เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1160 อย่าคิดไปเองเลย



บทที่ 1160 อย่าคิดไปเองเลย

หญิงสาวมีจุดประสงค์ที่จะปกป้องเขา หานซึ่งรู้สึกได้

ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่รู้สึกอะไร ทว่าตอนนี้ภายในใจกลับรู้สึก แปลกๆเต็มไปหมด

“พอๆ แม่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย เธอไม่ต้องเป็นกังวลไป แม่ได้ พูดสักคําหรือยังว่าเขาเป็นคนหัวรุนแรง?”

เสี่ยวเหยียน : ……..

เธออึ้งไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่าแม่ของเธอนั้นคิดแบบนี้ หรือเธอ เข้าใจผิด?

หลัวหุยเหม่อมองไปยังทานซึ่ง

“ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้คุณก็ช่วยเสี่ยวเหยียนของเราไว้ ถ้าไม่ได้ คุณไปช่วยทันเวลา เรื่องนี้ก็คงจะบานปลายจนเราไม่สามารถ แก้ไขหรือจัดการได้ เพราะฉะนั้นขอบคุณมากนะ

พูดจบ หลัวหุยเหม่ยก็ยืนขึ้น แล้วโค้งคำนับไปทางหานซึ่งเพื่อ แสดงความขอบคุณ

เมื่อพ่อจางเห็นเช่นนั้น ก็ทำตาม

อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ก็เลย อึ้งไปชั่วขณะแล้วค่อยได้สติกลับมา

“คุณลุงคุณป้าไม่ต้องทำแบบนี้หรอกครับ เรื่องแบบนี้ถึงไม่ใช่ผม เปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน”

หลัวหุยเหม่อมองไปยังผู้ชายร่างสูงและหล่อเหลาที่อยู่ตรง หน้าเธอ แล้วก็หันไปมองลูกสาวของตัวเองที่หดตัวเข้าไปใน กระดองอย่างกับเต่า คิดไปคิดมา ตอนที่กำลังคิดอะไรเรื่อย เปื่อย เสียงโทรศัพท์ของหานซึ่งก็ดังขึ้น

“ขอโทษนะครับ ขอตัวรับสายสักครู่ครับ” เขาถือโทรศัพท์ออกไปยังระเบียง

ในตอนที่เขากำลังคุยโทรศัพท์ หลัวหุยเหม่ยก็มองดูลูกสาว ของตัวเอง

ตอนแรกนึกว่าหลังจากผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืน ลูกสาวอาจจะกลัว และระแวงไปหมด หรือได้รับผลกระทบต่อจิตใจอย่างหนัก แต่ว่า ดูลูกสาวของเธอในตอนนี้สิ? ความรู้สึกเหล่านั้นไม่มีเลยแม้แต่ น้อย แต่กลับกัน บนใบหน้านั้นยังเต็มไปด้วยความสุข ในตอนที่ หาเชิงออกไปรับโทรศัพท์ สายตาของเธอก็มองไปทางเขา ตลอด

เอ๋. ผู้หญิงควรออกเรือนเร็วๆเมื่อถึงเวลาอันสมควร คำนี้ เป็นจริงสินะ เป็นความจริงในชีวิตของคนเรา

ผักกาดขาวที่ปลูกไว้ที่บ้าน ในที่สุดก็กำลังจะถูกเด็ดไปแล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยรู้สึกทั้งเศร้าและยินดี เธอเดินเข้าไปใกล้เสี่ยวเหยี ยนแล้วถามขึ้นว่า

“ไหนบอกแม่ว่า เมื่อคืนยังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก?”
เสี่ยวเหยียน | | | |

ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืนยังดี เมื่อพูดถึงแล้ว เสี่ยวเหยียนมี ปฏิกิริยาตอบสนองที่ใหญ่มาก ทว่าเธอได้รับบทเรียนจากเรื่องที่ เกิดขึ้นเมื่อเช้า เธอก็เลยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป แกล้งทำ เป็นนิ่งๆแล้วนั่งอยู่ที่เดิม

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ”

“ลูกแน่ใจ?”หลัวหุ้ยเหม่ยหรี่ตามองเธอ

เสี่ยวเหยียนกะพริบตาด้วยความตื่นเต้น พยายามพยักหน้า ให้ดูปกติที่สุด “ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ

ทว่า ในตอนที่หลัวหุยเหม่ยเดินเข้ามาสำรวจเธอดีๆ เสี่ยวเหยี ยนก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกกลัว ไม่กล้าสบตากับหลัวหุยเหม่ย

สีหน้าที่มีความรู้สึกกลัวแบบนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยจะดูไม่ออกได้ อย่างไร? เธอเหลือบไปมองร่างที่อยู่ตรงระเบียง แล้วพูดเสียงต่ำ ว่า “คนๆนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่ลูกบอกแม่ก่อนหน้านี้ใช่ ไหม?”

เสี่ยวเหยียน : ? ? ? ”

จู่ๆทำไมแม่ถึงถามคำถามนี้ขึ้นมา? สกิลการดูคนของเธอเก่ง ขนาดนี้เลยเหรอ? เสี่ยวเหยียนนั้นรู้สึกไม่สู้ดีนัก

เมื่อเห็นท่าทางลนลานของลูกสาวตัวเอง เธอก็รู้คำตอบแล้ว นึกไม่ถึงว่า คนที่ลูกสาวตัวเองชอบนั้นจะเป็นลุงของเสี่ยวหมี่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยก็คิดอะไรออก “ลูกดีกับเสี่ยวหมี่ โต้วขนาดนั้น คงไม่ใช่เพราะชอบลุงของเขาหรอกนะ?”

“แม่! แม่อย่าพูดมั่วนะ เสี่ยวหมี่โต้วก็คือเสี่ยวหมี่โต้ว หานซิง คือหานชิง ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเป็นญาติกัน แต่มัน ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ลูกทำเลย

อันดับแรกเธอเป็นเพื่อนสนิทของมู่จื่อ อันดับที่สองเธอมาชอบ หานซึ่งภายหลัง และถึงแม้เธอจะไม่ได้รักกับหานซิง เธอกับ อก็ไม่มีทางขาดการติดต่อกันอย่างแน่นอน เธอทำดีกับเสี่ยวหมี่ โต้วเพราะอยากอยู่ใกล้หานซิงนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

ความสัมพันธ์ของเธอกับเสี่ยวหมี่โต้วนั้นดี แถมทั้งสองยังเข้า กันได้ดีอีกด้วย

“งั้นก็ดี ลูกสาวของแม่ไม่ได้เป็นคนแสวงหาผลประโยชน์เพียง อย่างเดียว อีกอย่างเสี่ยวหมี่โต้วยังเด็กและบริสุทธิ์ แถมยังเชื่อ ใจลูกมากๆด้วย ต้องเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน”

ในตอนที่กำลังคุยกัน หานชิงที่คุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินเข้ามา เสี่ยวเหยียนจนลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “เป็นสายจากบริษัท ใช่ไหม? ที่นี่ก็เรียบร้อยแล้ว งั้น…..นายจะกลับบริษัทก่อนไหม?”

มองดูท่าทางเลิ่กลั่กของลูกสาวตัวเองแล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยก็ยิ้ม เล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

“ใช่ค่ะ คุณชายหาน เรื่องนี้ลำบากคุณมากแล้ว ถ้าสะดวกเราก็อยากเชิญคุณทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อน แต่ดูท่าแล้วเหมือน คุณชายหานจะมีงานด่วน งั้นเอาแบบนี้นะคะ คุณชายหานว่าง เมื่อไหร่ก็บอกนะคะ ฉันกับตาจางอยากจะเลี้ยงข้าวสักมือเพื่อ แสดงความขอบคุณค่ะ”

กินข้าว? หานซึ่งมองไปยังหญิงสาวที่มีท่าทีลนลาน ถ้าเขารับ ปากจริงๆ หญิงสาวนันคงจะลนลานกว่าเดิม เขายิ้มเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ขอบคุณคุณป้ามากนะครับ แต่ว่าทางบริษัทมีเรื่องด่วนจริงๆ

ไว้วันอื่นผมจะเลี้ยงเองนะครับ”

“จะให้คุณเลี้ยงได้ยังไงคะ ถึงเวลานั้นให้พ่อของเสี่ยวเหยียน เลี้ยงดีกว่าค่ะ เพื่อเป็นการขอบคุณคุณด้วย

หลังจากที่ได้ยินหานซิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลัวหุยเหม่ย

สะกิดเสี่ยวเหยียนเล็กน้อย

“เยียนเหยียน ไปส่งคุณชายหานข้างล่างสิ

“ค่ะๆ รู้แล้วค่ะ”เสี่ยวเหยียนได้สติกลับมา จากนั้นก็เดินออก ไปข้างนอกเพื่อไปส่งหานชิง

ทั้งสองคนเดินมาถึงด้านล่าง โดยที่ไม่ได้คุยอะไรกัน ในตอนที่ หานซึ่งกำลังจะไป หางตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่กำลังยืน เงียบ

หลังจากที่เขาจูบเธอเมื่อคืน เธอก็ทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศ แถมยังทําจนติดลมแล้ว?
ทว่า เวลาแบบนี้ไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องอื่น ปล่อยให้เธอพักผ่อน ก่อนดีกว่า หานซึ่งจึงพูดออกไปด้วยเสียงที่เรียบนิ่งว่า

“กลับขึ้นไปเถอะ”

เสียงที่เรียบนิ่งของผู้ชายช่วยดึงสติของเสี่ยวเหยียนกลับมา เธอเพิ่งรู้ตัวว่าถึงข้างล่างแล้ว ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เธอพยัก หน้าลวกๆ

“อืม งั้นนายก็…. ขับรถระวังด้วยนะ”

พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็ยกมือขึ้นมาโบกให้เขาอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหานชิงไร้ซึ่งอารมณ์ เธอจึงลดมือตัวเองลง แล้วหันหลังเตรียมที่จะขึ้นไปด้านบน

จู่ๆข้อมือของเธอก็ถูกจับแน่น เสี่ยวเหยียนจึงหยุดนิ่งที่เดิม ไม่ สามารถเดินต่อไปได้

หานชิงรั้งเธอไว้

เสี่ยวเหยียน : “! | | |

เขาคิดจะทำอะไร? จู่ๆ ใจของเสี่ยวเหยียนก็เต้นแรงขึ้นมา เธอ ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย เพราะเรื่องเมื่อคืน จนถึงตอนนี้ แล้วทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครเอ่ยปากพูด มีก็แต่ ก่อนมาที่นี่ซูจิ๋ว พูดออกมาเล็กน้อย ตอนนี้เธอก็เลยกลัวว่าเขาจะพูดถึงเรื่องเมื่อ

คืน

แน่นอนว่า มีความกังวลและมีความคาดหวังเล็กน้อย
“ช่วงนี้อย่าออกไปไหนคนเดียว และถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาฉัน

ใครจะไปรู้ว่า หานซึ่งไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืน แต่ออกคำสั่งกับ เธอไม่กี่ประโยค นี่คือกำลังเป็นห่วงเธอใช่ไหม? เสี่ยวเหยียนพ ยักหน้า “โอเค………….

ขึ้นไปเถอะ”

ในระหว่างที่พูด หานซึ่งยื่นมือออกไปขยี้หัวของเธอ แล้วพูด ขึ้นด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า “อย่าคิดมาก”

“หืม?”

เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา อย่าคิดมาก? อย่าคิดมากเรื่องอะไร? หมายถึงเรื่องเมื่อคืนเหรอ? หรือให้เธออย่าคิดมากเรื่องอื่น อย่าเก็บมาบั่นทอนจิตใจตัว เอง?

ในตอนที่เสี่ยวเหยียนมองเขาด้วยความไม่มั่นใจ หานซึ่งที่อยู่ ตรงหน้าก็ขยับเข้ามาใกล้เล็กน้อย ลมหายใจของเขารดใส่หน้า เธอ

“บอกเธอว่าอย่าคิดไปเรื่อย แล้วทำไมถึงมาคิดมากต่อหน้า ฉันแล้วล่ะ?”

เสี่ยวเหยียน:

สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ทำไมเขาถึงเก่งขนาดนี้ แค่พริบตาก็ดูออกว่าเธอกำลังคิดมาก หรือเธอแสดง อาการออกมาชัดเจนเกินไป? ความคิดทุกอย่างนั้นปรากฏอยู่บน ใบหน้า?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ