เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1356 การสั่งสอนมีปัญหา



บทที่1356 การสั่งสอนมีปัญหา

เสียงของป้านันทะลุทะลวงมาก

ดังนั้นต่อให้กำลังฟังเพลง เสี่ยวเหยียนก็ได้ยินอย่างชัดเจนว่า เธอกำลังเหน็บแนมตัวเองอยู่

สายตาของเธอเยือกเย็นขึ้นหลายเท่า ไม่คาดคิดเลยว่าการนั่ง รถไฟจะซวยได้พบเจอคนแบบนี้

เธอขี้เกียจที่จะไปต่อกรด้วย ก็เลยหลับตาแล้วก็พึ่งไปด้านหลัง ปรับเสียงเพลงให้ดังขึ้น ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไร

เดี๋ยวพอได้ลงรถไฟก็จะดีแล้ว เสี่ยวเหยียนคิดในใจ

อากาศเย็นในเวลากลางคืน ตอนแรกเสี่ยวเหยียนก็ไม่รู้สึก ง่วง แต่ว่าหลังจากนั้นก็ค่อยๆ หลับไป และรถไฟในเวลานี้ก็ต่าง เร่งรีบ ดังนั้นตอนแรกส่วนใหญ่ก็วุ่นวาย แต่ว่าหลังจากนั้นก็เริ่ม เงียบลง

ในสภาพแวดล้อมนี้ เสี่ยวเหยียนก็ยังรู้สึกง่วงนอน เธอหลับตา และพักผ่อนเล็กน้อย

เธอกระชับเสื้อคลุมและนอนต่อ

ใครจะไปรู้ว่าผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ เด็กน้อยข้างๆ ก็เริ่ม

วุ่นวายอีกครั้ง วุ่นวายอยากจะได้หูฟังของเธอ คนรอบข้างทนฟังไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ก็เลยต่อว่าคุณป้าคนนั้น
“ช่วยสั่งสอนเด็กของคุณให้ดีหน่อยได้ไหม ตอนนี้ทุกคนนอน หมดแล้ว หยุดเสียงดังได้รึยัง? ”

คุณป้าโต้กลับอย่างไม่ลังเล “จำเป็นต้องให้คุณมาสอนด้วย ไง? เด็กเล็กไม่เชื่อฟังคำพูดแล้วจะให้ฉันทำยังไงได้อีก? ถ้าไม่ ชอบเสียงดังแล้วทำไมคุณไม่เหมารถไฟทั้งขบวนกลับไปล่ะ? “

คนคนนั้นทนกับเสียงดังไม่ไหวแล้วก็เลยพูดประโยคหนึ่งออก

มาอย่างอดไม่ได้

ใครจะไปรู้ว่าจะโดนด่ากลับอย่างจัง ดังนั้นจึงได้แต่นิ่งเงียบ เพราะว่าเสียหน้า

แต่น่าจะเพราะว่าป้าอารมณ์เสีย ค่าแค่สองประโยคยังไม่ พอใจ ก็เลยเหน็บแนมต่อ

“คนบางคนน่ะนะ ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเองอีก ซื้อแค่ตัวหนัง ยังจะร้องขออะไรมากมาย คิดว่าตัวเองเป็นพระราชาหรือยังไง นั่งรถไฟยังมีข้อเรียกร้องเยอะแยะ แม้แต่ตัวแบบนอนยังซื้อไม่ได้ แล้วจะมาพูดอะไรตรงนี้? ดูท่าทางหวาดกลัวเข้าสิ แม้แต่ ประโยคเดียวยังไม่กล้าตอบโต้เลย”

คนคนนั้นหน้าแดงคอบวมด้วยความโกรธ และพูดอย่าง เกรี้ยวกราดว่า “ใครบอกว่าฉันซื้อตั๋วนอนไม่ได้? ถ้าไม่ใช่เพราะ ว่า วนอนเต็มหมดแล้ว ฉันก็ไม่ซื้อตั๋วนั่งหรอก! ”

“งั้นเหรอ? พูดได้ลำพองจริงๆ เลยนะ แต่ว่าเธอก็เหมาทั้งโบกี้ ไม่ได้อยู่ดี คนอะไรกัน จริงๆ เลย เด็กเล็กเสียงดังหน่อยก็เป็น เรื่องปกติไม่ใช่รึไง? ยังไม่มีการศึกษาหรือว่าการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
“เหอะ คุณป้าคุณพูดถูกทั้งหมดเลยค่ะ ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว พอใจรึยังคะ”

“เถียงไม่ได้ก็เริ่มแถ นี่มันอะไรกัน? ”

พอพูดจบ ทันใดนั้นป้าคนนั้นก็หยิบเม็ดแตงออกมาจาก กระเป๋าแล้วโยนให้เด็กน้อย ในอ้อมแขนของตัวเอง “แกะเม็ด แตงไป จะร้องไห้อะไรกัน? ได้ยินไหมว่าเมื่อกี้มีคนด่าแกน่ะ? ถ้า เกิดว่ายังร้องไห้อีกจะโยนลงจากรถไฟไปเลย”

เด็กคนนั้นโดนดุแบบนี้ ก็เงียบลงไปเยอะ น่าจะเพราะว่าเห็น เม็ดแตงนั้น ก็เลยรับไปแล้วเริ่มแทะ

รอบข้างก็ค่อยๆ เงียบลง ในที่สุดเสียวเหยียนก็โล่งใจ ตอนที่ เตรียมจะหลับต่อนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

เพราะว่าเด็กคนนั้นเริ่มขว้างเปลือกเม็ดแตงใส่เธอ

ตอนแรกเพราะว่าเสี่ยวเหยียน ใส่เสื้อผ้าหนา ก็เลยไม่รู้ตัว แต่ ก็ค่อยๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ดังนั้นพอเธอก้มหน้าดู ก็พบว่าเสื้อผ้าของเธอมีเศษเปลือกเม็ด แตงอยู่เยอะ ตอนที่เธอมองไปที่เด็กคนนั้น ในสายตาของเขาก็ เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

เหมือนกับว่าจงใจ เพราะว่าเมื่อกี้เขาอยากได้หูฟังของเธอ แต่ ว่าเธอไม่เอาหูฟังให้เขาเล่น เหมือนกับว่าเขากำลังแก้แค้นเธอยัง ไงยังงั้น

คิดไปคิดมา เสี่ยวเหยียนก็เบะปาก แล้วก็ถอดหูฟังออก
“คุณป้าตะ”

คุณป้าก็กำลังแทะเม็ดแตงอยู่ พอได้ยินก็หันหน้ามามองเสียว

เหยียน “ตอนที่เด็กของคุณกินเม็ดแตงนั้น เขาปาเปลือกใส่เสื้อผ้าฉัน

นะคะ”

เธอชี้ไปที่เศษเปลือกบนเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนแรกนึกว่าป้า คนนั้นจะขอโทษ ใครจะไปคิดว่าเธอจะแค่าเลืองมอง หลังจาก นั้นก็พูดจาเหยียดหยามว่า “ก็แค่เปลือกไม่กี่อันไม่ใช่เหรอ? เด็ก เล็กยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ผู้ใหญ่อย่างคุณจะถือสาอะไรเขากัน? ก็แค่ เอามือปัดออกก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ? ”

เสี่ยวเหยียนที่เดิมทีอารมณ์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก พอได้ยิน ประโยคนี้ ความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมา

เธออยากจะระเบิดอารมณ์ แต่ก็รู้สึกว่ามันน่าขัน มองหน้าป้า คนนั้นอยู่นานแล้วก็พูดว่า “คุณไม่คิดว่าการที่เด็กเป็นแบบนี้ เพราะการสั่งสอนมีปัญหาเหรอคะ? เขาไม่โยนลงถังขยะก็ช่าง เถอะ แต่ว่ามาโยนใส่คนอื่น แต่คุณกลับคิดว่าฉันมาถือสาเด็ก น้อยยังงั้นเหรอ?

“แล้วไม่ใช่รึยังไง? เขาพึ่งจะอายุเท่าไหร่กันเชียว สาวน้อย อย่าเธอหน้าตาก็ดูสดใสมีชีวิตชีวา แต่ทำไมถึงได้นิสัยแย่แบบ นี้? เด็กอายุแค่นี้จะให้พูดกับเขายังไงกัน? ก็บอกเธอแล้วไงว่า เขายังไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอก็แค่ปัดออกก็จบแล้วไม่ใช่ไง? ”
คนรอบๆ ได้ยินเสียงดัง นอนไม่หลับ ก็เลยเริ่มหันมาสนใจ ละครฉากนี้แทน

เสี่ยวเหยียนหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วก็ได้กลับทันที

“เปลือกเม็ดแตงนี้มีน้ำลายของลูกคุณอยู่ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่า เด็กคนนี้สุขภาพแข็งแรงรึเปล่า ไปสัมผัสน้ำลายเขาเข้า ถ้าเกิด ว่าฉันติดเชื้อขึ้นมาทำยังไง? ”

ประโยคนี้เธอพูดออกมาด้วยความโกรธ แต่ว่าไม่ได้ตั้งใจจะ แซงอีกฝ่าย

แต่ว่าตอนนี้เธอโกรธจริงๆ ถ้าเกิดว่าป้าขอโทษเธอแต่แรก และรีบปัดเปลือกออก ให้เธอ พร้อมกับสั่งสอนเด็กคนนี้หน่อย เธอก็น่าจะปล่อยไป

แต่ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แม้แต่ไม่ขอโทษ แต่ว่ากลับท่าทาง เหมือนมันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลและหยิ่งผยอง ทำให้เธอรู้สึกว่า

เธอทนไม่ได้

เด็กเปรต ต้องสั่งสอนซักชุด!

ใครจะไปรู้ว่าพอป้าได้ยินดังนั้นก็โมโหขึ้นมา “ตายแล้ว พระเจ้าช่วย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ความคิดชั่วร้ายแบบนี้? นึก ไม่ถึงเลยว่าจะกลับมาแช่งให้เด็กน้อยของฉันป่วย! ”

ป้าคนนี้เหมือนกับว่าได้ยินเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมากยังไงยังงั้น เริ่มตะโกนโหวกเหวกขึ้นมาในโบกี้

“ทุกคนช่วยฉันตัดสินผิดถูกหน่อย ผู้หญิงคนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่อยู่นะ เด็กน้อยของฉันก็แค่ไม่ทันระวังแล้วเผลอปา เปลือกเม็ดแตงไปโดนเสื้อผ้าของเธอเท่านั้นเอง ก็เด็กเล็กน่ะเนอ จะดื้อนิดหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ แต่เธอกลับแช่งให้เด็กน้อยของ ฉันป่วย! ทำไมถึงมีคนแบบนี้ได้? พระเจ้า ทุกคนช่วยฉันตัดสิน หน่อยค่ะ”

ป้าคนนั้นเริ่มร้องไห้โวยวายออกมา แต่ว่าไม่มีใครช่วยเธอพูด อะไร

เพราะว่าก่อนหน้านี้หลานของเธอเสียงดัง ตอนนั้นก็กลายมา เป็นเธอเองที่เสียงดัง ดังนั้นทุกคนก็เลยรู้สึกรำคาญเธอมาก ไม่มี ใครอยากพูดอะไรให้เธอ

ป้าคนนั้นร้องไห้อยู่นาน ก็ไม่มีใครช่วยเธอตัดสิน เธอก็เลย เริ่มด่าเสี่ยวเหยียนอีกครั้ง

“ทำไมสาวน้อยอย่างเธอถึงได้จิตใจชั่วร้ายแบบนี้? เธอก็คง ยังไม่ได้แต่งงานไม่มีลูกสินะ? ฉันจะบอกอะไรให้อย่างเธอเนี่ย ถ้ามีลูก ลูกจะเกิดออกมาไม่มีรูก้น ฉันบอกเลย

เสี่ยวเหยียนกำลังท้องอยู่พอดี พอได้ยินอีกฝ่ายแช่งตัวเอง แบบนี้ เธอก็โมโหขึ้นมาทันที เธอยิ้มเยาะและพูดว่า “ถ้าเกิดว่ามี ลูกแล้วตัวเองไม่รู้จักสั่งสอน ปล่อยให้เขาก่อความวุ่นวายไปทั่ว ถ้ายังงั้นไม่มียังจะดีซะกว่า สร้างความรำคาญไปทั่ว ป้าควรจะ ดีใจนะที่วันนี้ได้เจอผู้หญิงอย่างฉัน ไม่ใช่ผู้ชายหยาบคาย อารมณ์ร้อน ไม่ยังงั้นลูกของป้าคงถูกจับออกไปจากรถไฟแล้ว แล้วอีกอย่าง อะไรที่เรียกว่าเผลอปาเปลือกใส่ไม่ทันระวัง? ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าจงใจปาใส่ ป้าในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กลับไม่สนใจดูแล ปล่อยให้ลูกก่อความวุ่นวายแบบนี้น่ะเหรอ? ดูจากอายุของป้า แล้ว คงเป็นย่าของเขาสินะ? ป้าเลี้ยงหลาน ให้กลายเป็นคนไร้ ประโยชน์ที่ไม่รู้จักมารยาทแบบนี้ ลูกชายกับลูกสะใภ้ป้ารู้ ไหม? ”

ตอนแรกเสี่ยวเหยียนก็แค่ขี้เกียจจะพูดกับเธอ แต่นั่นก็ไม่ได้ หมายความว่าเธอจะเถียงไม่ได้

ตอนนี้พอโต้กลับป้าคนนี้ คำพูดก็ฉลาดและเปล่งประกาย ทำให้ป้าคนนั้นอึ้งไปเลย

คนรอบๆ ที่ไม่ชอบป้า ก็รู้สึกชื่นชมเสี่ยวเหยียน

หลังยากเสี่ยวเหยียนพูดจบแล้วก็มองอีกฝ่ายด้วยหางตา ตอน ที่เตรียมจะใส่หูฟังอีกครั้ง จู่ๆ ป้าคนนั้นก็บีบแขนเล็กๆ ของเธอ ไว้ “เธอกล้าพูดกับฉันแบบนี้งั้นเหรอ ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้? ไม่ยัง งั้นวันนี้ฉันไม่จบแน่!!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ