เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1543 ทะลึ่งหน่อยๆ



บทที่1543 ทะลึ่งหน่อยๆ

เสี้ยววินาทีนั้น เสี่ยวเหยียนรู้สึกเจียงเสี้ยวไปที่หัวเราะแล้วสวย

มาก เดิมทีเธอก็เป็นคนที่โครงหน้าสวยมากอยู่แล้ว สวย360องศา ไม่ยิ้มก็สวยมากแล้ว พอยิ้มขึ้นมาก็ยิ่งทำให้คนเคลื่อนย้าย

สายตาไม่ได้

เสี่ยวเหยียนก็เลยถูกแพร่เชื้อ เธอเองก็ได้ยิ้มตาม

“อ้อเหรอ? งั้นดีจังเลย ยินดีกับเธอด้วยนะ ฉันขออวยพรเธอ จากใจจริง”

“ขอบใจนะ พวกเราต่างก็ต้องมีความสุข

ผ่านไปไม่นาน หานซึ่งก็ได้โทรศัพท์มาสอบถามตำแหน่งที่เธออยู่

เสี่ยวเหยียนจึงได้พูดอย่างจนปัญญา “ฉันอยู่ข้างนอกกับเสี่ยว ไป ฉันบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะ? เวลานี้คุณจะมาทำไมคะ?”

“คุณตัวคนเดียวดูแลลูกสองคน ผมไม่ไว้ใจ และไม่สะดวก ด้วย ตอนนี้ผมมารับคุณนะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับเองก็พอค่ะ อีกอย่างฉันยังไม่

“ให้เขามาเถอะ”เจียงเสี่ยวไปพูดขัดจังหวะเธอ “เธอดูแลลูกสองคนก็ไม่สะดวก ให้เขามารับเธอน่ะดีแล้ว”

“แต่ว่า…….

“อย่าแต่ว่าเลย เดี๋ยวฉันก็จะกลับบ้านแล้ว หรือเธอนึกว่าฉันจะ นั่งเป็นเพื่อนเธอทั้งวันงั้นเหรอ?”

คำพูดนี้ภายนอกฟังแล้วดูค่อนข้างนิดหน่อย แต่เสี่ยวเหยียน ฟังเจตนาดีของเธอออก เธอไม่อยากให้ตัวเองมีภาระทางจิตใจ

เสี่ยวเหยียนตื้นตันใจมาก เธอพูดเบาๆ “ขอบใจนะ เดี๋ยวไป

ทั้งสองนั่งได้ไม่นาน หานซึ่งก็มาถึงแล้ว เพียงเสี้ยวไปมองเขา ทีนึง ยังคงหน้าตาเย็นชาเหมือนก่อนหน้านั้นอีกเช่นเคย ถึงแม้ หน้าตาหล่อเหลา ดูทรงอำนาจ แต่ผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่สเปคของ เธอเลย

อืม ไม่ติดดินซะเลย

เธอชอบคนที่ติดดินหน่อย แต่ละคนมีวาสนาของแต่ละคน จริงๆด้วย

“เสี่ยวไป ไหนๆพวกเราก็จะกลับแล้ว งั้นพวกเราแวะไปส่งเธอ เถอะ?”เสี่ยวเหยียนเสนอความคิดเห็น

“ไม่ต้องแล้ว”เจียงเสี่ยวไปยิ้มอ่อนๆ “เดี๋ยวฉันยังจะไปทำธุระ อย่างอื่นต่อ ยังไม่กลับบ้าน พวกเธอกลับก่อนเถอะ”

“งั้นก็ได้”

เสี่ยวเหยียนได้แต่อำลากับเธอ จากนั้นจากไปพร้อมหานชิงระหว่างนั้นหานซึ่งก็ได้พยักหน้าให้กับเจียงเสี้ยวไป

จากจากนั้นเสี่ยวเหยียนได้พาทานซึ่งไปจ่ายตังค์ที่หน้า เคาน์เตอร์ ตอนที่เดินไปเอารถกับเขาที่ชั้นใต้ดิน เสี่ยวเหยียนอด เข้าใกล้หานซึ่งไม่ได้ เธอพูดเสียงเบา: “เธอให้อภัยฉันแล้วค่ะ”

ในน้ำเสียงสามารถฟังออกถึงความกระดูกระดและความตื่น เต้นที่เป็นของสาวน้อย หานซึ่งคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นมีผลกระ ทบกับเธอมากขนาดนี้ เขาพูดอย่างจนปัญญา “ดีใจขนาดนี้ เลย?”

“ก็แน่นอนสิคะ”เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างแรง เธอกัดริม ฝีปากล่างตัวเองไว้ “เธอยอมให้อภัยฉัน ฉันก็ไม่มีภาระทางใจ แล้ว ที่รัก ฉันเห็นแก่ตัวมากเลยใช่มั้ยคะ? เพื่อไม่ให้ตัวเองมี ภาระทางใจ ฉันถึงกับหวังมาโดยตลอดว่าให้เธอปล่อยวางทุก อย่าง ให้อภัยฉัน แต่ต่อมาฉันได้คิดๆแล้ว ถ้าฉันเป็นเธอ เรื่อง แบบนี้จะปล่อยวางง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?”

พอพูดจบ เธอก็รู้สึกโชคดีอยู่ในใจลับๆว่าหานชิงแค่ชอบเธอ คนเดียว

เขาไม่มีความรู้สึกให้สวี่เย็นหวั่นเลยสักนิด

ถ้าเขามีความรู้สึกกับสวี่เย็นหวั่นล่ะก็ เธอก็เคยถามตัวเอง เหมือนกันว่าเธอจะแคร์หรือเปล่า แต่พอไปคิดเรื่องนั้นแล้ว เสี่ยว เหยียนรู้สึกตัวเองค่อนข้างทนรับไม่ได้ ยิ่งอย่าบอกว่าให้เรื่องนี้ กลายเป็นความจริงเลย

ในขณะเดียวกันที่เธอรู้สึกรับไม่ได้ อีกด้านก็หวังให้เสียวไปปล่อยวางทุกอย่าง ให้อภัยตัวเอง ช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ บางทีคนเราล้วนเห็นแก่ตัวทั้งนั้นมั้ง เธอก็หวังอยากให้เจียง

เสี่ยวไปกับเซียวซูมีชีวิตคู่ที่ดี และอวยพรพวกเขาจากใจจริง “ในเมื่อตอนนี้เธอให้อภัยคุณแล้ว งั้นก็คงจะปล่อยวางได้ แล้ว” หานซึ่งพูดอย่างเรียบเฉย อุ้มลูกที่อยู่ในอ้อมกอดไว้ดีๆ

และพูดไปด้วย: “ต่อไปก็ไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องนี้แล้ว”

“อืม!” เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างแรง “เธอดีขึ้นฉันก็ดีใจแทน เธอ หวังให้เธอกับเซียวซูสามารถใช้ชีวิตด้วยกันดีๆค่ะ”

“เราไปกันเถอะ”

มาถึงข้างรถ หานซึ่งช่วยเสี่ยวเหยียนเปิดประตูรถให้เธอ เข้าไปก่อน หลังจากเสี่ยวเหยียนนั่งเข้าไปได้อุ้มไว้ดีๆ จากนั้นก็ ยื่นมือไปหาเขา “เอาย่างเช่น ให้ฉันเถอะค่ะ”

“ไม่ต้อง”

หานชิงพูดอย่างราบเรียบคำนึง จากนั้นได้อุ้มลูกนั่งเข้ามาใน

รถ

“ลุงหนานมาแล้ว คุณไม่เห็นเหรอ?”

เสี่ยวเหยียนฟังแล้วถึงเงยหน้ามองไปด้านหน้า ก็เห็นลุงหนาน นั่งอยู่ที่เบาะนั่งฝั่งคนขับจริงๆด้วย

“ลุงหนาน…….

“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง”ลุงหนานทักทายกับเธอด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเหยียนเก้อเขินจนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ไม่นึกว่าก่อน หน้านี้เธอจะไม่เห็น แต่ถึงว่าล่ะ เพราะเธอดูแลลูกทั้งสองคนไม่ ค่อยสะดวกจริงๆ ลุงหนานมา เธอกับหานซึ่งก็สามารถอุ้มคนละ คนแล้ว

เพราะฉะนั้น ทำไมเธอถึงได้ลูกฝาแฝดล่ะ? ถึงแม้คลอดทีเดียว สองคน สามารถเลี่ยงความเจ็บปวดไปครั้งนึง แต่ว่า………ดูแล ลูกสองคนทีเดียวก็เหนื่อยมากเลยนะ

แต่เธอก็ไม่อยากจ้างแม่บ้านมาช่วยดูลูก ตัวเองอุตส่าห์ได้เป็น แม่ แถมยังเป็นลูกของเธอกับทานชิง เธออยากที่สุดความ สามารถเท่าที่ตัวเองจะทำได้

“เมื่อกี้มจื่อโทรมา บอกให้เราไปทานข้าวเย็นด้วยกันครับ

“ดีเลยค่ะ”เสี่ยวเหยียนตอบอย่างเป็นธรรมชาติมาก

ตั้งแต่เป็นครอบครัวเดียวกับหานคู่จื่อ เธอกับหานชิงชอบไป ร่วมแจมทานข้าวที่บ้านของเยโม่เป็นประจำ ตอนแรกเสี่ยวเหยี ยนยังกลัวเย่ ไม่เป็นอยู่ เพราะยังไงซะเยโม่เป็นก็น่ากลัวจริงๆ บวกกับความทรงอำนาจของเจ้านายล้วนอยู่ตลอด

แต่พอนานเข้า เธอก็ไม่รู้สึกกลัวแล้ว

เพราะสำหรับเธอแล้ว ตอนนี้ผู้ชายคนนี้คือน้องเขยตัวเองแล้ว!

น้องเขย ลำดับรุ่นต่ำกว่าตัวเอง เธอมีอะไรต้องกลัวอีก

หลังจากใช้จิตใจแบบนี้เข้าหากัน เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกไม่กลัวเ โม่เป็นจริงๆแล้ว ตอนที่ทานข้าวยังหยอกล้อแซวเล่นทั้งสอง อีกอย่างเธอยังพบว่าเย่ไม่เป็นคนนี้ ขอแค่คำพูดของคุณได้บอกว่า เขากับหานมู่จื่อเหมาะสมกัน เขาก็มีสีหน้าเป็นมิตรไมตรีน่า คบหาที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า

สำหรับนิสัยที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของเปโม่เซ็น หานซึ่งที่อยู่ ข้างกายเธอถือว่าคงที่กว่าเยอะ แน่นอนแต่ก็เย็นชาเหมือนที่ ผ่านๆมาอีกเช่นเคย

ถึงแม้อยู่ตรงหน้าตัวเองจะทะลึ่งเป็นบางครั้ง แต่เวลาส่วน ใหญ่ล้วนหนักแน่น มีแค่ตอนที่ทั้งสองปิดประตู เขาถึงจะทะลึ่ง

คิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็อดหัวเราะไม่ได้

“คุณหัวเราะอะไร?”หานชิงที่นั่งข้างๆได้ยินเสียงหัวเราะของ เธอ ได้ใกล้เข้ามาถามคำนึง

เสี่ยวเหยียนฟังแล้วหน้าแดง

“ไม่ได้หัวเราะอะไรนี่คะ เมื่อฉันหัวเราะเหรอคะ?”

ปฏิเสธเสียงแข็ง จากนั้นหลบหลีกแววตา แก้มก็แดงตามด้วย “หน้าแดงแบบนี้ ยังบอกว่าคุณไม่ได้หัวเราะอีก?”

เธอหน้าแดงเหรอ? เสี่ยวเหยียนคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะปกปิดได้ ไม่ดี ได้แต่ฝืนแก้ตัว: “ฉันไม่ได้หัวเราะจริงๆค่ะ หน้าแดงอาจจะ เพราะเมื่อกี้อุ้มลูก แล้วอากาศมันก็ร้อนเกินไปค่ะ

“เอาลูกมาให้ผม”

หานชิงอุ้มลูกที่อยู่ในอ้อมกอดเธอมา จากนั้นได้เสียงต่ำ “เมื่อที่กำลังคิดเรื่องทั่วๆอะไรอยู่ใช่มั้ย?”

เสี่ยวเหยียน: ”

คุณพูดมั่วอะไรคะ?”

พอพูดจบ เธอมองลุงหนานที่ขับรถอยู่ด้านหน้า กลัวเขาจะ ได้ยินคำพูดของทั้งสอง ถ้าได้ยินคงอึดอัดมากเลย

“พูดมั่วชั่ว?” หานซิงหายใจที่แก้มเธอเบาๆ “แก้มกับหูแดง หมดแล้ว ร่างกาย โกหกไม่เป็นหรอก”

“เอาล่ะ นี่เราอยู่ข้างนอกนะ คุณไม่ต้องพูดแล้ว”

“อืม งั้นกินข้าวเสร็จกลับบ้านค่อยพูด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ