เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1372 เธอทำได้เหรอ



บทที่ 1372 เธอทำได้เหรอ

“มัน”

หลัวหุ้ยเหม่ยไม่เคยเห็นแหวนเพชรใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ดัง นั้นคว้ามือของเธอขึ้นมาทันทีด้วยความตกตะลึง “เหยียนเห ยียน”

เสี่ยวเหยียนมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย อธิบายด้วยเสียงเบาๆ ว่า: “แม่ แม่อย่าเลยนะ”

“หานซิงให้ลูกเหรอ”

เสี่ยวเหยียนพยักหน้า

“นี่คือขอแต่งงานแล้วใช่มั้ย

เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอีกครั้ง

หลัวหุ้ยเหม่ยรู้สึกหายใจติดขัด: “อย่างนั้นลูกสาวของเรา ตอบตกลงแล้วหรือยัง”

ได้ยินดังนั้น หน้าของเสี่ยวเหยียนแดงไปถึงคอ เหมือนกับ แอปเปิลที่สุกงอม ลูกตาของเธอกลอกกลิ้งไปมา ซ้ายที ขวาที “หนู หนูยังไม่ได้ตอบตกลงค่ะ ต้องคิดดูก่อน

“คิดดูก่อนเหรอ” หลัวหุ้ยเหม่ยได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หยอกเธอว่า : “แหม ลูกสาวฉันรู้จักเล่นตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อหนี ตามชาวบ้านไปยังไม่เห็นคิดดูก่อนเลย ตอนนี้เขาขอแต่งงานแล้ว ลูกยังต้องขอคิดดูก่อนอีกเหรอ”

เสี่ยวเหยียนส่งเสียงอิ่ม ทำปากจู๋ ใครใช้ให้เขามาขอแต่งงาน โดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้เล่า อะไรก็ไม่มี แม้ว่าเธอจะไม่ได้สนใจ พิธีการอะไร แต่เขาก็ไม่ควรจะใจร้อนแบบนี้ ไม่พูดอ้อมค้อมก็ สวมแหวน ใส่นิ้วเธอเลย เธอก็จะไม่ยอมตกลงง่ายๆหรอก

“แน่นอนว่าต้องคิดทบทวนก่อน คิดทุกอย่างให้รอบคอบ หาก แม้แต่คิดก็ไม่คิดตอบตกลงเขาเลย อย่างนั้นจะไม่ถูกเขาเอา เปรียบเหรอคะ”

หลังจากเกิดเรื่องรถไฟครั้งนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนรู้ว่าหานซึ่งมี ความอดทนต่อตนเองมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากมายนัก เธอ อยากจะลองทดสอบความดื้อรั้นของเขา จากนั้นก็เป็นความรู้สึก ที่ถูกคนอื่นประคบประหงมอยู่ในมือแบบนั้น

แค่ลองคิดดู ก็ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้น

“ยัยเด็กโง่ ตามใจลูกเถอะ ในเมื่อพ่อกับแม่เห็นลูกอย่างตอน นี้ ก็ดีใจมากแล้ว”

เสี่ยวเหยียนยิ้ม ก้าวไปข้างหน้ากอดแขนของหลวยเหม่ย “ขอบคุณพ่อกับแม่มาก ที่เข้าใจ เหยียนเหยียนรักพ่อกับแม่ ตลอดไป”

“เลี่ยนจริงๆเลยลูก! “หลัวหุ้ยเหมียตบที่มือของเธอ แม้ปาก จะเหน็บแนม แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นเปล่ง ประกาย
หานซิงกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง ก็เกือบจะเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพราะก่อนหน้านี้ผลักภาระงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหลังจาก ที่กลับมาเขาก็ไม่มีเวลา จัดการกับเรื่องงานสำคัญต่างๆเสร็จก็ สองวันแล้ว

เหนื่อยก็เหนื่อยจริงๆ แต่หานซึ่งไม่มีใครให้ทำงานนอกเวลา ตระกูลหานไม่มีญาติพี่น้องที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ ดังนั้นงานในบริษัท มีเขาแบกรับภาระอยู่คนเดียว

แต่หลังจากเกิดเรื่องเสียวเหยียน แม้ตอนที่เธอโกรธจะพูด ออกมาตอนหนึ่งว่า

คำพูดเหล่านี้ ต้องเก็บซ่อนอยู่ภายในใจเธอมานานมาก แน่นอน ดังนั้นตอนที่เธอพูดเรื่องนี้ถึงได้เสียใจมากขนาดนั้น เขา ต้องจริงจังกับมัน ให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น

ดังนั้นหานชิงจึงกำชับซูจิ๋ว ต่อไปหากมีงานสำคัญนอกเหนือ จากนี้แล้วค่อยมาหาเขา งานปกติธรรมดาอื่นๆ ให้ลูกน้องจัดการ

ไป

หลังจากได้ยินซูจิ๋วก็อึ้งไปเล็กน้อย : “ให้คนอื่นจัดการทั้งหมด เหรอคะ ประธานหานไว้ใจเหรอคะ พวกคนเก่าคนแก่ในคณะ กรรมการบริษัทล้วนเป็น.……….

“คุณจับตาดูหน่อย ถ้าหากไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก ก็ปิดตาสัก ข้างหนึ่งเถอะ”

บริษัทใหญ่ขนาดนี้ ยากที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องทุจริตเล็กๆน้อยๆแต่ในทางธุรกิจความจริงแล้วเรื่องเหล่านี้ทุกคนก็เห็นจนชินตา แล้ว ขอแค่ไม่กอบโกยเอาจากบริษัทมากเกินไป กดขี่ลูกน้อง รับ เงินแล้วไม่ทํางาน หานซึ่งก็ไม่ไปในความสนใจเรื่องแบบนี้

ก็เป็นดั่งประโยคที่ว่า เอาเงินไปเท่าไหร่ ก็ทํางานเท่านั้น

ซูจิ๋วเห็นท่าทางหนักแน่นของเขาแบบนั้น ก็รู้ว่าตนเองพูดไปก็ ไร้ประโยชน์ ได้แต่พยักหน้า: “ก็ได้ค่ะ อย่างนั้นฉันจะคอยจับตา ดูให้ดี แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปงานของพวกเราก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น นะคะประธานหาน ในครอบครัวต้องหาเลี้ยงอีกไม่รู้กี่คนนะ เพิ่ม เงินเดือนมั้ยคะ”

“เพิ่ม”

ซูจิ๋วคนนี้เป็นคนที่ไม่เกรงใจมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้เมื่อก่อน เคยชอบทานชิงมาก่อนแต่ก็ไม่เคยประจบเอาใจเขามาก่อน หาก รู้สึกว่างานตัวเองเหนื่อยยากลำบาก เหนื่อยจนต้องเสนอขอให้ หานชิงขึ้นเงินเดือนให้

หานชิงเชื่อใจเธอ เธอมีความสามารถในการทํางานมากพอ อยู่ทำงานกับเขามาหลายปีขนาดนี้ ดังนั้นพอเธอเสนอ เขาก็ รับปากทันที

รวมถึงครั้งนี้ หานชิงพูดว่า “นอกจากขึ้นเงินเดือนแล้ว ตอน ที่ผมแต่งงานจะแจกนั่งเปาซองโตให้คุณด้ แล้วยังโบนัสคั่ง เปาตอนตรุษจีนก็ยังไม่ได้ลดน้อยลงด้วย

ได้ยินประโยคนี้ ซูจิ๋วรู้สึกว่าตัวเองได้กลิ่นเงินแล้ว
แต่ว่าไม่นานเธอก็ได้กลิ่นทะแม่งๆอย่างอื่น คิ้วขมวด : “ประธานหานแต่งงาน ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ ประธานทานก็ขอ แต่งงานสําเร็จแล้วเหรอ”

หานซึ่งกระตุกคิ้วเล็กน้อย เม้มริมฝีปากบางจากนั้นพูดว่า “ยังหรอก แต่ว่าต้องสําเร็จแน่”

ได้ยินดังนั้น ซูจิ๋วก็ยิ้มอ่อนๆ ค่ะ อย่างนั้นก็รอข่าวดีของ

ประธานหานนะคะ ถึงเวลาฉันจะมาขอสั่งเปาซองใหญ่แน่

หลังจากจัดการงานเสร็จ จู่ๆจิ๋วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ พูดว่า “ใช่แล้ว ประธานหานคะ เมื่อหลายวันก่อนคุณหนูจอมาหาคุณ ที่บริษัท พอต่อมาได้ยินว่าคุณไม่อยู่ ก็เลยจากไป

“อืม อีกเดี๋ยวผมจะโทรกลับไปหาเธอ

“อ้อ ใช่แล้ว เธอยังได้พบกับสวีเย็นหวั่นด้วยนะคะ ดูเหมือนทั้ง สองพูดคุยกันอย่างไม่ค่อยพอใจกันเป็นพิเศษ” สวีเย็นหวั่น

ได้ยินชื่อนี้ สายตาหานชิงคร่ำเคร่งลงนิดหน่อย เขาวางแผน ว่าจะจัดการธุระของบริษัทให้เสร็จแล้ว ก็จะไปจัดการเรื่องนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ว่าเขากับสวี่เย็นหวั่นเป็นว่าที่สามีภรรยากัน ถูกพูดถึงกันทั่วในบริษัท เขาอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนตัวต้น เรื่องกันแน่

เพราะหญิงสาวคิดว่าตนเองเป็นมือที่สาม ถึงได้เสียใจจนไม่ เป็นผู้เป็นคนแบบนั้น หนีไปนั่งรถไฟคนเดียว และยังเอาซิม โทรศัพท์โยนทิ้งไปด้วย
แม้สุดท้ายจะพบว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด หญิงสาวกลับมาข้าง กายเขาแล้ว

แต่เธอก็ไม่ได้เข้าใจผิดโดยไม่มีเหตุผล หากไม่มีคนพูดอย่าง นี้ข้างหูเธอ หรืออาจจะเพิ่มความหึงหวงเข้ามา เธอก็คงไม่โกรธ จนสิ้นสติสติ

คิดได้อย่างนี้แล้ว ปลายนิ้วของหานซึ่งก็เคาะลงบนโต๊ะ

“รู้แล้ว เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง

ไม่นานสวีเย็นหวั่นก็ได้รับข่าวว่าหานชิงต้องการพบเธอ และ ยังไม่ใช่ที่บริษัท แต่เป็นที่ร้านกาแฟข้างนอกหลังเลิกงาน

หลังจากเธอได้รับข่าวนี้แล้ว หัวใจก็เต้นโครมคราม เกิดความ รู้สึกไม่ดีบางอย่างขึ้นมาภายในใจ

เขาไม่ได้มาหาเธอที่บริษัท แต่เรียกเธอออกไปข้างนอกให้ได้

ด้วยความเข้าใจของเธอที่มีต่อนิสัยของหานซิงแล้ว เดาว่าเขา

คงต้องการพูดคุยอย่างจริงจังกับเธอ

และเรื่องที่จะพูดคุยจะเป็นเรื่องอะไร…..

หานชิงหายตัวไปเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ หลังจากผ่านไปหนึ่ง สัปดาห์ก็กลับมาทำงาน พิสูจน์ว่าเขาจัดการเรื่องราวเรียบร้อย แล้ว เขาคงจะเดาได้แล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ สวี่เย็นหวั่นก็รู้สึกว่าจิตใจตัวเองตกต่ำลง เรื่อยๆ บีบเม้าส์ที่อยู่ในมือ ในหัวสับสนไปหมด
ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงคำพูดที่เมื่อก่อนหานซึ่งพูดกับเธอเหล่า

เธอพูดว่าหากตนเองเต็มใจ อนาคตชีวิตก็จะยิ่งดีขึ้น

จริงเหรอ ชีวิตที่ไม่มีหานซิง เธอจะดีขึ้นได้จริงๆเหรอ

เธอชอบเขาตั้งแต่เด็ก ต่อมาไปต่างประเทศก็ยังชอบเขา เธอ เป็นคุณหนูตระกูลสวี่ มีผู้ชายมาต่อแถวจีบเธอมากมาย แต่ในใจ เธอมีเพียงหานชิงที่เป็นดั่งเทพบุตรคนนั้นตลอดมา

ความรักในวัยเด็กผ่านกาลเวลาที่ยาวนานนับไม่ถ้วน ยังคง อยู่รอบๆตัวเธอ หลอมรวมแทรกซึมเข้าไปในเลือดและกระดูก มาวันนี้บอกให้เธอปล่อยวางก็ปล่อยวาง เธอจะทำได้จริงๆเหรอ

คิดมาถึงตรงนี้ สวีเย็นหวั่นก็ค่อยๆหลับตาลง มีน้ำตาใสๆไหล ออกมาจากหางตาเป็นทางสองเส้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ