คนเดียว ก็เลยขึ้นไปรอเธอ แล้วมาด้วยกัน

พอได้ยินแบบนี้ หานมอก็ขมวดคิ้วขึ้น การกระทำของหลว แปลกจริงๆ

“เมื่อก่อนเธอไม่เคยทํางานมาก่อนเหรอ”

“เคยทำมาก่อนสิ” หลัวพยักหน้าให้ พอเห็นว่าเธอขมวดคิ้ว จึงคิดว่าเธอกำลังรังเกียจตัวเอง จึงรีบอธิบาย “อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้คิดจะเกาะเธอนะ เมื่อก่อนฉันเคยทํางาน แต่เป็นใน ประเทศ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาทํางานต่างประเทศ ฉัน… ภาษา อังกฤษของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกอย่างคนต่างชาติก็ดูน่ากลัว มาก เข้าหายากด้วย”

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

มิน่าล่ะ เธอถึงได้วิ่งมาหาเธอตลอด

ไม่นาน ลิฟต์ก็ลงมาถึง พอประตูลิฟต์เปิดออก หาหมอก็เดิน ออกไป ส่วนหลัว ก็เดินตามหลังเธอมาด้วยท่าทีหวาดกลัว

ท่าทางของเธอ ทําให้คนที่เห็นอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

สุดท้ายหาน จื่อก็เห็นใจ จึงไปสั่งข้าวมาให้เธอ ตอนที่ทั้งสอง คนกำลังหาที่นั่งอยู่ หลัวก็พูดออกมาอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากนะจื่อ ถ้าไม่มีเธออยู่ ฉันคงไม่รู้ว่าจะเก้ๆกังๆไปอีกนานเท่า ไหร่

หาหมู่จื่อเองก็สังเกตได้ เธอไม่ได้พูดเพราะถ่อมตัว แต่ภาษา อังกฤษของเธอไม่ค่อยดีจริงๆ เพราะตอนที่สั่งอาหาร หลัวพูด เมนูผิดไปหลายอย่าง อีกทั้งยังพูดติดอ่างด้วย

จินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่าคนที่ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆขนาดนี้ จะกล้าเดินทางมาทำงานที่ต่างประเทศตัวคนเดียวแบบนี้

“เธอ… คิดยังไงถึงได้มาทํางานที่ต่างประเทศ

หลัวที่ตักผักกวางตุ้งเข้าปาก พูดขึ้น “เธอคงจะกำลังคิดว่า ภาษาอังกฤษของไม่ดีถึงขนาดนี้ ทำไมถึงคิดจะมาทำงานใน ต่างประเทศ ใช่ไหม ที่จริงแล้ว……… ก็เพราะอย่างนี้ ฉันก็เลย อยากฝึกฝนตัวเอง ไม่อย่างนั้น คนที่บ้านมักจะชอบดูถูกฉัน ฉัน จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นให้ได้เลย

ที่แท้ก็มาเรียนรู้นี่เอง อีกทั้งยังมาด้วยอารมณ์โมโห จึงไม่พก เงินมาด้วย

เด็กสาวสมัยนี้ หานมู่จื่อยิ้มออกมา ก่อนจะดื่มน้ำซุป ไม่พูด อะไรอีก

ตอนที่หาน จื่อกำลังกินข้าวอยู่ เธอก็คิดถึงเรื่องของเย่ ไม่เป็น

ไปด้วย

พอเธอว่าง ในสมองของเธอก็คิดถึงแต่วิธีกระตุ้นความทรงจำ ของเย่ ไม่เขิน
หลังจากที่กินข้าวกันเรียบร้อย หลัวก็เสนอความเห็นให้ไป เดินเล่นด้านล่าง เพราะยังเหลือเวลาอยู่

แต่หานมู่จื่อกลับตอบปฏิเสธหลัวไป เพราะการวิ่งขึ้นวิ่งลง ตลอดช่วงเข้า ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก นึกขึ้นมาได้ว่าในห้อง ทำงานของเลขามีโซฟา จึงคิดจะไปพักผ่อนสักหน่อย

หลังจากมาถึงห้องทำงานของเลขา หานมอก็นั่งลงบนโซฟา ก่อนจะถอดรองเท้าออก แล้วนวดขาของตัวเองเบาๆ

เธอไม่ได้วิ่งไปมาแบบนี้มานานมากแล้ว ทำให้ขาของเธอปวด เมื่อยมาก

ในขณะที่กำลังบีบนวดอยู่ โทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้นมา หาหมอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์ เสียงพูดที่เย็นชาของชายหนุ่มดังเข้ามาตามสาย “ชงกาแฟแก้วหนึ่งเข้ามาให้ผม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ