เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1132 ไม่สมดั่งหวัง



บทที่1132 ไม่สมดั่งหวัง

เสี่ยวเหยียน ในวันนี้เทียบกับเมื่องานเลี้ยงครั้งที่แล้ว ได้กลับ กลายมาเป็นคนไร้หัวใจขึ้นมา

ในตอนที่เผชิญหน้ากับเขา ก็ไม่ได้กระสับกระส่ายใจ ไม่กังวล ตื่นตระหนกอีก แววตาที่ใช้มองเขาแฝงไปด้วยแววตาของความ เยาะหยัน ในตอนที่พูดก็ได้เพ่งมองไปยังเขา ด้วยท่าทางที่ไร้ ความหวั่นกลัว

เธอที่เป็นแบบนี้ ดีมาก

แต่คำพูดพวกนั้นที่ได้หลุดออกมาจากปากเธอ กลับไม่ใช่คำที่ หาเชิงอยากฟังเลย

ตรงระหว่างคิ้วของเขาก็ขมวดกันแน่นไม่มีคลาย บรรยากาศ รอบตัวอยู่ในความกดดันอยู่ตลอด เขาเดินก้าวเข้าไปข้างหน้า “งั้นเธอฟังฉันพูดให้จบ เกี่ยวกับเรื่องคืนนั้น ฉันอยากอธิบาย

พูดถึงเรื่องเมื่อคืนวันนั้น สีหน้าของเสี่ยวเหยียนเปลี่ยนไป ก็ได้นึกถึงนาทีที่ตัวเองหลับตารอจูบของเขาอย่างโง่งมขึ้นมา แต่ ผลสุดท้ายลืมตาออกมากลับเป็นภาพที่ถูกเขาผลักออกไปอย่าง แรง

ในตอนนั้น ท่าทางของเธอจะต้องถูกหานชิงเห็นเข้าแน่ๆ เขา จะต้องคิดว่าเธอโง่มากแน่!

แม้แต่ตอนนี้ที่เสี่ยวเหยียนกำลังนึกย้อนขึ้นมานั้นเอง ก็คิดว่าทั้งโง่และทั้งน่าขยะแขยงเสียจริง

เรื่องมันเดินมาถึงตอนนี้ ภายในใจของเธอก็เกลียดตัวเองขึ้น มา ถ้าวันนี้เธอยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหานซิงอีก ชีวิตนี้ของเธอคง ต้องล้มลุกคลุกคลานเข้าไปจริงๆ

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็ได้เอ่ยพูดออกมาด้วย

ใบหน้าเย็นซา

“ท่านประธานหายไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ ผิดถูกยังไงตัวฉันรู้

หานซึ่งมองเธอไปด้วยแววตาใสกระจ่าง

“คืนวันนั้นฉันดื่มเยอะเกิน ก็เลย…

“พอแล้ว!”

ทันใดนั้นเองเสี่ยวเหยียนก็ได้ยกมือขึ้นมาปิดหูของตัวเอง ถอยก้าวใหญ่ๆออกไปด้วยความรู้สึกสั่นไหว ดวงตาคู่นั้นเบิก กว้าง ในแววตามีน้ำตาแวบผ่านออกมาจางๆ “ฉันก็บอกไปแล้ว ว่าไม่ต้องอธิบาย ตัวฉันเองก็ได้เห็นชัดเจนแล้ว คุณยังคิดยังไง อีก?”

ปฏิกิริยาที่รุนแรงเกินไปได้ทำให้หานชิงจับใจความไม่ได้ เขา ยืนขมวดอยู่ตรงที่เดิมแน่นขึ้น

ตั้งแต่คืนนั้นจนถึงตอนนี้ หานชิงพยายามคิดหาโอกาส อธิบายอยู่ตลอด แต่เธอก็ไม่เคยมาเลย ตอนนี้เขามาหา รอเธอ อยู่วันนึง
นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่ยอมฟังคำอธิบายเลยสักคําเดียว

เสี่ยวเหยียนปิดหูไปพลาง ตวาดเสียงดังออกไปพลาง “เมื่อ ก่อนเป็นฉันที่ไม่รู้ความ ทำเรื่องรบกวนคุณอยู่หลายเรื่อง ฉัน รับรองว่าต่อจากนี้จะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ถ้าคุณคิดว่าฉัน ทำเกินไปจริงๆ งั้นก็ได้โปรดเห็นแก่น้องสาวคุณแล้วปล่อยฉันไป เถอะ!”

พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้สนใจว่าหานซึ่งมีปฏิกิริยายังไง ออกมา ก็ได้วิ่งหนีไปจากตรงหน้าของเขาทันที

เนื่องจากว่าความรู้สึกของเธอนั้นกำลังอ่อนไหว หานซึ่งก็ไม่ อาจรั้งเธอเอาไว้อีก

หลัวหุยเหม่ยยืนรออยู่ข้างๆ

เดิมทีการสนทนาของคนหนุ่มสาว เธอไม่ควรแอบฟัง แต่ก็ทั้ง อยากรู้ทั้งเป็นห่วงไปด้วย ดังนั้นแล้วก็เลยเคลื่อนตัวก้าวไปใกล้ ทั้งสองคนเงียบๆ อยากฟังสักหน่อยว่าสองคนนั้นคุยเรื่องอะไร กันแน่

แต่ใครจะรู้เธอเพิ่งจะเคลื่อนตัวออกไปเพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆ ความ รู้สึกของลูกสาวเธอก็อ่อนไหวขึ้นมา ตวาดออกมาเสียงดัง เกือบ จะทำให้หลัวหุยเหม่ยตกใจจนโรคหัวใจกำเริบขึ้นมา

เพียงไม่นานหลัวหุ้ยเหม่ยก็มองออกว่าความรู้สึกของลูกสาว เธอได้พังทลายไปอย่างหนัก ปิดหูไปพลางตวาดเสียงดังใส่อีก ฝ่ายไปพลาง เรียกสายตาของคนบนท้องถนนให้มองเข้ามา
จนพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ได้หนีไป

หลัวหุยเหม่ย ในตอนนี้ถึงแม้ว่าจะคิดว่าหานซิงรอมาวันนึง แล้วยังมีความตั้งใจจริงอีก แต่ทำให้ลูกสาวของเธอโกรธจน กลายมาเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ไม่อยากสนใจเขาอีก

ก็เลยเดินตามเสี่ยวเหยียนไปโดยไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย

เสี่ยวเหยียนก็ได้วิ่งหนีออกไปไกลด้วยความรู้สึกที่ประดังเข้า มา หอบหายใจแฮ่ก ๆ จนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแล้วก็ได้หยุดฝีเท้าไป โค้งตัวหอบหายใจอย่างแรงอยู่ตรงริมถนน เหมือนกับว่าจะขาด อากาศหายใจเสียให้ได้

หลัวหุ้ยเหมียที่ตามมาจากทางด้านหลัง หอบหายใจอยู่ข้างๆ ร่างของเธอ

“ไอ๊หยา ไล่ตามเกือบตายเหยียนเหยียน ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

ได้ยินเสียงหลัวหุ้ยเหม่ย เสี่ยวเหยียนจึงได้รู้ตัวขึ้นมาว่าเมื่อกี้ นี้เธอได้เสียอาการไปเพราะผู้ชายคนนึงต่อหน้าแม่ เธอนิ่งตะลึง อยู่ตรงที่เดิม จากนั้นก็เสมองหลัวหุยเหม่ยอย่างอึ้งๆ

“อย่าเสียใจไปเลย” หลัวหุยเหม่ยยิ้มออกมา เอื้อมมือออกไป ประคองเธอ เอื้อมมือเช็ดน้ำตาตรงขอบตาเธอเบาๆ “เรื่องเล็กๆ เอง แล้วแม่ก็ไม่ได้จะว่าท่าทีเมื่อกี้นี้ของแกหรอก หลายครั้ง ความรู้สึกของเราก็ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้พวกเรากลับ บ้านกัน ดีมั้ย?”

แต่เดิมเสี่ยวเหยียนเพียงแค่อารมณ์อ่อนไหวจนน้ำตาเอ่อออกมา ตอนนี้หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลัวหุยเหมียแล้ว เธอถึง รู้สึกได้ถึงความเสียใจที่แท้จริง

ตอนแรกเธอทำเพียงเม้มปากกลั้นร้องไห้เอาไว้ ต่อจากนั้นก็ ทำได้แค่เพียงเปลี่ยนมากัดริมฝีปากเอาไว้ จากเบาๆจนค่อยๆ แรงขึ้น สุดท้ายริมฝีปากล่างก็ได้ถูกเธอกัดจนเลือดซิบออกมา ก็ ยังไม่อาจระงับความรู้สึกเศร้าในใจเธอได้เลย น้ำตาไหลพราก ออกมา

“เด็กดี พวกเรากลับกันไปก่อน” หลัวหุ้ยเหม่ยเดินเข้าไปจับ แขนลูกสาวของเธอเบาๆ จูงเธอเดินเข้าไปข้างหน้าเหมือนกับ เป็นเพื่อนสาวคนสนิท

กลางคืน

หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเก็บของเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ได้หัน ใบหน้าซีดเซียวไปยิ้มให้กับหลวยเหมยที่อยู่เป็นเพื่อนเธอมา

โดยตลอด

“แม่ แม่ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหนูหรอก กลับไปพักเถอะ”

“จริงหรือ? แกอยู่คนเดียวได้?”

“หนูไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคะ เรื่องพวกนี้ถึงแม้ว่าแม่จะไม่สนใจ หนู หนูปรับให้ดีขึ้นเองได้ แม่วางใจเถอะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว รีบไป อาบน้ำอาบท่าพักผ่อน อย่ามัวรีรออยู่เลยค่ะ

ถึงแม้ว่าภายในใจของเธอเจ็บปวดเหมือนกับถูกมีดแทงเข้า มา แต่เสี่ยวเหยียนก็ยังไม่อยากเห็นแม่ต้องมาเหนื่อยเพราะเธอแล้วยังเป็นเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเรื่องความรักจำพวกนี้อีก พูดออกไปแล้ว ก็อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงจริงๆ

“งั้นก็ได้ แกพักอยู่ที่นี่ไป มีเรื่องอะไรก็เรียกแม่ที่อยู่ห้องข้างๆ นะ เข้าใจใช่มั้ย?”

“เข้าใจแล้ว…”

ในที่สุดหลัวหุ้ยเหม่ยก็ได้ออกไป เสี่ยวเหยียนนอนมองเพดาน สีขาวหิมะอยู่บนเตียงไปอย่างเหม่อลอย

ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ เธอก็ได้พลิกตัวไปปิดไฟตรงหัวเตียง ภายในห้องตกอยู่ในความมืด มีเพียงดวงตาที่เปียกชื้นคู่หนึ่ง ส่องประกายจางๆอยู่ภายใต้แสงจันทร์ที่อยู่ในความมืด

วันที่สอง พระอาทิตย์ขึ้นเหมือนเคย เสี่ยวเหยียนเก็บเตียงออก จากห้อง ในตอนที่ผ่านสนามจัตุรัสก็เห็นบรรดาป้าๆที่เต้นกันอยู่ ที่ลานกลุ่มนั้นยังคงคึกคักกระฉับกระเฉง พนักงานออฟฟิศรีบไป สถานีรถไฟกันอย่างรีบเร่ง หน้าจอใหญ่ที่แขวนอยู่บนตึกใหญ่ได้ เปลี่ยนค่าโฆษณาของดาราอีกอันนึง

เมฆขาวท้องฟ้าสีคราม อยู่เหมือนเดิม

ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา โลกก็ยังคงหมุนไป

เธอเศร้าเสียใจไปแล้วมันยังไง ก็ยังต้องต้อนรับวันใหม่ ต้อง มุ่งมั่นพยายามหาเงินใช้หนี้อยู่เหมือนเดิม

ตอนที่ถึงร้านราเม็ง ในตอนที่เสี่ยวเหยียนเดินไปถึงที่หนึ่ง ก็ยืนอยู่ตรงนั้นนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นวานขึ้นมา

ที่ตรงนี้ ที่เขารอเธออยู่วันนึง

ในสายตาของใครหลายคนก็คงคิดว่าเขามีความตั้งใจจริง แต่การกระทํานั้นของเขา ได้ทำให้หัวใจของเสี่ยวเหยียน แหลกสลาย

เธอไม่อยากทําร้ายตัวเองอีกแล้ว

คิดถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็สูดหายใจเข้า แล้วเปิดร้าน ณ บริษัทตระกูลหาน

เมื่อวานท่านประธานหานผลักตารางงานทั้งหมดไป จากนั้นก็ ออกไปไม่กลับมาบริษัทเลยทั้งวัน ซูจิ๋วทำได้เพียงจัดการงาน ทั้งหมดจนเสร็จเอง แล้วค่อยจัดตารางงานของวันนี้ให้แน่นขึ้น อีกหน่อย

แต่พอเช้าตรู่ ซูจิ๋วก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่ไม่ถูกต้องจากร่างหานชิง มืดมนจนน่ากลัว ตอนที่คุณคุยกับเขา เขาก็ไม่ตอบ ยังคงยืนอยู่ ด้วยใบหน้ามืดครึ้มอยู่ตรงนั้น ทำให้คนอื่นรู้สึกกดดันขึ้นมา

ซูจิ๋วลูบจมูกของตัวเองเบาๆ ถอยห่างออกไปอีกหน่อยอย่างรู้ งาน จากนั้นก็มองเงาร่างเบื้องหลังของหานชิง

เป็นเลขาของหานชิงมานาน เมื่อวานทานชิงออกไปทำอะไร เธอจะไม่รู้ได้ยังไง?

เพียงแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าผลที่ออกไปเมื่อวาน ไม่ได้สมดั่งหวัง?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ