เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 639 อึดอัด



บทที่ 639 อึดอัด

ข้อความนี้เพิ่งจะส่งออกไป อย่างไม่ต้อง สงสัย เครื่องหมายคำถามก็ลอยขึ้นมาบนหน้า จออีกครั้ง ดูค่าถามที่เรียงกันขึ้นมาทีละแถวๆ เสี่ยวหมี่โต้วรู้สึกว่าเหมือนกับตนเองเห็นคน กลุ่มหนึ่งเปิดรูปแบบยิงคำถามซ้ำๆกัน

ไม่อย่างนั้น จะส่งข้อความที่เหมือนกัน ทั้งหมดมาได้อย่างไร? แล้วยังส่งมาไม่ยอม หยุด

พิมพ์ส่งมาครู่หนึ่ง คงจะเห็นว่าเสี่ยวหมี่ โต้วไม่ตอบโต้ บนหน้าจอจึงเงียบไปสักครู่ แล้วก็มีคนค่อยๆพิมพ์ออกมา

เทพลม: {โดัวจื่อนายอย่าล้อพวกเราเล่น สิ วันนี้นายห้าขวบ งั้นฉันไม่เพิ่งจะสิบขวบเห รอ?)

ไอ้อ้วน: (ฮ่าๆๆๆคงจะอย่างนั้น! งั้นฉันก็ เพิ่งสามขวบน่ะสิ โต้วจื่อฉันยังต้องเรียกนาย ว่า ชายอีกด้วยใช่ไหม?

เต้าเจี้ยว: {ไม่ต้อง แต่ไหนแต่ไรนายก็ เรียกผมว่าพี่ใหญ่อยู่แล้ว)

มันฝรั่งทอด: {ท่าทางจริงจังอย่างนี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกับเด็กประถมขนาดนั้น ล่ะ? ทำอย่างไรดีพวกเรา จู่ๆฉันก็เชื่อมากๆว่า พี่ใหญ่ห้าขวบจริงๆ!}

เผือก: {ขอร้องล่ะตื่นสักทีได้ไหม? เด็ก ห้าขวบจะมีไอคิวอย่าง ใหญ่เหรอ? นาย ประสาทหรือเปล่า?

มันฝรั่งทอด: {ทำไมพวกนายไม่เชื่อฉัน? ต่อให้พวกนายไม่เชื่อฉัน ก็เชื่อพี่ใหญ่หน่อย แล้วกัน พี่ใหญ่บอกอยู่ว่าตนเองเพิ่งจะห้า ขวบ!}

เทพลม: {พี่ใหญ่แคล้อเล่นกับพวกเรา นายก็เชื่อเหรอ?}

ไอ้อ้วน: (ฉันจะบอกเรื่องตลกให้ จริงๆ ฉันเป็นผู้หญิง ) เผือก: (ไสหัวไป!}

เสี่ยวหมี่โต้วเห็นว่าทุกคนไม่เชื่ออย่าง ชัดเจน ในใจก็ไม่ได้สนใจหรอก ไม่อยากเชื่อ ก็ไม่ต้องเชื่อ อย่างไรเสียเขาก็แล้วแต่ทุกคน

เต้าเจี้ยว: {ฉันจะออฟไลน์แล้ว หม่ามี้ บอกว่าไม่ให้เล่นดึกจนเกินไป ส่วนวิธีติดต่อ ต่างๆ รอคราวหน้าผมจะให้พวกนาย

บอกเสร็จ เสี่ยวหมี่โต้วก็ไม่สนใจว่าพวก เขาจะตอบสนองอะไร ออฟไลน์ทันที เหลือไว้ แค่ความวุ่นวายในนั้น

ตอนนี้ บนเครื่องบินที่กำลังบินไปต่าง ประเทศ ในช่นธุรกิจเงียบสงบมาก เครื่องบิน ทําการบินได้อย่างมั่นคง แอร์โฮสเตสด้านนั้น กำลังจะเริ่มเสิร์ฟอาหารแล้ว

หาน จื่อลูบๆท้องของตนเอง แล้วมอง เย่โม่เซ็นที่กำลังพิงไหล่ของเธอหลับอยู่

เขาหลับสนิทมาก แรงของทั้งร่างกาย กดทับอยู่บนร่างของเธอ ถ้าไม่มีเก้าอี้ให้พึง เอาไว้ หาน จื่อคิดว่าตนเองคงจะพยุงเอาไว้ ไม่ไหวแน่ๆ

ร่างของเขาก็สูงมาก แล้วใช้แรงทับลง มา หานมู่จื่อก็ทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว

ถ้าไม่ได้เห็นว่าเขาไม่ได้นอนมาสองวัน แล้ว หานมู่จื่อต้องผลักเขาออกไปแน่ๆ

เพียงแต่ตอนนี้เธอยังให้เขาพิงเอาไว้ ตอนที่อาหารบนเครื่องบินมาเสิร์ฟ แอร์ โฮสเตสให้ความสนใจคนข้างๆเธอที่หลับอยู่ แล้วยิ้มเล็กน้อยใช้สายตาแสดงคำถาม

หานมู่จื่อนึกถึงตอนที่อยู่ในร้านอาหารเย ไม่เชินแทบจะไม่ได้กินเลย จึงพยักหน้า ให้ แอร์โฮสเตสว่าต้องการสองที่

หลังจากอาหารมาเสิร์ฟแล้ว หานมู่จื่อก็ มองเยโมเงินที่ยังคงหลับอยู่ คิดๆแล้ว จึงยื่น มือไปด้นๆเขา

แรกเริ่มเย่ไม่เป็นไม่ขยับเลย หานมู่จื่อ จึงกระแอมเบาๆ แล้วดันๆเขา พลางเรียกชื่อ ของเขาเบาๆ

“เย่ไม่เซ็น เย่โม่เซ็น!”

เธอเรียกไปหลายที คนที่พิงไหล่เธอ หลับอยู่จึงค่อยๆมีปฏิกิริยากลับมา เหลือบตา ขึ้นมามองเธอ

คงจะเป็นเพราะเพิ่งตื่น ดังนั้นสายตา ของเยโม่เซินจึงยังเลอะเลือนอยู่ สายตาเย็น ชาตามปกติหายไปอย่างสิ้นเชิง ท่าทางอย่าง นี้ไม่นึกว่าจะค่อนข้างเหมือนกับตอนที่เสี่ยว หมี่โต้วเพิ่งตื่นนอน

หานมู่จื่อใจเต้นแรง ตอนที่เธอเพิ่งอยาก จะเอ่ยปากพูดกับเขา คนๆนั้นกลับเอียงตัวเข้า มาใกล้ๆ แล้วก็จูบเธอทันที

จูบที่อ่อนโยนราวกับปุยฝ้าย ก็เข้ามา ประชิดอย่างนี้โดยไม่มีคําเตือนล่วงหน้า แล้วก็ ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับรู้สึกว่ายังไม่ เต็มอิ่มอยู่ลางๆ เย่ไม่เขินจึงเข้ามาประชิดอีก ครั้ง

ครั้งนี้หลังจากที่เขาจูบก็ไม่ได้ถอยออก ไปอย่างรวดเร็ว แต่หยุดอยู่บนริมฝีปากของ เธอสักครู่ ราวกับไม่อิ่มเอมอย่างนั้น ยื่นมือมา ประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ อยากจะงัดปาก ของเธอให้เปิดออก

หานมู่จื่อตกใจจนมีสติกลับมา รีบผลัก เขาออก เดือนเบาๆ: “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? นี่ อยู่บนเครื่องบินนะ”

หลังจากผลักเขาออกไป หานมู่จื่อจึงพบ ว่ารอบๆด้านมีคนไม่กี่คนกำลังแอบมองพวก เขาอยู่ ใบหน้าขาวๆก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอรีบก้มหน้า ไม่กล้าหันไปสบตาคนพวกนั้น

ปางน่าขายหน้าจริงๆเลย

ก่อนหน้านี้ตอนที่รอเครื่องอยู่ก็อย่างนี้ ตอนนี้อยู่บนเครื่องบินก็อย่างนี้

ตาบ้า ตอนที่อยู่ข้างนอกจะไม่มีสํานึก

สักหน่อยเหรอ? เย่โม่เขินมองรอบๆ ราวกับเพิ่งมีปฏิกิริยา ขึ้นมาว่าอยู่ที่ไหน หันกลับมามองหาน จื่อที่ ดิ่งหูแดงระเรื่อ ริมฝีปากบางๆอดไม่ได้ที่จะเชิด ขึ้นมาเล็กน้อย

“ปลุกผมขึ้นมาทําอะไร?”

กำลังถามอยู่ เย่โม่เซินยังอดไม่ได้ที่จะ หาวออกมา คงจะยังนอนไม่พอ

จะนอนพอได้อย่างไรล่ะ? ตั้งแต่ขั้น เครื่องจนถึงตอนนี้ก็ไม่นานเท่าไหร่ หานมู่จื่อ เห็นดวงตาของเขาต่างก็แดงก่ำ เพียงแค่พูด เบาๆ: “คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นไม่ใช่เหรอ? คุณกินก่อนสักหน่อยแล้วค่อยนอนต่อนะ”

เย่โม่เซินเพิ่งจะพบว่าด้านหน้ามีอาหาร สองที่เพิ่มมา

ตามปกติ เขาไม่แตะต้องอาหารพวกนี้ เลย แต่วันนี้คนที่เรียกเขากินข้าวเปลี่ยนเป็น ทานปูจื่อแล้ว จู่ๆเยโมเงินกลับรู้สึกว่า ลองสัก หน่อยก็คงจะไม่เสียหาย “ได้”

เขายินยอม จากนั้นทั้งสองคนก็ก้มหน้า ก้มตากินข้าว

ตอนที่กินข้าว เพราะนั่งค่อนข้างใกล้กัน และเป็นแถวเดียวกัน ตอนที่เย่ไม่เซ็นสังเกตว่า เธอชอบกินอาหารแบบไหน จึงคีบอาหารใน ชามของตนเองไปให้เธอ

ค่อยๆคืบไป หานมู่จื่อจึงขมวดคิ้วตำหนิ

เขา

“คุณทําอะไรน่ะเอาของกินมาให้ฉันหมด เลย? คุณไม่ชอบกิน?”

“แล้วคุณไม่ชอบเหรอ?” เยโม่เขินถาม กลับ เลียริมฝีปากของตนเองแล้วพูด: “ผมเห็น คุณกินไม่หยุดเลย

หาน จื่อ: “……ใครบอกว่าฉันชอบกินอัน

“คุณไม่ชอบ?” เยโมเซินหรี่ตา: “แล้ว ทําไมคุณกินอันนี้ก่อน?” “ของอร่อยต้องเก็บไว้กินสุดท้าย

เย่โม่เชิน: “

นี่เป็นนิสัยแปลกๆอะไรเนี่ย? เอาของ อร่อยกินทีหลัง?

“คุณไม่รู้เหรอ? ทิ้งไว้หลังสุดถึงจะยิ่ง อร่อย” พูดจบ หานมู่จื่อก็นึกถึงอะไรบางอย่าง ยิ้มมุมปาก “คุณคงไม่คิดว่าที่ฉันกินมันไม่หยุด เป็นเพราะชอบหรอกนะ คุณก็เลย……”

เย่ไม่เชินพยักหน้า สีหน้าค่อนข้างแย่ “ใครจะรู้ว่าคุณนิสัยอย่างนี้?”

หานมู่จื่อไม่สบายใจนิดหน่อย ทำได้ เพียงคีบอาหารของเขาดันไปไว้ด้านข้าง กิน อย่างสาบากใจ เธอไม่อยากกินแล้ว

“คุณไม่กินก็คืนมาให้ผม เอาไปไว้ข้างๆ ทำอะไร?” เย่ไม่เขินขมวดคิ้ว

“คุณจะเอาเหรอ?” หาน จื่อดาโต ค่อน ข้างไม่อยากจะเชื่อ “ฉันคิดว่าคุณไม่ชอบ.……… “น้าลายคุณผมก็กินมาแล้ว ไม่ชอบอะไร คุณ?” เย่ไม่เป็นคีบอาหารที่อยู่ในชามของเธอ กลับมาอย่างโจ่งแจ้ง

หานมู่จื่อ: “..

รู้สึกได้ถึงสายตาที่ส่งมาจากคนรอบข้าง อีกครั้ง หานมู ออยากจะมุดเข้าไปในร่องจริงๆ เลย

กินอาหารมื้อนี้อย่างอึดอัดเหลือเกิน คน พวกนั้นก็อยากรู้อยากเห็นเกินไปนะ ยังจะหัน มามองด้าน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คงรู้สึกได้ถึงความ เขินอายของเธอ เย่ไม่เซ็นจึงเงยหน้าขึ้นมา ทันที ส่งสายตาที่เย็นชาดุร้ายไปที่คนพวกนั้น ราวกับลูกธนูที่เย็นยะเยือก

หลังจากคนพวกนั้นได้รับสายตาที่อำมหิ ดของเย่ไม่เซินก็รีบหลบสายตา แกล้งทำเป็น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หาน จื่อหลับตา กลืนอาหาร สุดท้าย ลงไป หน้าอกราวกับโดนก้อนหินทับเอาไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ