เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1062 ฉันจะกล้าสบายใจได้ยังไง



บทที่1062 ฉันจะกล้าสบายใจได้ยังไง

ทันใดนั้น ภายในรถเงียบสงบลงทันที

ดูเหมือนว่าหลินสวี่เจิ้งจะเอาเรื่องหานซึ่งให้ถึงที่สุด ตั้งใจ เติมเรื่องนี้ให้มากขึ้น ทำเหมือนเป็นการบีบบังคับหาเชิง

จากนั้นสักพัก หานซึ่งหยิบมือถือออกมาโทรออก

หลินสวี่เจิ้งหรี่ตาลง “ทำอะไร?”

“เรียกคนขับรถให้มาขับแทน

หลินสวี่เจิ้งตก ใจตะลึง หุบยิ้ม “ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ? ก็ แค่หยอกล้อเล่นเฉยๆ ทำท่าเหมือนถูกคนเหยียบเท้า?” หานชิงไม่สนใจเขา สายในมือถือถูกโทรออกไปแล้ว หลินส

เจิ้งเห็นเช่นนั้นรู้สึกทนไม่ไหว ยื่นมือออกไปกดหน้าจอมือถือไว้

“อย่ามายุ่งได้ไหม? ปวดหัวแล้ว กลับเถอะ

หานชิงหันหน้ามามองหน้าเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แวว ตานําสนิท

“จำไว้ให้ดีว่านายยังติดหนี้บุญคุณฉันอยู่ ยังไม่ได้ชดใช้ ครั้ง หน้าค่อยหาโอกาสให้นายชดใช้” หลินสวี่เจิ้งพูดจบก็เก็บมือ กลับ จากนั้นนั่งลงพิงพนักที่นั่ง ปิดตาลง ท่าทางดูอ่อนเพลียมาก

เมื่อหานชิงเห็นว่าเพื่อนสนิทของเขาดูไม่สบายจริงๆ จึงไม่ได้ ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเขาอีก จึงเก็บมือถือและขับรถต่อไป
แสงอาทิตย์ยามพลบค่ำ ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง ถึงเวลาทาน อาหารเย็น ลูกค้าภายในร้านที่เพิ่มขึ้น

เสี่ยวเหยียนคิดไม่ถึงเลยว่าจะขายดีมากขนาดนี้ตั้งแต่วันแรก หล่อนยุ่งทั้งวันจนไม่ทันได้กินข้าวสักคำ พนักงานผู้ช่วยทั้งสองก็ ยุ่งมากจนไม่ได้หยุดพัก

แม้แต่หลัวหุ้ยเหม่ยกับพ่อจางต่างพากันอยู่ช่วยด้วย

หานมู่จื่อซึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์ ทุกคนจึงไม่มีใครกล้าให้หล่อน ทำอะไร และตัวหล่อนเองก็ไม่ได้ทำเรื่องวุ่นวายอะไร แต่ที่หล่อน ไม่ทําอะไรก็ไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะเรียกให้คนอื่นทำไม่ได้

หล่อนสะกิดเย่ไม่เป็นที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“ดูเหมือนในร้านยุ่งกันมากเลยนะ หรือว่า…นายไปช่วยเสิร์ฟ หน่อยไหม?”

เยโม่เป็นที่ถูกสะกิดอ้าปากขึ้นทันที “เสิร์ฟอาหาร?”

เขาทำท่าทีเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน แม้ว่าจื่อจะเป็น คนเอ่ยปากพูด แต่…ให้เขาไปเสิร์ฟอาหาร

เย่โม่เชินมองหานมู่จื่อด้วยความตั้งใจ ในแววตาแฝงไปด้วย คําถาม

น่าเสียดายที่หาน จื่อมองไม่ออก เมื่อทั้งสองสบตามองกัน หานมู่จื่อยังกระพริบตามองเขาด้วยความใสซื่อ “ไปสิ”

ริมฝีปากของเย่โม่เซินกระตุกขึ้น เมื่อพ่อจางที่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น จึงรีบหัวเราะขี้น: “ฮ่าๆๆ คุณนาย คุณก็หยอกเขา มากเกินไป ประธานเยู่กับคุณนายมาที่ร้านนี้ได้ก็ถือว่าเป็น เกียรติกับร้านเล็กๆนี้มากแล้ว ถ้ายังช่วยทำงานอีก….

เขาคิดยังไม่กล้าคิด อีกอย่างประธานเยจะไปเสิร์ฟอาหารใน ร้านได้ยังไง?

เขาเป็นถึงประธานของบริษัทที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตนี้ไม่เคยทําเรื่องอะไรแบบนี้เลยรู้บ้างรึเปล่า?

หานคู่จื่อเห็นเต่ไม่เป็นไม่มีท่าทีจะขยับไปไหน และเมื่อได้ยิน คำพูดของพ่อจาง หล่อนก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา พยักหน้าลง “โอเค งั้นฉันไปเอง”

เมื่อพูดจบ หานมู่จื่อก็ลุกขึ้นทันที

เมื่อเย่โม่เซินเห็นหล่อนลุกขึ้นจึงขมวดคิ้วพร้อมจับมือหล่อนไว้ ตอนนี้หล่อนท้องเกือบสี่เดือนแล้ว เห็นได้ชัดว่าท้องเริ่มปอง ออกมาแล้ว แต่ฤดูหนาวต้องสวมเสื้อหนา และหานมู่จื่อยังเป็น คนหุ่นดี เอวเล็ก จึงมองไม่ออก

แต่สิ่งนี้ก็ไม่สามารถปิดบังความจริงที่หล่อนท้องไว้ได้ อีกทั้ง ท้องนี้ของหล่อนไม่ค่อยแข็งแรงนัก เย่ ไม่เซินจึงเป็นห่วงหล่อน มาก

เมื่อเห็นว่าหล่อนลุกขึ้นจะไปช่วยพวกเขา เย่ ไม่เซ็นจึงรีบดึงมือ ของหล่อนไว้ และลากหล่อนกลับมาไว้ด้านหลังของตัวเอง
“อยู่ตรงนี้นะ”

หาน จื่อมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ

แววตาสีดำสนิทของเยโม่เป็นแฝงไปด้วยท่าทีหมดหนทาง พูด ขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมไปเอง”

“หา?”

“ผมไปเสิร์ฟอาหาร ยังไม่พอใจอีกเหรอ?”

เมื่อพ่อจางที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้น ตกใจตะลึงจนอ้า ปากค้างทันที จนแทบจะยัดไข่ไก่เข้าไปได้

“ยิ้ม”หานจื่อจึงจะพยักหน้าด้วยความพอใจ พูดด้วยเสียง แผ่วเบา: “ลำบากคุณหน่อยนะ พวกเราช่วยเสร็จแล้วก็กลับบ้าน กัน”

“โอเค รอผมอยู่ตรงนี้นะ”

จากนั้นเย่ไม่เซินก็หันหลังเดินเข้าไป

หลังจากที่เขาเดินออกไป พ่อจางก็รีบลุกขึ้นตามด้วยท่าที ร้อนรน ราวกับจะหยุดเขาไว้ แต่กลับถูกหาน จื่อเรียกไว้เสียก่อน

“คุณลุงจาง คุณให้เขาไปเถอะค่ะ ในร้านยุ่งขนาดนี้ ไปช่วยสัก หน่อยแค่เรื่องเล็กน้อยค่ะ

พ่อจางทําท่าทีกระวนกระวายมาก “ท่านประธาน จะมาทำ เรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน? ไม่ได้นะครับ คุณนาย ยังไงให้….

“คุณลุงจาง!” หานมู่จื่อเรียกเขาให้หยุด “พวกเราเป็นเพื่อนของเสี่ยวเหยียน หล่อนเปิดร้าน พวกเรามาช่วยถือเป็นเรื่องปกติ อยู่แล้ว อีกอย่างที่นี่ไม่ใช่บริษัท คุณลุงจางไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ ไม่เช่นนั้น…ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจมากเลยนะคะ”

หาน จื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว พ่อจางจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ ได้ แต่พยักหน้าลง

เย่โม่เซินเดินเข้าไปในครัว เซียวที่กำลังช่วยล้างจาน เมื่อ เห็นเย่ ไม่เซินเข้ามา จึงรู้สึกประหลาดใจมาก “คุณชายเย่? คุณ เข้ามาด้านในทำไม? หรือด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

เมื่อเสี่ยวเหยียนได้ยินเสียงจึงรีบเงยหน้ามองเขา

เย่โม่เซินขมวดคิ้วเล็กน้อย เม้มริมฝีปากอันเรียวบางไว้แน่น ราวกับกำลังลังเลอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นริมฝีปากที่เม้มเกร็ง ไว้ก็ค่อยๆพูดออกมา

“มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยไหม?”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เสี่ยวเหยียนที่ตั้งสติขึ้นมาได้ก่อน รีบส่ายหน้า: “ไม่เป็นไรค่ะๆ ตรงนี้ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณชายเย่ออกไปอยู่กับมู่จื่อ พอแล้วค่ะ”

จากนั้นเย่โม่เซินก็ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน เขารู้ดีว่าในร้านยุ่ง มาก ถ้าตอนนี้เขาออกไป จื่อคงเข้ามาช่วยด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นว่าเขายืนนิ่ง เสี่ยวเหยียนจึงทำอะไรไม่ถูก และไม่รู้ว่า ควรพูดยังไงดี เซียวเหลือบมองดูเสี่ยวเหยียน จากนั้นก็ก้มหน้าล้างจานต่อ

อันที่จริงนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาล้างจาน เขาอยู่กับคุณชายเย่ มาเป็นเวลานาน มองเผินๆอาจจะคิดว่าเขาทำได้ทุกอย่าง แต่ สําหรับเรื่องเกี่ยวกับครัวแล้ว เขาไม่ถนัดจริงๆ

แต่ความสามารถในการเรียนของเขาถือว่าดีพอสมควร แม้ว่า จะทำได้ไม่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้แย่มาก

ล้างจานครั้งแรกไม่ค่อยสะอาดนัก ก็ต้องล้างหลายๆรอบ อย่างน้อยเขาก็ได้แบ่งเบาภาระงานได้บ้าง คนอื่นจะได้ไปช่วย งานอย่างอื่น

และเซียวซู่ในตอนนี้ คิดไม่ออกจริงๆว่าคุณชายเย่จะเข้ามา ช่วยงานอะไรได้?

เขากลับรู้สึกว่า เป็นเพราะคุณชายเยมีอำนาจบารมี ถ้าขึ้นยืน

อยู่ตรงนี้ต่อไป คนอื่นที่อยู่ในห้องนี้คงไม่ได้ทำงานต่อแน่นอน

อย่างเช่น หญิงสาวสองคนที่จ้างมาให้ช่วยงาน

เพราะการปรากฏตัวของเย่โม่เซิน จึงได้แต่จดจ้องมองไปที่ เขา จนเขินหน้าแดงไปหมด

เซียวซู: ” ….

ไม่มีใครกล้าให้เย่ไม่เป็นทำงาน แต่หลัวหุ้ยเหม่ยกลับไม่ เหมือนคนอื่น เมื่อครู่หล่อนเห็นการสนทนาของคู่สามีภรรยาคู่นี้ แล้ว รู้ดีว่าตอนนี้เยโม่เซินเข้ามาเพราะหานคู่จื่อ
ดังนั้นหล่อนจึงไม่เกรงใจอะไร รีบเข้าไปทักทายเย็ไม่เป็น

“โม่เซิน ในเมื่อคุณอยากช่วย งั้นก็มาเอาชามนี้ไปเสิร์ฟที่โต๊ะ หมายเลขสามด้านนอก ให้หน่อยสิ”

โต๊ะหมายเลขสาม

เย่ไม่เซินเหลือบมองหล่อน พยักหน้าลงและยกถาดอาหารขึ้น มา จากนั้นเดินหันหลังกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“แม่ ทำไมถึง…”

“เอาน่า สบายใจได้ ในเมื่อเขาเข้ามาแล้ว ถ้าไม่ให้เขาช่วย อะไรก็คงไม่ได้ ลูกคิดว่าทำไมเขาถึงเข้ามาได้ล่ะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนจึงครุ่นคิดไปมา จากนั้นจึง เข้าใจขึ้นมาทันที

เย่โม่เซินเข้ามาแล้ว แต่อไม่ได้เข้ามาด้วย นั่นก็คงเป็นเพ

ราะมอบอกให้เขาเข้ามา

“ในเมื่อเขาอยากช่วย ลูกก็ทำใจให้สบายเถอะ”

เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากตัวเองไว้ แต่ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก พูดขึ้น “หนูจะกล้าสบายใจได้ยังไงล่ะ…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ