เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1337 อะไรๆก็ทำออกมาเสียหมด



บทที่1337 อะไรๆก็ทำออกมาเสียหมด

“ฉันเองก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน เธอแมนเสียขนาดนั้น จะไปมีด้านที่เป็นสาวน้อยอย่างนั้นได้ยังไงกัน? แต่ตอนนั้นที่ บาร์เหล้าก็เสียงดังไป ฉันไม่ได้ยินว่าพวกเธอคุยอะไรกัน แต่ถึง ยังไงหลังจากนั้นก็เป็นเซียวซูที่เป็นคนแบกเธอกลับ ส่วนเธอก็รัด คอเขาเสียแน่นก็เท่านั้น”

ได้ยินคำอธิบายพวกนี้ ตรงหน้าของเจียงเสียวไปแทบจะ ปรากฏภาพออกมาเลย

คือที่เธอกอดคอเซียวแน่น ทั้งร่างก็เกาะอยู่บนแผ่นหลังของ เขา แล้วสีหน้าเจ็บปวด แบกเธอเดินออกไปอย่างยากลำบาก

จะคิดยังไงก็รู้สึกว่ามันน่ากลัวเสียจริง

แต่ก็แค่เพียงอย่างนี้เท่านั้นเองหรอ? ความรู้สึกว่าถ้ามันเพียง แค่อย่างนี้ เซียวซูก็คงไม่ใช้สีหน้าที่ดูมีนัยบางอย่างอย่างนั้นมอง เธอหรอก

“ต่อจากนั้นล่ะ?”

“หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้หรอก หลังจากที่พวกเธอออกจากบาร์ ไป ฉันก็ไม่ได้ตามไป แต่…ทำไมจู่ๆเธอถึงถามอย่างนี้ล่ะ? เธอนึก ไม่ออกหรอ?”

“นึกไม่ออก ลืมไปหมดเลย รวมถึงตรงส่วนที่เธอพูดเมื่อกี้นี้ ด้วย”
ฟางถังถัง “เธอมันดื่มจริงๆ รีบไปหยิบเต้าหู้มาชนให้ตายๆไป

สำหรับเมื่อคืน ไม่ว่าฟางถังถังจะชี้จุด อธิบายยังไง ท้ายที่สุด เจียงเสี่ยวไปก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าเมื่อคืนเธอได้ทำอะไรลงไปกัน แน่ เธอได้ลืมเรื่องทั้งหมดไปจนสิ้น

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเลยก็คือ ภาพที่น่ากลัวนั้นได้ปล่อยให้เชียว เห็นไปเสียแล้ว

ส่วนเซียวซูก็ยังไม่ยอมพูดอีก เจียงเสี้ยวไปรู้สึกว่าไม่สบายใจ

เหมือนกับว่ามันคันยุบยิบอยู่ในใจ

“ไม่งั้นเธอก็ไปถามเซียวซูเสียเถอะ ฉันคิดว่าเขาคงไม่ถึงกับจะ ไม่บอกเธอเลยหรอกน่า

ดูพูดเข้าสิ ช่างไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน

“ถ้าฉันถามเขาแล้วได้อะไรมา ฉันจะยังโทรหาเธออีกหรอ? เขาไม่บอกฉัน”

“ทำไมกันล่ะ?” ฟางถังถังไม่อาจเข้าใจได้ “ทำไมเขาต้อง ปิดบังเธอล่ะ? เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าควรต้องเป็นอย่างนี้หรอ เธอถาม เขาเขาก็ตอบ ถึงยังไงความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งสองคนเดิมที ก็เป็นเรื่องแสดงกันอยู่แล้ว รู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรให้น่าปิดบังเลย

เจียงเสียวไปเองก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน

ฟางถังถังจู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ร้องเสียงแหลมออกมา “อ้า!จะเป็นไปได้มั้ยว่าเธอทำเรื่องอะไรที่มันเสียมารยาทกับเขา ทำให้เขารู้สึกลำบากใจที่จะพูดถึงมัน ก็เลย…

คำพูดยังไม่ทันพูดจบ สีหน้าของเจียงเสียวไปก็ดูแย่ออกมา เสียแล้ว

“เป็นไปไม่ได้! ฉันจะไปทำเสียมารยาทกับเขาได้ยังไง!

“งั้นฉันขอถามเธอ ตอนเธอมีสติดีๆเธอจะกระโจนใส่หลังของ เขา ให้เขาแบกเธอหรือเปล่า?”

ได้ยินคำพูดนั้น เจียงเสี่ยวไปก็ตอบออกมาทันทีแทบจะไม่ต้อง คิด “ไม่มีทาง”

“แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นหรือไง เมื่อคืนเธอเมา แต่ก็เข้ากระโจน ขึ้นไปบนหลังของคนอื่นเขาเต็มแรงเลยนะ แล้วยังรัดคอคนอื่น เขาแน่นไม่ยอมปล่อยอีก”

เจียงเสี่ยวไปถูกฟางถังถังพูดออกมาเสียจนเธอพูดไม่ออกเลย ทีเดียว

“จะว่าไปแล้วตอนที่เธอเมา ก็มีโอกาสที่เธอจะทำเรื่องอะไรๆ ออกมาได้จริงๆนั่นแหละ เสี่ยวไป เขาไม่ยอมบอกกับเธอ เธอจะ ต้องทำอะไรเขาไปแน่ๆ!

ในขณะที่เจียงเสี่ยวไปหมดคำพูดอยู่นั้น คิดว่าสิ่งที่ฟางถังถัง พูดออกมานั้นเหมือนกับว่ามันก็สมเหตุสมผลมากเหมือนกัน

น่าตายเสียจริง! อ้ากก! ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดออก มาได้อย่างสมเหตุสมผลได้
แต่เธอก็ยังนึกไม่ออกเลยสักนิดเดียว ส่วนคำพูดนั้น สายตา อย่างนั้นของเซียว ถึงขนาดที่ดูมีนัยบางอย่าง ชวนให้คิดลึก เลย

จบกันๆ เจียงเสี่ยวไปในตอนนี้ก็ยังคิดอยู่เหมือนกัน ตนคงทำ เรื่องเสียมารยาทมากๆลงไป

“งั้นจะทำยังไงดี? ถ้าตามที่เธอว่ามาจริงๆ ฉันทำอะไรกับเขา งั้นหลังจากนี้พวกเราเจอกันจะไม่รู้สึกอึดอัดกันหรอ?”

“อะแฮ่ม…” ฟางถังถังกระแอมออกมาเบาๆ “อึดอัดก็อึดอัดไป สิ ถึงยังไงเธอก็ลืมมันไปหมดแล้ว คนที่จำได้ก็คือเขา ฉันว่าถึง แม้ว่ามันจะต้องอึดอัด แล้วก็ควรเป็นเขาที่จะต้องเป็นฝ่ายที่ อีตอัด ถึงจะถูก”

เจียงเสียวไปปวดหัวขึ้นมา

หลังจากที่วางสายไป ก็ยังจำเรื่องนี้ได้ เธอนอนลงไปพยายาม คิด แต่ก็ยังนึกถึงความทรงจำที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอเมาเมื่อคืน ไม่ได้เลยสักนิด

เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวก็ไม่มีเลยสักนิด

สวีเย็นหวั่นนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวัน สีหน้าก็ดีขึ้น

เยอะ

ในระหว่างนั้นเอง ตอนที่เสี่ยวเหยียนพักอยู่บางครั้งก็จะส่ง อาหารบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนซูจิ๋วเองก็อยู่เฝ้าสวี่เย็นหวั่นอยู่ตลอดเลยเช่นกัน

ช่วงหลายวันมานี้ เหล่าผู้หญิงพวกนั้นก็นับว่าเข้ากันได้ดี ซูจิ๋วกับเสี่ยวเหยียนพูดคุยกันไปได้ด้วยดีที่สุด ส่วนสวีเย็น หวั่นนั้นก็มักจะเงียบอยู่เสมอ

บางครั้งก็มักจะมองเสี่ยวเหยียนไปอย่างเหม่อลอยอยู่เป็น ประจำ จนต้องมีคนเรียกเธออยู่หลายคำกว่าเธอจะได้สติกลับมา จากนั้นก็ฝืนยิ้มจางๆออกมา

ตอนที่มันเกิดเพียงไม่กี่ครั้งก็ยังดีอยู่ ต่อมาหลายครั้งเข้า เสี่ยวเหยียนเองก็เกิดความสงสัยขึ้นมา จึงได้ถามเธอว่าทำไม จ้องเธออยู่ตลอดเลย

คําตอบของสวีเย็นหวั่นเองก็มีขอบเขตรู้ว่าอะไรควรไม่ควร เหมือนกัน

“เห็นเธอยังสาว ก็เลยอิจฉานะ และก็ชอบความมีชีวิตชีวาของ เธอด้วย”

โดยสรุปแล้วเมื่อได้คำนึงถึงทุกๆ ด้านแล้ว ก็ไม่ได้ให้ความ รู้สึกอึดอัดอะไร

ซูจิ๋วเดิมทีก็คิดว่าจากที่ได้ไปมาหาสู่กันก็ได้มองเห็นอะไรบาง อย่าง แต่ผลก็คือไม่ว่าอะไรก็มองไม่ออกเลยสักนิด แต่สุดท้าย เธอก็ได้ข้อสรุปหนึ่งมา

สวี่เย็นหวั่นไม่ได้มีความคิดแบบนั้น ไม่ก็เธอก็ปกปิดได้เก่ง มาก เธอก็เลยมองไม่ออกเลย
ถ้าเป็นอย่างแรก นั่นมันก็ดีมากจริงๆ

แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง…

ดวงตาของซูจิ๋วแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งลึกออกมา จ้องมองใบหน้า ด้านข้างของเสี่ยวเหยียนไปเล็กน้อย พบว่าแววตาของหญิงสาวก็

ยังคงใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ตามเคย

ถ้าเป็นอย่างหลัง นั่นก็คงจะเห็นท่าไม่ดีเข้าแล้ว

อันที่จริงแม้แต่ซูจิ๋วเองก็มองไม่ออกว่าสวีเย็นหวั่นจะเป็นอย่าง

ไหนกันแน่

“เสี่ยวเหยียน”

เสี่ยวเหยียนกำลังจัดของ ได้ยินซูจิ๋วเรียกตัวเอง ก็เลยส่งเสีย งอึมออกไปจากนั้นก็หันมามองเธอ “เลขาซู เป็นอะไรไปคะ?”

ท่าทาง ใสซื่อของอีกฝ่ายได้ทำให้คำเตือนของซูจิ๋วได้เคลื่อน มาจุกอยู่ตรงลำคอ ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะต้องกลืนมันกลับไป

ถ้าเกิดเป็นเธอที่คิดเยอะไปล่ะ?

“เลขาซู?”

เห็นเธอไม่ตอบอยู่นาน เสี่ยวเหยียนก็ได้เรียกเธอไปด้วยความ สงสัย ซูจิ๋วได้สติกลับมา เห็นเสี่ยวเหยียนมองเธอมาด้วยสีหน้า

สงสัยอยากรู้

“คุณเป็นอะไรไป?”

“ไม่มีอะไร” สุดท้ายแล้วซูจิ๋วก็ต้องกลืนคำพูดพวกนั้นกลับลงไป อันที่จริงตอนนี้สวีเย็นหวั่นก็ไม่ได้ทำอะไร ถึงแม้ว่าเธอจะเป็น แบบอย่างหลังจริงๆ แต่การชอบใครสักคนนั้นเป็นอิสระ ถ้าเธอ ชอบทานชิง แต่เก็บมันเอาไว้ในใจไม่แสดงออกมาล่ะก็ เธอก็ ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายเรื่องของเธอ

ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดออกมา แต่เธอไปพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดพวกนี้กับ เสี่ยวเหยียนแล้วล่ะก็ ถึงตอนนั้นมันจะส่งผลให้เธอจะถูกคนอื่น เข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง?

คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว ซูจิ๋วก็ได้เปลี่ยนคำพูดที่อยู่ตรงริมฝีปาก ออกมา “ก็แค่อยากลองถามเธอดูเท่านั้นเอง ว่าจะแต่งงานกับ ท่านประธานหานของพวกเราเมื่อไหร่?

เสี่ยวเหยียนนึกไม่ถึงว่าจิ๋วจะถามคำถามจำพวกนี้ออกมาอีก หน้าก็แดงออกมาทันที

“เลขา ทำไมคุณถึงได้ถามคำถามจำพวกนี้อยู่ตลอดเลย

ล่ะ?”

“ทำไมกันล่ะ? พวกเธอทั้งสองคนคบกันแล้วยังไม่ให้คนอื่น

เขาถามเรื่องพวกนี้กันเลยหรอ? คบกันมาก็นานแล้วมั้ยล่ะ? อีก

อย่าง… ซูจิ๋วชนไปที่แขนของเสี่ยวเหยียน เอ่ยเสียงเบาๆออกมา

“เมื่อก่อนข้างกายของหานซึ่งไม่เคยมีผู้หญิงมาก่อนเลย ละทิ้ง

กิเลสไปเสียอย่างกับพระไม่มีผิด มีช่วงหนึ่งที่ฉันถึงขนาดที่ยังคิด

ว่าหมอนั่นจะชอบผู้ชายหรือเปล่า? แต่ภายหลังมาเธอก็ได้

ทําลายความคิดของฉันไป ดังนั้นแล้วก็เลย

เธอยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ดึงมือของเสี่ยวเหยียนไปอย่างสนิทสนม เอ่ยถามออกมาอ้อมๆ “เธอก็ให้ฉันสมใจอยากหน่อย เถอะ บอกฉันหน่อยว่า ตกลงพวกเธอทั้งสองคนนอนด้วยกัน แล้วหรือยัง?”

เสี่ยวเหยียน “.….”

เธอเม้มริมฝีปากแดงๆของตัวเองออกมาเล็กน้อย พร้อมเอ่ย เบาๆออกมา “คุณถามซะตรงจังเลยนะ

พูดจบ หน้าของเสี่ยวเหยียนก็แดงเสียจนไม่เป็นรูปเป็นร่าง ซูจิ๋วหรี่ตาลงเล็กน้อย “เห็นท่าทางหน้าแดงของเธอแล้ว ดู เหมือนว่าพวกเธอจะ…”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ