เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1300 เป้าหมายของเธอคืออะไร



บทที่1300 เป้าหมายของเธอคืออะไร

เดิม หานซิงก็ดูดีหล่อเหลาอยู่แล้ว และใบหน้าที่เป็นประเภทที่มี ทั้งความเยือกเย็นและสงบราวกับคมมีด ตอนที่ไม่ยิ้มดูเคร่งขรึม ตอนที่ยิ้มก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ เป็นใบหน้าที่แค่ มองก็ทำให้เคลิบเคลิ้มได้ แต่กลับเผยแววตาแบบนี้ออกมาได้ ราวกับว่าจะดูดเธอเข้าไปในนั้นทั้งตัวได้เลย

เสี่ยวเหยียนมองดูหานชิงที่เป็นแบบนั้น แล้วก็เผลอกลืน ทําลายเข้าไปค่าหนึ่ง

ช่าง………งมีเสน่ห์ดึงดูดเกินไปแล้ว!

น่าเสียดาย ที่เธอก็รู้ดีที่สุด ว่าอีกเดี๋ยวหานซึ่งจะต้องออกไป ดังนั้นเธอเลยไม่อยากรบกวนเวลาของเขา

“ซุป ซุปไก่……ยังไม่ได้ดื่มเลย

ตอนที่เสี่ยวเหยียนเปิดปาก น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย หานชิงชนเข้ากับหน้าผากของเธอเบาๆ “เวลาไหนแล้ว ยังจะ คิดถึงซุปไก่อีกเหรอ”

แน่ แน่นอนสิ นั่นเป็นซุปที่ฉันตั้งใจเคี่ยวให้คุณเลยนะ แต่ ว่า……ฉันลืมเอาถ้วยมา คุณรอฉันอยู่ที่นี่แปปหนึ่งนะโอเคไหม

“ไม่ต้อง” หานซิงสายหัว “เอาถ้วยทำไม กระติกเก็บความร้อน ก็ดีมได้เลยนี่”
พอได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็อตเบิกตาโตไม่ได้ ในหัว ปรากฏภาพที่หาน งดื่มซุปไก่จากกระติกเก็บความร้อน ใน สายตาของเธอ หานซึ่งนั้นดูเป็นคนที่สง่างาม อ่อนโยน และเงียบ สงบมาตลอด

ถ้าหากเขาดื่มจากกระติกเก็บความร้อนเลย จะดูดิบเถื่อน ขนาดไหนกันนะ

เพียงแค่คิดภาพ เสี่ยวเหยียนก็เริ่มรู้สึกรับไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ว่า ตัวเธอเองรับไม่ได้ แต่เธอรับไม่ได้ที่หานซึ่งจะถูกปฏิบัติแบบนั้น

เสี่ยวเหยียนก็เลยรีบส่ายหน้า “ไม่ได้ ห้ามใช้กระติกเก็บความ

ร้อน”

“ทำไม รับไม่ได้ถ้าฉันจะดื่มจากกระติกเก็บความร้อนเหรอ” เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง สีหน้าเคร่งขรึม “ใช่ คุณ เป็นคนสมบูรณ์แบบ ไม่ได้เด็ดขาด…….

แต่เธอยังไม่ทันได้พูดจบ หานซึ่งก็หยิบกระติกเก็บความร้อน ขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็ดื่มซุปต่อหน้าเธอ

เสี่ยวเหยียน

เดิมทีเธอก็ห้ามไม่ทันอยู่แล้ว และหานซึ่งก็ทำแบบนั้นก่อน แล้ว เสี่ยวเหยียนเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อสายตา มองดูหานชิงที่ อยู่ตรงหน้า

ถึงแม้การกระทำจะดูหยาบกระด้าง แต่หากดูจากตัวของท่าน ชิงแล้ว ก็ยังดูดีขนาดนั้น สะกดตาสะกดใจผู้มอง
คนที่เกิดมาดูดีเนี่ย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ยังดูดี

หาน งดื่มไปนิดเดียว จากนั้นก็วางกระติกเก็บความร้อนลง

“ไม่ต้องคิดภาพฉันไว้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น ตอนอยู่ต่อหน้า เธอ ฉันก็เป็นตัวฉันที่แท้จริงที่สุด เข้าใจไหม

เสี่ยวเหยียนพยักหน้าที่แดงระเรื่อ “อืม…….. ออกไปสินะ” อีกเดี๋ยวคุณจะต้อง

“อืม วันนี้ค่อนข้างยุ่ง เธอกลับบ้านไปก่อนเลย

“ได้” เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นจิ๋วก็เข้ามา เร่งหาเชิง หลังจากที่หานชิงออกไปแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ไปดู กระติกเก็บความร้อนที่หนึ่ง แล้วพบว่าซุปที่อยู่ข้างในนั้นถูกดื่ม จนเกลี้ยงแล้ว ริมฝีปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มทันที กอด กระติกเก็บความร้อนด้วยความรู้สึกสุขล้น

นั่นอยู่ในห้องทำงานอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวเหยียนก็เก็บของแล้วเดิน ออกไป

ตอนที่เสี่ยวเหยียนออกไปนั้นก็ยังคงใช้ลิฟต์ส่วนตัวของหาน ชิง เดินทีตอนแรกเธอก็ไม่ได้คิดจะใช้ลิฟต์ตัวนี้ขึ้นมาอยู่แล้ว เพียงแต่เห็นว่าลิฟต์อีกตัวหนึ่งนั้นคนเกินไป ทุกครั้งที่เห็นเธอต่าง ก็คอยทําความเคารพ

เธอเป็นคนหน้าบาง ถูกคนมากมายเห็นเข้าก็รู้สึกเกรงใจ ดัง นั้นจากนั้นมาก็เลยใช้ลิฟต์นี้ตลอด
ตอนที่เสี่ยวเหยียนออกมานั้น ก็ไม่ทันสังเกตว่ามีคนมองเธอ

อยู่

สวี่เย็นหวั่นยืนหลบอยู่หลังกำแพง มองดูเงาของเสี่ยวเหยียนที่ เดินจากไป จากนั้นก็เห็นกระติกเก็บความร้อนที่อยู่ในมือเธอ

นี่เป็นครั้งแรกที่สวี่เย็นหวั่นได้เห็นแฟนของหานซึ่ง

เพียงแค่ใบหน้าด้านข้าง กับเงาของแผ่นหลัง ดูแล้วเป็นคนที่ บอบบางน่าปกป้อง เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็สบายๆ ดูเป็นเด็กสาวที่ใส ชื่อบริสุทธิ์

คนที่ใสซื่อขนาดนี้ จะไปอยู่กับหานซึ่งเพราะชอบฐานะและ ตำแหน่งของเขาได้อย่างไร

สวีเย็นหวั่นไม่รู้ แต่ว่าเธอกลับเข้าใจแจ่มแจ้ง สิ่งที่เจียงเหวิน เหวินพูดกับเธอพวกนั้นมันฝังลึกเข้าไปในจิตใจเธอ

ถ้าเกิด ถ้าเกิด…..เด็กสาวคนนี้อยู่กับหานชิงเพราะฐานะและ ตำแหน่งของเขาจริง แล้ว……..เธอควรจะทำอย่างไรดี

“เธอกำลังดูอะไรอยู่”

ทางด้านหลังมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำเอาสวี่เย็นหวั่นถึงกับ สะดุ้งตกใจ เธอรีบหันกลับไปมองทันที แล้วพบเข้ากับสายตา อยากรู้อยากเห็นคู่หนึ่ง

พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นเดินไปตักน้ำ ตอนที่เตรียมจะ กลับมา ก็เห็นเงาของคนๆหนึ่งยืนอยู่มุมกำแพงไม่รู้ว่ากำลังดู อะไรอยู่ จากนั้นพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็มองตาสายตาของเธอไป แล้วก็พบว่าเป็นแผ่นหลังของเสี่ยวเหยียน

จากนั้น เธอก็อดถามออกมาค่หนึ่งไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่หันหลังกลับไปนั้น สายตาของทั้งสอง คนจะสบกันเข้า พนักงานหน้าเคาน์เตอร์นิ่งอึ้งอยู่กับที่

“เธอ เธอไม่ใช่คนเมื่อไม่กี่วันก่อนเหรอ….” พนักงานหน้า เคาน์เตอร์มองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่ นี้ได้”

เพราะว่าเธอเคยเห็นตัวเองมาก่อน อีกอย่างยังเคยฟังเธอพูด คำพูดไร้สาระพวกนั้นออกมาด้วย ดังนั้นตอนนี้สวีเย็นหวั่นก็เลย พอจะเดาความคิดของเธอได้ เธอสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็ส่งยิ้ม ให้เธอ

“สวัสดีค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นพนักงานของที่นี่อย่างเต็มตัวแล้ว จากนี้ไปพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วนะคะ”

พอพูดจบ

สวีเย็นหวั่นก็ยื่นมือขาวนุ่มไปหาเธอ

พนักงานหน้าเคาน์เตอร์มองดูมือที่ขาวนวลคู่นั้น รีบมองดูชุด พนักงานที่เธอสวม ไม่ได้ดูซอมซ่อเหมือนครั้งที่แล้วอีกต่อไป ดู แล้วเป็นผู้หญิงที่มีออร่า อีกอย่างบรรยากาศบนตัวเธอก็ดูไม่ได้ อ่อนด้อยเลย

พอเธอได้สติกลับมาอีกครั้ง มือของตัวเองก็ยื่นออกไปสัมผัส กับมือของสวีเย็นหวั่นเสียแล้ว

สัมผัสเพียงครั้งเดียว สวี่เย็นหวั่นก็ถอนมือกลับไป
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ยังไม่ตายใจ ยังเค้นถามเธอต่อว่า “ก่อนหน้านี้เธอแกล้งทำเหรอ เพื่อเข้าบริษัทตระกูลหานใช่ ไหม เธอมีเป้าหมายอะไรกันแน่

สวี่เย็นหวั่นชะงักไปครู่หนึ่ง ราวกับเดาไว้แล้วว่าเธอคงจะถาม คําถามพวกนี้ เธอพูดออกมาเรียบๆว่า “คุณคิดมากไปแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ได้แกล้งหรอกค่ะ เพียงแต่ช่วงนั้นฉันทำตัวน่า เวทนามาก ที่มาที่นี่ก็เพื่อมาเจอหน้าเพื่อนเก่าเท่านั้น ส่วนเป้า หมายของฉัน ฉันไม่ได้มีเป้าหมายอะไร เพียงแค่ตอนที่ส่งใบ สมัครนั้น ได้มาเข้าที่นี่พอดีเท่านั้นเองค่ะ”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์กลับ ไม่ยอมเชื่อ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร พอส่งสมัครก็ได้ บริษัทนี้พอดีอย่างนั้นหรือ คำพูดพวกนี้ใช้หลอกเด็กคงจะได้ แต่ หลอกเธอไม่ได้หรอก

แต่ว่าเธอได้เข้าบริษัทมา ในเวลาอันรวดเร็วขนาดนี้ ดูแล้วก็คง ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาทั่วไป พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็เลยถาม ว่า “ตอนนั้นเธอเข้ามาอย่างไม่เจตนา แล้วเมื่อกี้ล่ะ ถ้าฉันเดาไม่ ผิด เธอกำลังมองแฟนของประธานทานของพวกเราใช่ไหม เธอ อยากทําอะไรกันแน่

น้ำเสียงนั้นฟังดูค่อนข้างเหมือนกันเค้นถาม ราวกับว่าสวีเย็น หวั่นมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ สวี่เย็นหวั่นเป็นคนเย่อหยิ่งมาตลอด ถึง แม้ตอนนี้จะตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา แต่เมื่อก่อนเธอก็เป็นถึง คุณหนูตระกูลสวี่ และยังไม่เคยโดนเค้นถามแบบนี้ก่อน
อีกอย่างที่เห็นได้ชัดว่าความหมายที่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์

ถามนั้นก็เพราะสงสัยว่าเธอกำลังคิดจะทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ตอบสนองได้อย่าง

รวดเร็ว “ฉันไม่ได้อยากทําอะไรหรอกค่ะ แค่ยืนมองคนๆหนึ่งอยู่

ตรงนี้ก็ถือว่าทำผิดกฎหมายด้วยหรือคะ อีกอย่าง คุณบอกว่าเธอ

เป็นแฟนสาวของประธานทาน ประธานทานของพวกเรามีแฟน

แล้วเหรอคะ”

พนักงานหน้าเคาน์เตอร์เบิกตาโต “เธอไม่รู้ แล้วเธอไปดูเขา ทําไม”

“แค่รู้สึกว่าเธอแต่งตัวเหมือนสาวน้อย ดังนั้นก็หันไปมอง หลายๆครั้งก็เท่านั้น มีปัญหาเหรอคะ”

พอพูดจบ สวี่เย็นหวั่นก็หันหลังเดินจากไปทันที การพูดคุยกับ คนประเภทอย่างพนักงานหน้าเคาน์เตอร์นั้นไม่ก่อประโยชน์อะไร เลยแม้แต่น้อย เธอไม่อยากจะคุยต่อแล้ว

มองดูแผ่นหลังของเธอ แล้วก็ครุ่นคิดในใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ