เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1053 น้าเสี่ยวเหยียน ไม่ต้องยิ้มแล้ว



บทที่1053 น้าเสี่ยวเหยียน ไม่ต้องยิ้มแล้ว

หาเชิง “….”

นัยน์ตาเขาดูคลุมเครือและเข้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เอนตัว ปลดเข็มขัดนิรภัยให้เสี่ยวหมี่โต้ว

“ลงไปสิ ไปหาน้าเสี่ยวเหยียนของนายสิ

เสี่ยวหมี่โต้วนั่งไม่ขยับและเงยหน้าจ้องมองหานซึ่งด้วยแวว ตาคู่นั้น

“คุณน้า คุณน้ายังไม่ตอบคำถามของผมเลยนะว่าคุณน้ารู้ได้ ยังไงว่าน้าเสี่ยวเหยียนพักอยู่ที่นี่?”

เสี่ยวหมี่โต้วเหมือนกำลังจะบอกว่า ถ้าคุณน้าไม่ตอบผม ผมก็

ไม่ยอมไปหรอก

หานซึ่งเม้มริมฝีปากหนา สีหน้าเรียบเฉย “ด้วยความสามารถ ของน้า นายคิดว่าการที่น้าอยากรู้ว่าใครสักคนพักอยู่ที่ไหน มัน ยากนักเหรอ?”

“ในเมื่อรู้แล้วก็ลงรถ น้ายังต้องไปบริษัท

“แต่ว่า ผมไม่รู้ว่าน้าเสี่ยวเหยียนพักอยู่ห้องไหน คุณน้าพาผม ขึ้นไปหน่อยได้?”

หานชิงเหลือบตามองเสี่ยวหมี่โต้ว เจ้าเด็กคนนี้ได้คืบจะเอา

ศอกจริงๆเลย
“คุณน้าเก่งขนาดนี้จะต้องรู้แน่ๆว่าน้าเสี่ยวเหยียนพักอยู่ห้อง ไหน? คุณน้าพาผมไปหน่อยนะฮะ เสี่ยวหมี่โต้วกลัวที่ต้องไปคน เดียว”

พอพูดเสร็จเสี่ยวหมี่โต้วก็เข้าไปเกาะแขนหานซึ่งไม่ยอม ปล่อย นี่เขาตั้งใจดื้อแพ่ง

ถ้าเขาไม่ไปส่ง คาดว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะยังคงดื้อกับเขาแบบนี้ ถ้าเขาไปส่ง…

ที่แน่ๆหานซึ่งก็ไม่รู้ว่าเธอพักอยู่ห้องไหน

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หานซิงก็เปิดประตูรถเดินลงไปกับ เสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวหมี่โต้วเดินอยู่ข้างหานชิงด้วยท่าทางกระ กระดโดยเขาคิดว่าคุณน้าจะพาเขาไปถึงหน้าประตูบ้านน้าเสียว เหยียน

แต่ไม่คิดเลยว่าพอลงจากรถ หานซิงก็พาเขาไปถามรปภ.

เสี่ยวหมี่โต้ว ..….….….

อะไรเนี่ย ดูเหมือนไม่รู้จริงๆสินะ?

หลังจากถามเสร็จแล้ว หานซิงก็พาเขาขึ้นไป

ติ๊งต่อง

เสี่ยวเหยียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมานานตั้งแต่กลับมาถึง บ้าน จากนั้นก็เอาน้ำแข็งประคบตา เมื่อแน่ใจแล้วว่าตาของตัว เองหายบวมแล้ว เธอถึงจะโล่งอกได้
แม้ว่าดวงตาของเธอจะยังคงเป็นสีแดงเล็กน้อย แต่สภาพเธอ แบบนี้รอจนถึงตอนเย็นก็คงดีขึ้น พอถึงตอนนั้นพ่อกับแม่ก็มอง ไม่ออกถึงความแตกต่าง

ตอนนี้เวลายังไม่สายมาก เสี่ยวเหยียนไม่มีอารมณ์จะทำอย่าง อื่นแล้ว ดังนั้นเธอจึงเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อดูของตกแต่งร้าน

นายหลินคนนั้นเป็นคนช่างพูดมาก แม้ว่าเธอไม่ต้องเข้าไป ตกแต่ง แต่ถ้าอยากเพิ่มของตกแต่งเล็กๆน้อยๆก็สามารถทำได้

หลังจากท่องอินเทอร์เน็ต เสี่ยวเหยียนก็เลือกดูอย่างละเอียด

เวลาค่อยๆผ่านไปเหมือนสายน้ำไหล

ติ๊งต่อง——

ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น เสี่ยวเหยียนผงะไปชั่วขณะ และเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ

เธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า? กริ่งที่หน้าประตูดังเนี่ยนะ? เสี่ยวเห ยียนเหลือบมองออกไปโดยไม่รู้ตัว มีคนมาในเวลาแบบนี้ด้วย เหรอ?

หรือจะเป็นป้าจางที่อยู่บ้านข้างๆ

พอคิดได้ดังนั้น เสี่ยวเหยียนก็วางมือจากเม้าส์แล้วลุกขึ้นไป

เปิดประตู

หลังจากเปิดประตู เสี่ยวเหยียนก็เห็นคนยืนอยู่หน้าประตู เธอ ยืนตัวแข็งอยู่กับที่
“เสี่ยวหมี่โต้ว ? ? ”

เขามาได้อย่างไร? เขาอยู่ร้านอาหารกับทานซึ่งไม่ใช่เหรอ? ทําไมถึง..

“น้าเสี่ยวเหยียน” ตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วกำลังเรียกเขา หางตาก็ เหลือบมองคนที่อยู่ข้างบันได หลังจากที่ได้ยินเสียงฝีเท้าในห้อง คุณน้าก็เดินออกไปอยู่อีกด้าน ในเวลาเดียวกันก็ไม่ให้เขาพูด อะไร เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นพบเขาที่นี่

แม้เสี่ยวหมี่โต้วจะไม่ได้พูดเลอะเทอะ แต่สายตาของเขาก็ยัง คงเหลือบมองไปทางหานซึ่งอยู่ตลอด

หานชิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว พอรู้ตัวว่าทำแบบนี้ดูจะไม่ค่อยดี เท่าไหร่ เขาจึงเดินเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่เสี่ยวเหยียนจะสังเกตเห็น จากนั้นก็จากไป

แน่นอนว่าเสี่ยวเหยียนสังเกตเห็นว่าเสี่ยวหมี่โต้วมีท่าทาง แปลกๆเหมือนคิดอะไรอยู่ เธอจึงเริ่มอยากจะยื่นศีรษะออกไปดู

แต่หลังจากคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง การเคลื่อนไหว ของเธอก็กลับมาแข็งทื่อ เธอไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าเลย

“น้าเสี่ยวเหยียน” เสี่ยวหมี่โต้วเรียกเธออย่างน่าสงสาร

เสี่ยวเหยียนตั้งสติได้อีกครั้ง เธอยิ้มและโน้มตัวไป “ในเมื่อมา แล้ว งั้นก็เข้ามาก่อนสิ

สายตาของเสี่ยวหมี่โต้วดูผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าคุณน่าจะหนีไป เร็วขนาดนี้ ส่วนน้าเสี่ยวเหยียนก็ดูเหมือนจะไม่อยากออกไปดู
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

หลังจากที่เข้ามา เสี่ยวเหยียนก็รีบปิดประตูด้วยความรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วคิดไปเองหรือไม่ เขามักจะรู้สึกว่าน้าเสี่ยวเหยี ยนปิดประตูแรงไปหน่อย

“เสี่ยวหมี่โต้วอยากดื่มอะไรหน่อยไหม? น้าเสี่ยวเหยียนรินน้ำ ผลไม้ให้เอาไหม? ไม่ได้ ตอนนี้อากาศหนาวเกินไป กินน้ำผลไม้ แล้วจะไม่ดีต่อกระเพาะเธอ งั้นน้าเสี่ยวเหยียนไปชงชานมร้อนๆ มาให้ดีกว่า”

พอพูดเสร็จก็ไม่รอให้เสี่ยวหมี่โต้วตอบตกลง เธอเดินเข้าไป

ในห้องครัว

เสี่ยวหมี่โต้วยืนนิ่งอยู่กับที่ ผ่านไปได้สักพักเขาก็ถึงจะสาวขาสั้นๆของตัวเองเดินเข้าไป

ในครัว

จากนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็ยืนพิงอยู่ที่ประตูห้องครัวพลางมองน้า เสี่ยวเหยียนที่กำลังชงชานมให้ตัวเองอยู่ข้างใน ดูเหมือนน้า เสี่ยวเหยียนจะไม่มีความสุขเอาเสียเลย

“น้าเสี่ยวเหยียน ทำไมตาบวม?”

ท้ายที่สุดเสี่ยวหมี่โต้วก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยตัวเอง

เสี่ยวเหยียนที่กำลังชงชานมชะงักไป จากนั้นก็ตอบคำถาม เสี่ยวหมี่โต้ว เธอเงียบไปนานราวกับว่าบรรยากาศเงียบตาม
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็เทชานมที่ชงเสร็จแล้วใส่ไว้ ในแก้วพร้อมกับเดินมาหาเสี่ยวหมี่โต้ว

ไอร้อนของชานมลอยอยู่ในอากาศ ใบหน้าของเสี่ยวเหยียน เลือนรางเล็กน้อยอยู่ท่ามกลางไอจางๆ

“อ่ะ เสร็จแล้ว”

เธอก้มลงเล็กน้อยแล้วยกชานมใส่มือเสี่ยวหมี่โต้ว

“ค่อยๆดื่ม ดื่มเสร็จแล้วจะได้อุ่นขึ้นมาหน่อย เธอมาในเวลา แบบนี้น่าจะยังทานข้าวไม่อิ่มสินะ? งั้นน้าเสี่ยวเหยียนทำอะไรให้ กินอีกดีไหม? อืม ทำบะหมี่ง่ายๆแล้วก็เพิ่มเนื้อเป็นไง?

“น้าเสี่ยวเหยียน…” เสี่ยวหมี่โต้วยิ้มไม่ออกและไม่ได้ตอบ ตกลง เขารู้สึกได้ว่าแม้น้าเสี่ยวเหยียนจะยิ้มแต่ก็ดูออกได้ว่าเธอ เศร้ามาก

พอคิดได้ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็ยื่นมือออกมาแล้วลูบหน้าเสียว หยียนเบาๆ “น้าเสี่ยวเหยียน ไม่ต้องยิ้มแล้ว”

เสี่ยวเหยียนฝืนยิ้ม จากนั้นขอบตาก็เริ่มแดงเล็กน้อย ในไม่ช้า เธอก็ตระหนักได้ว่าเธอไม่สามารถตั้งสติได้ เธอจึงรีบหันหลัง ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา

“เสี่ยวหมี่โต้ว น้าเสี่ยวเหยียนไม่เป็นไร แต่ว่า…น้าเสี่ยวเหยี ยนเป็นน้าสะใภ้ของเสี่ยวหมี่โต้วให้ไม่ได้แล้วนะ เธอ…อย่าโทษ น้าเสี่ยวเหยียนได้ไหม?”

เสี่ยวหมี่โต้ว “.….…”
เขากอดแก้วซานม โดยไม่พูดอะไร

“แต่ก่อนน้าเสี่ยวเหยียนเคยคิดจะเป็นน้าสะใภ้ของเสี่ยวหมี่ โต้ว ต่อมาก็เลยยิ่งเอาใจใส่เสี่ยวหมี่โต้ว แต่ตอนนี้พอคิดคิดดู แล้ว…ดูเหมือนว่าไม่ต้องเป็นน้าสะใภ้ น้าก็จะเอาอกเอาใจเสียว หมี่โต้วต่อไปได้ เสี่ยวหมี่โต้ว วันหลังถ้าคิดถึงน้าเสี่ยวเหยียน โทรศัพท์มาก็ได้ น้าเสี่ยวเหยียนจะรีบไปรับเธอ คุณน้าของเธอ เขางานยุ่ง ต่อไปเรื่องแบบวันนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก เข้าใจไหม?”

เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดราวกับว่ากำลังพูด อะไรบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ

พอเสี่ยวหมี่โต้วได้ฟังก็รู้สึกเศร้ามาก

“น้าเสี่ยวเหยียนจะยอมแพ้แล้วเหรอฮะ?”

เสี่ยวเหยียนตัวสั่น

ยอมแพ้?

ใช่แล้ว เธอคิดเข้าข้างตัวเองมานาน เธอควรยอมแพ้ได้แล้ว หากเธอไม่ยอมแพ้ ในตอนสุดท้ายเธอจะไม่เหลืออะไรแม้แต่ เศษเสี้ยวเดียว แล้วในอนาคต…เธอจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร?

แต่สําหรับเสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวเหยียนไม่ต้องการนำความโศก เศร้าของตัวเองทิ้งไว้ให้เขา เธอจึงได้แต่พูดอย่างผ่อนคลาย ก็ ไม่ใช่ว่ายอมแพ้หรอก น้าเสี่ยวเหยียนก็แค่เพิ่งค้นพบว่าในชีวิต ยังมีเรื่องสนุกๆอีกมากมาย แล้วต่อไปน้าเสี่ยวเหยียนก็ต้องเปิด ร้านด้วย จะต้องยุ่งมากๆ คงไม่มีเวลาไปคิดเรื่องจะไปเป็นน้าสะใภ้ให้คุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้วหรอก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ