เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1360 เธอรู้ไหม



บทที่1360 เธอรู้ไหม

เห็นได้ชัดว่าเธอคือคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุดใน ความสัมพันธ์นี้

ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย แต่ก็กลับกลายมาเป็นมือที่สาม แล้วตอนนี้เขายังมาเสแสร้งทำเป็นไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อ หน้าเธอ!

เสี่ยวเหยียนโกรธจนกัดฟันกรอด หักใจแล้วก็พูดออกมาอย่าง ตรงไปตรงมา “คุณอย่ามาทำเป็นไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อ หน้าฉันเลย ฉันจะเรียกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนะ แล้วคุณจะ มารู้แบบนั้นเนื่องด้วยอะไรกัน? แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ได้ให้คุณ ตามฉันมา ถ้าเกิดว่าคุณรู้สึกว่ามันไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก คุณก็ไปตั้งแต่ตอนนี้ซะสิ”

“ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น” หานซึ่งถอนหายใจยาวออกมา “ที่ตาม เธอมาเป็นความต้องการของฉันเอง ไม่ได้รู้สึกเป็นธรรมไม่เป็น ธรรม เธอยังไม่ได้รับความเป็นธรรมมากกว่าฉันอีก ตอนนี้ดื่มน้ำ ได้รึยัง? ”

เสี่ยวเหยียน: ..ไม่ดื่ม” เธอหันหน้าหนีไปทางอื่น

หลังจากนั้น หานซึ่งก็ไม่ได้ยื่นแก้วน้ำมาตรงหน้าเธออีก เสี่ยว เหยียนคิดในใจว่า เขาน่าจะยอมแพ้แล้ว เธอก็โล่งใจได้แล้ว
วินาทีต่อมา เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าได้ว่าคางของเธอถูกมือของ หานซึ่งจับไว้ ด้านหน้ามืดตื้อ จากนั้นก็มีริมฝีปากนุ่มๆ ประกบลง มาบนริมฝีปากของเธอ

“อุ๊บ”

ไม่รู้ว่าหานซิงวางของในมือลงตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เขาจับ คางของเธอ แล้วอีกมือหนึ่งก็จับด้านหลังของศีรษะเธอไว้แล้วก็ จูบเธอ ส่งผ่านความอุ่นจากปากของเขาไปสู่เธอ

เมื่อลิ้นของเขาสอดเข้ามานั้น เสี่ยวเหยียนก็เขินอายจนหูแดง ไปหมด เธอเอามือทั้งสองข้างต้นหน้าอกของเขาอย่างสุดความ สามารถ

ไอ้เลว……ไมจู่ๆ เขาเปลี่ยนไปกลายเป็น….กระตือรือร้น ขนาดนี้?

แม้แต่คิดใช้วิธีนี้เพื่อป้อนให้เธอ

ถึงแม้ว่าเธอจะชอบเขาก็จริง แต่ว่าวิธีการป้อนน้ำแบบนี้ เธอ รู้สึกรังเกียจ!

เสี่ยวเหยียนขบฟันตัวเองแน่น ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ยอมให้เขา ป้อนนําเข้ามา

ดังนั้นสุดท้ายผลก็คือน้ำก็ไม่ได้กิน แต่ว่าถูกหานชิงจับจูบอยู่ นาน ถึงแม้ว่าเวลาที่ทั้งสองคนคบกันนั้นจะยังไม่นานมากเท่าไหร่ แต่ว่าเรื่องจูบอะไรพวกนี้ก็เคยทำมานับไม่ถ้วนแล้ว

และทุกครั้งก็เหมือนกับว่าจะเป็นหานชิงที่เป็นคนเริ่มก่อนและควบคุม

ดังนั้นผ่านไปแป๊บเดียวเสี่ยวเหยียนก็หมดแรงที่จะปัดป้องแล้ว

ถูกเขาจูบจนร่างกายอ่อนปวกเปียก ทรุดตัวลงในอ้อมแขนของ เขา พอจูบนี้สิ้นสุดลง หานซิงก็เอานิ้วเช็ดที่มุมปากของเธอ แล้วก็

ถามด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ตอนนี้จะยอมดื่มน้ำได้รึยัง? หรือว่าจะ

ให้ฉันป้อนเธอต่อ

“คุณ! ” เสี่ยวเหยียนหน้าแดงไปหมด จ้องหน้าหานซึ่งเขม็ง หานชิงขยับเข้าไปใกล้ แล้วก็จูบที่หน้าผากของเธอ “หม? ”

เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าลมหายใจของเขาร้อนและกระชั้นมากกว่า เมื่อก่อนมาก และตอนที่ทรุดอยู่ในอ้อมแขนของเขานั้นก็รู้สึกได้ ว่าการเต้นของหัวใจของเขานั้นผิดปกติ ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลย แม้แต่นิดเดียว

ถ้าเกิดว่าเธอยังไม่ยอมดื่มล่ะก็ เกรงว่าเขายังจะจูบเธอตรงนี้ อีก ทีนี่คือบนรถไฟ มันน่าขายหน้าจริงๆ

เสี่ยวเหยียนกล้ำกลืนความอัปยศและพูดว่า “ดื่ม เดี๋ยวฉันจะ ดื่มเอง! ”

หลังจากนั้นเธอก็โดนบังคับให้ดื่มน้ำ แล้วก็โดนบังคับให้กิน ข้าวเช้า

เดิมทีเธอจะฝืนทําไปลวกๆ แต่ว่าหานชิงก็เอาแต่จ้องมองเธอ อย่างลึกซึ้ง ท่าทางเหมือนกับว่าถ้าเกิดว่าเธอไม่กินให้มันดีๆล่ะก็เขาจะเข้ามากัดริมฝีปากของเธอยังไงยังงั้น

ดังนั้นสุดท้ายเสี่ยวเหยียนก็ทำได้แค่ตั้งใจกิน พอกินข้าวเช้า เสร็จนั้น เธอก็อิ่มจนแทบจะนั่งไม่ไหวอยู่แล้ว

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คาดไม่ถึงเลยว่าหานซึ่งจะกินกับเธอ ด้วย ไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย

พอเห็นหานซึ่งเป็นแบบนี้ จู่ๆ เสี่ยวเหยียนก็เอ่ยปากถามบาง

อย่าง

“คุณตามฉันออกมาแบบนี้ เธอรู้ไหม? ”

“หืม? ”

หานชิงเงยหน้าขึ้น เหมือนกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็ดูถูกตัวเอง ในใจอย่างรุนแรง เธอจะถามอะไรพวกนี้ออกไปทำไม? หาเรื่อง น่าอายเข้าตัวยังงั้นเหรอ?

ดังนั้นตอนที่หานชิงยังไม่ทันตอบสนองว่าเธอพูดอะไรนั้น เสี่ยวเหยียนก็โกรธอีกแล้ว

“ไม่มีอะไร ทำเป็นว่าฉันไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน! ” หลังจากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาแล้วก็นอนลงไป หานชิงที่ไม่ยังคงไม่รู้อะไรตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เขามองเสี่ยวเหยียนอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปถึง ผ้าห่มของเธอออก “พึ่งจะกินอิ่มยังห้ามนอน ลุกขึ้นมา”
“ฉันจะนอน คุณมายังไม่ได้หรอก”

เสี่ยวเหยียนปัดมือของเขาทิ้ง

ตั้งแต่ตอนที่เธอบอกว่าจะเลิกนั้น เธอก็ไม่เหลือเยื่อใยให้เขา เลย อยากดุก็ดุ อยากด่าก็ด่า แม้แต่อยากตีก็ดี

ปฏิกิริยาแบบนี้หานซึ่งไม่ได้ไม่ชอบ แต่ว่ากลับทำให้เขารู้สึก ดีใจมากกว่า

สาวน้อยของเขาควรจะเอาแต่ใจแบบนี้ อยากทําอะไรก็ทํา แบบนั้น เขาเองก็ยอมที่จะโอ้เธอเหมือนกัน แทนที่จะพยายาม ทำให้เขาพึงพอใจทุกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาเคยอยากจะเปลี่ยนนิสัย ของเธออยู่หลายครั้ง

แต่ว่าก็ทำไม่สำเร็จ นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้…….

ไม่แน่ว่าบางทีนี่อาจจะเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่เปลี่ยนวิธีการที่ พวกเขาอยู่ด้วยกัน

สรุปก็คือ คนที่เขาจับเอาไว้แล้ว ตลอดชีวิตนี้ก็จะไม่มีวันปล่อย

มือ

“ฉันก็ไม่ได้อยากจะควบคุมเธอหรอก แต่ว่าแบบนี้มันไม่ดีต่อ กระเพาะ”

“นั่นมันก็เรื่องของฉัน”เสี่ยวเหยียนพูดอย่างดุร้าย “กระเพาะ ของฉัน ฉันตัดสินใจเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ

หานชิงโน้มตัวลง “ตอนนี้ยังไม่ได้เลิกกัน กระเพาะของเธอถือว่าเป็นของฉันครึ่งหนึ่ง”

“คุณ! “พอเขาเข้ามาใกล้ เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง สุดท้ายก็ตาออกมาประโยคหนึ่ง “ไร้ยางอาย” หลังจากนั้นเธอก็ ลุกขึ้นนั่ง เธอรู้สึกโกรธหานซึ่งจะตายอยู่แล้ว

บังคับให้เธอทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน

ลงจากรถไฟเมื่อไหร่ เธอจะทิ้งเขาทันที จนถึงตอนนั้นเธอก็จะ ไปหาช่อน จะไม่เจอกับเขาอีก

และในตอนนี้ ก็เหมือนกับว่าหานซึ่งได้ยินเสียงในใจของเธอ ยังไงยังงั้น เกี่ยวนิ้วของเธอไว้ “ด่าฉันในใจอยู่งั้นเหรอ? ”

เสี่ยวเหยียน ใจเต้น

เอ๊ะ นี่เขารู้ได้ยังไงกัน? หรือว่าเขาได้ยินเสียงในใจของเธอนั้น เหรอ?

“ถ้าเกิดว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ก็ต้อง เรียนรู้ที่จะยับยั้งการแสดงออกทางสีหน้าและแววตาของตัวเอง แค่เรื่องพวกนี้มันก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างแล้ว”

“หึ”เสี่ยวเหยียนหันหน้าไปทางอื่น ขี้เกียจจะสนใจเขา หานชิงหลับหรี่ตาลง สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม เขายังไม่ลืมประโยคที่เสี่ยวเหยียนพูดเมื่อกี้นี้ ประโยคนั้นที่ว่า ที่คุณตามฉันออกมาแบบนี้ เธอรู้ไหม? เธอคนนั้นคือใครกัน? ตอนนั้นเขายังตอบสนองไม่ทัน แต่ว่าตอนนี้พอกลับมาย้อนคิดดูแล้ว ก็กลับรู้สึกว่าประโยคนั้นมันมี ปัญหา

เขาออกมาแบบนี้จําเป็นต้องได้รับอนุมัติจากใครด้วยเหรอ?

นอกจากคนที่เกี่ยวข้องกับเขา หานซึ่งก็นึกออกเพียงแค่คนเดียว นั่นก็คือหาน จื่อน้องสาวของเขา แต่ว่าการที่เขาจะออกมา ก็คงไม่ได้จำเป็นต้องบอกเธอหรอ

กมั้ง?

ถ้ายังงั้นยังเป็นใครได้อีก?

ดูท่าว่ารอให้เธออารมณ์เย็นลงเมื่อไหร่ เขาต้องถามเธอให้ชัด

เวลานั่งรถเป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุดแล้ว มีหลายเรื่องที่ไม่ สามารถทำได้ เสี่ยวเหยียนนั่งไปพักหนึ่งก็รู้สึกทุกข์จริงๆ ดังนั้น เธอก็เลยนอนลง หานซึ่งก็ไม่ได้ไปห้ามเธอ แถมยังห่มผ้าห่มให้ เธอ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “นอนเถอะ”

ตอนนี้อยู่บนรถไฟ เสี่ยวเหยียนรู้ว่าเขาก็จะเอาแต่เฝ้าอยู่ข้าง กายเธอ ก็เลยไม่พูดอะไรแล้ว ปล่อยให้เขาทำเรื่องพวกนี้ให้ตัว เองไป ไม่นานเธอก็หลับตาลงและนอนหลับไป

หลังจากนั้น เสี่ยวเหยียนก็เริ่มฝันร้ายอีกครั้ง

ในฝันนั้น เธอไปที่บริษัท

และถูกคนหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง “ผู้หญิงหน้าไม่อาย เป็นชู้แล้วมีความสุขไหมล่ะ? ”
“ฉันละเกลียดพวกชู้ที่หน้าชื่อใจคดแบบนี้จริงๆ เลย อะไรก็ไม่ ท่า วันๆ เอาแต่นึกถึงเรื่องที่จะทำลายความสัมพันธ์กับงานแต่ง ของคนอื่น ไม่มีผู้ชายรักเธอแล้วยังงั้นเหรอ? หรือว่าขาดความ

“ก็ใช่ไง ไม่ยังงั้นก็คงไม่หิวโหยขนาดนั้นหรอก แม้กระทั่งมา แย่งสามีกับผู้ชายของคนอื่น? เกิดมาจริงๆ!

เสี่ยวเหยียนส่ายหน้า “ไม่ ฉันไม่ได้แย่ง ฉันเปล่า…ฉัน ไม่รู้…ฉันไม่ใช่ ไม่ใช่ “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ