เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่218 เธอมาแตะต้องของของฉันหรือเปล่า



บทที่218 เธอมาแตะต้องของของฉันหรือเปล่า

เยโม่เซินมองดูพริกแดง ตาดูของเขาราวกับ ทำให้เป็นสีแดงขึ้นมา ไม่รอให้เขาตอบสนองอะไรกลับ มา เสี่ยวเหยียนก็เพิ่มพริกเข้าไป จากนั้นก็หันมาพูด ตาหยี “ซุปหม่าล่าหนะ มันต้องเผ็ดต้องร้อน ไม่อย่างนั้น จะสดชื่นได้ยังไง? ”

พูดจบเธอก็อวดฟันขาวให้เสิ่นเฉียวราวกับโชว์ ความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาอย่างไรอย่างนั้น นั่นจึง ทำให้ใครก็ไม่อาจจะตำหนิเธอ

เสิ่นเฉียวลอบมองไปที่เยโม่เซิน เมื่อเห็นว่าเขา ไม่ได้แสดงอาการอะไร เธอจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ

แต่หลังจากที่เขากินเนื้อแกะที่ตุ้นในซุปหม่าล่า

แล้วนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขากำ

ตะเกียบเอาไว้เพื่อที่จะ ใบหน้าหล่อเหลาที่ไร้สีหน้านั้น

ราวกับเหมือนโดนอะไรมากระทบ

เสี่ยวเหยียนซูดปากอย่างเผ็ดร้อน แต่ก็กินอย่าง เอร็ดอร่อย

เริ่มต้นเส่นเฉียวไม่กล้าที่จะกิน ได้แต่ลอบมองสีห น้าของเย่โม่เซิน และเมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนจึง สังเกตได้ในทันที “นายกินเผ็ดไม่ได้ใช่มั้ย? ”

เยโม่เซินขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำถามเธอ แต่สีหน้าไม่ค่อยดีนัก

เสิ่นเฉียวคิดอะไรมาได้ เธอจึงรีบวิ่งไปหาพนักงานเพื่อขอน้ำเย็นให้แก่เย่โม่เซิน

“ถ้ากินไม่ได้นายคายออกมาเลย แล้วค่อยกินน้ำ เย็นตาม”

เยโม่เซินนั้นเป็นคนมีมารยาทที่ดี เขาไม่เคยคาย อะไรในที่สาธารณะ เมื่อครู่ที่เสิ่นเฉียวให้เขาทำนั้น เขา จึงขมวดคิ้วขึ้น

“รีบคายออกมาเถอะ”เสิ่นเฉียวเอื้อมมือไปที่ปาก ของเขา เย่โม่เซินก็ยังนิ่ง ท้ายสุดเซียวซู่จึงหยิบ กระดาษให้แก่เขา เย่โม่เซินจึงยอมคายออกมาจากนั้น จึงดื่มน้ำเย็นตาม

แต่ใบหน้างามของเขาก็ยังคงแดงเรื่อ ในขณะที่ เสี่ยวเหยียนที่นั่งข้างๆ ก็ยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ เมื่อเจอกับสถานการณ์ตรงหน้าเข้าเธอก็ไม่กล้ากินต่อ ได้แต่มองพวกเขาอย่างวุ่นวายใจ

“ขอโทษนะคะคุณชายเย่ ถ้าฉันรู้ว่าคุณกินพริกไม่ ได้ ฉันจะไม่ใส่ไปแน่”

เสิ่นเฉียวเห็นสีหน้าของเขาไม่ดีนักจึงได้แต่เก็บ ของ “เสี่ยวเหยียนไม่ต้องตระหนกตกใจไป เธออยู่กินต่อ เถอะ เดี๋ยวฉันกลับไปส่งเขากลับบ้านก่อน แล้วเดี๋ยวจะ กลับมาหา”

เสี่ยวเหยียนเพียงพยักหน้าจากนั้นก็โบกมือ “ไม่ ต้องกลับมาหรอก แกรีบไปเถอะ เย็นๆ เดี๋ยวฉันโทรให้ พ่อมารับก็ได้”

“งั้นก็ได้ แกดูแลตัวเองด้วย”
เสิ่นเฉียวพูดจบก็เข็นเย่โม่เซินออกไป เมื่อพาเขา ขึ้นรถอย่างทุลักทุเลได้ เสิ่นเฉียวก็บอกเซียวซู่ว่าจะไป โรงพยาบาล

เซียวซูผงะ เพียงแค่กินพริกเข้าไปจะต้องไปโรง พยาบาลเลยเชียวเหรอ?

แต่เมื่อเห็นอาการที่ใบหน้าของเย่โม่เซินไม่ค่อย ดี เซียวซูจึงไม่มีข้อกังขาใดๆ พยักหน้าเตรียมจะออกรถ

“กลับบ้านตระกูลเย่” จู่ๆ เสียงแหบพร่าของเย่โม่ เซินก็ดังขึ้นมา เสิ่นเฉียวจึงมองไปทางเขาถาม “ไม่ไป โรงพบาลเหรอ?”

“ฉันป่วยหรือยังไง? ” เมื่อเย่โม่เซินตอบกลับมา เสิ่นเฉียวก็เงียบไป ก็ได้ เป็นเธอเองที่ตื่นตระหนกเกิน

ไป

ระหว่างทาง สีหน้าของเย่โม่เซินไม่ดีเอามากๆ ปากและลิ้นของเขาร้อนไปหมด มันราวกับโดนอะไรเผา อย่างไรอย่างนั้น เมื่อมองไปที่เสิ่นเฉียว ใบหน้าของเธอ ก็เต็มไปด้วยความสับสน

เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลเย่ เสิ่นเฉียวก็เข็นเย่โม่ เซินเข้าบ้าน ก็พอดีเจอกับเย่หลิ่นหานที่ออกมาพอดี หลังจากที่ดวงตาทั้งสามคนสบกันที่กลางอากาศ เสิ่น เฉียวก็นึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่เย่หลิ่นหานพูดกับเธอ จึงรีบ ลดสายตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะสบตา

เยโม่เซินเองก็อยู่ในอารมณ์ไม่สู้ดี ดังนั้นจึงไม่ แม้แต่จะมองเขา
ทั้งสามคนเดินผ่านกันไปเฉยๆ

ท้ายสุดก็เป็นเย่หลิ่นหานที่หันกลับมามองร่าง เล็กๆ ของเสิ่นเฉียวก่อนจะห้ามใจไม่ได้ที่จะกำมือขึ้น แน่น

หลังจากเหตุการณ์หม้อไฟนั้น ทุกๆ วันเสี่ยวเหยี ยนก็จะพะวงถามอย่างเป็นห่วงว่าเย่โม่เซินเป็นยังไงบ้าง เขาจะทำโทษอะไรเธอมั้ยอะไรเทือกๆ นั้น อีกทั้งเธอก็ ไม่ได้เงินเดือนเพิ่ม นั่นน่าจะหลังจากที่เธอเพิ่มพริก เข้าไปและก็ไม่ได้เพิ่มแบบธรรมดา เธอเพิ่มแบบเฉพาะ กับคนที่รักในประสบการณ์การกินเผ็ด แต่สำหรับคนไม่ กินเผ็ดนั้น เพียงแค่กินเนื้อแกะที่ลวกหน้าก็แย่แล้ว!

ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ ว่าการเพิ่ม เงินเดือนของเธอคงจะหมดหวังแล้ว

“แกยังกล้าพูดถึงอีกหรือยังไง? “เสิ่นเฉียวจิ้ม หน้าผากของเธอ “ไอ้เรื่องเพิ่มเงินเดือนนี้เลิกคิดไปได้ เลย วันนั้นที่กลับไปหน่ะเขาไม่พูดกับฉันอยู่นานเชี่ยว หล่ะ ไม่รู้ว่าอาจจะเพราะว่า….รู้สึกขายหน้ากับพวกเรา ในวันนั้นหรือเปล่า”

นี่เป็นเพียงสิ่งที่เสิ่นเฉียวเดาขึ้นมาเอง เพราะวัน นั้นเย่โม่เซินก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เขาก็ยังคงหน้า ถึงทึ่งใส่เธอไปกว่าสองสามวัน ราวกับว่าเสิ่นเฉียวไป ติดหนี้ก้อนโตเขาไว้อย่างไรอย่างนั้น

“ที่พูดมาก็ถูกแหละ เขาเป็นผู้ชายแล้วมาทำเรื่อง ขายหน้าต่อหน้าเรา ก็คงจะลืมไปลงแน่นอน งั้นสองสามวันนี้ฉันยังไม่ไปเจอเย่โม่เซินตรงๆ ดีกว่า อ้อจริงสิ.. พอฉันคืนดีกับเธอแล้วทำไมถึงไม่เห็นหานเส่โยวมาหา เธออีกหล่ะ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นเฉียวก็ ลดลงเล็กน้อย พูดไปก็แปลก ตั้งแต่วันที่เธอทะเลาะกับ หานเส่โยว หานเส่โยวก็ไม่มาหาเธออีกเลย บางทีเธอ อาจจะโกรธ แต่เสิ่นเฉียวก็ไม่อยากแบกหน้าไปง้อเธอ

ด้วยเพราะเธอไม่อยากที่จะเอาความจริงไปบอก แก่เย่หลิ่นหาน

แต่หานเส่โยวนั้นก็จะคอยจับคู่เธอกับเย่หลิ่นหาน อยู่เรื่อย มันดีกว่าที่จะไม่ติดต่อกับเธอในตอนนี้ ให้ทั้ง สองฝ่ายใจเย็นๆ กันสักหน่อย แล้วค่อยจัดการกับมันเมื่อ ถึงเวลา

เพียงแต่เสิ่นเฉียวไม่ได้คาดคิดว่า การ เคลื่อนไหวของหานเส่โยวจะ …รวดเร็วขนาดนี้

มันเร็วถึงขนาดที่ทำให้เธอสับสน

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เดิมทีเส้นเฉียวคิดที่ จะโทรหาอีกฝ่ายในวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่คิดเลยว่าอีก ฝ่ายจะเป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อน โทรมาบอกว่าซื้ออาหาร เสริมอะไรสักอย่างมา และจะเข้ามาเป็นแขกที่บ้านตระ กูลเย่ในตอนเย็น

เมื่อได้ยินว่าเธอจะเข้ามาที่บ้านตระกูลเย่ เสิ่น เฉียวจึงกังวลเล็กน้อย “เราออกไปคุยข้างนอกไม่ดีกว่า เหรอ? ”
“แกคิดอะไรของแกหน่ะ? อาหารเสริมหน่ะฉันเอา ฝากคุณปู่เย่ ของขวัญของแกหน่ะฉันเตรียมแยกเอาไว้ เฉียวเฉียว แกไม่โกรธฉันแล้วได้มั้ย? ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด หน่ะ”

“อืม งั้นก็ได้ แกจะมากโมงหล่ะ? ”

“อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวฉันเข้าไป”

ครึ่งชั่วโมง? เส้นเฉียวมองดูนาฬิกาก่อนจะลุกขึ้น ยืน “ได้ เดี๋ยวฉันเตรียมตัว”

หลังจากวางสายไปแล้วเธอก็ลุกขึ้นเปลี่ยน เสื้อผ้าเตรียมจะลงไปด้านล่าง เย่โม่เซินกลับมองเธอ ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

มันผ่านไปได้หลายวันแล้วตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ขึ้นวันนั้น เสิ่นเฉียวมองสายตานั้นของเขาก็ได้แต่คิดว่า เขายังโกรธเธออยู่อย่างนั้นเหรอ?

ในขณะที่เธอเดินวนอยู่ใกล้ๆ ตัวเขานั้น ใครจะรู้ หล่ะว่าจะได้ยินเขาพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “เธอมาแตะ ต้องเสื้อผ้าในตู้ของฉันอย่างนั้นเหรอ?

เมื่อได้ยินแบบนั้นเสิ่นเฉียวก็ชะงักก่อนจะมองเขา

ด้วยความสงสัย

“ว่ายังไงนะ?”

เยโม่เซินมองเธอด้วยสายตาคมราวกับมีด “เธอ แตะต้องเสื้อผ้าฉัน? ”

เสิ่นเฉียว : “…แล้วฉันจะไปย้ายเสื้อผ้านายทำไม? ”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้ตู้เสื้อผ้าหลังเดียวกัน แต่ มันแยกเป็นคนละด้าน เธอไม่เห็นมันด้วยซ้ำแล้วจะไป แตะต้องมันได้ยังไง? เยโม่เซินมองใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ ก่อนจะ

พูดอย่างหงุดหงิด “เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้แตะต้อง? ”

“เย่โม่เซิน หรือเพราะนายทำอะไรหายเองแล้ว คิดว่าฉันเป็นคนขโมย? เสื้อผ้านายมีอะไรมีค่านักหล่ะ ฉันอยู่บ้านหลังเดียวกับนาย ถ้าฉันจะขโมยอะไรฉันก็น่า จะเอาของที่มีค่ามั้ย? ฉันจะไปยุ่งกับเสื้อผ้าในตู้นาย ทำไม? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ