เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1177 ชินมานานแล้ว



บทที่1177 ชินมานานแล้ว

กินอาหารเป็นเพื่อนนายหลิน? ในแววตาของหานจึงได้ปรากฏ ความเปลี่ยนแปลงไปออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะเบื่อสุดๆ แล้วจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะตั้งใจวิ่งแจ้นมารออยู่ที่นี่ตั้งนานขนาด นั้น แล้วยังมากินอาหารด้วยอีก แล้วยังเรียกเขามาที่นี่ด้วยอีก

“จะให้ฉันพาคุณขึ้นไปหรือเปล่า?”

เสียงของหลวยเหม่ยได้ดึงสติของหานชิงกลับมา เขายิ้ม อย่างมีมารยาทออกมา เอ่ยเสียงเรียบออกมา “ขอบคุณครับคุณ ป้า ผมขึ้นไปเองก็ได้ วันนี้รีบมา ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ผ่านไป อีกสักช่วงนึงแล้วจะต้องมาเยี่ยมเยือนด้วยตัวเองแน่

น้ำเสียงของเขาถึงแม้ว่าจะเรียบนิ่ง และก็ไม่ใช่ท่าทีที่จริงใจ และนอบน้อมเป็นพิเศษจำพวกนั้น แต่หลัวหุ้ยเหม่ยกลับไม่ได้คิด ว่ามีอะไรเลย ถึงยังไงผู้ชายที่ยอดเยี่ยม โดดเด่นเสียขนาดนั้น ยอมลดตัวมาหาลูกสาวตนอยู่หลายครั้ง ถูกเหยียนเหยียนทิ้งไม่ แยแสไปทั้งวันก็ไม่มีการขาดสติออกมา ยังคงรักษาท่าทาง งดงามดั่งเดิมออกมา

และก็ไม่รู้ว่าเพราะว่าตนเป็นพ่อแม่ของเสี่ยวเหยียนก็เลย เปลี่ยนมาประจบสอพลอแทน ตรงจุดนี้หลัวหุยเหม่ยพึงพอใจ มากจริงๆ

เธอไม่แคร์ท่าทีของผู้ชายคนนี้ที่มีต่อเธอกับตาจางว่ามันจะ สามารถดีได้ถึงขั้นไหน ขอเพียงแค่เขาจริงใจดีต่อลูกสาวของเธอก็พอแล้ว

“พูดอะไรกัน คนมาก็พอแล้ว ถ้าตั้งใจมาเยี่ยมเยือนกัน โดย เฉพาะก็ไม่ต้องหรอก เอาล่ะ คุณขึ้นไปก่อนเถอะ

หานซึ่งส่งยิ้มจางๆ เอ่ยพูดเสียงนุ่มออกมา “ขอบคุณครับคุณ

ป้า”

หลังจากที่หานชิงขึ้นไปแล้ว หลัวหุยเหม่ยคิดไปคิดมา เอาแต่ คิดอยู่ตลอดว่ามีตรงไหนที่มันไม่ถูกต้อง ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ กว่าจะนึกขึ้นมาได้

ไม่ใช่สิ ในตอนที่เธอบอกว่าเสี่ยวเหยียนกับนายหลินกำลังกิน อาหารกันอยู่ข้างบน คือพูดออกไปตามสิ่งที่คิด แต่แฟนหนุ่มของ เสี่ยวเหยียนคนนี้ก็ไม่ได้ถามว่านายหลินเป็นใคร หรือว่าเขาจะรู้ ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร? ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน

ถ้าตามปกติแล้ว เสี่ยวเหยียนจะเสิร์ฟบะหมี่ให้เขาแล้วก็ออก ไป แต่วันนี้ก็เอาแต่รู้สึกละอายใจอยู่ เขารอตนอยู่ที่นี่มาตั้งนาน สุดท้ายเธอก็เรียกเขาว่าพี่ใหญ่ไปอีกที เสี่ยวเหยียนก็เลยคิดว่า ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนเหมือนกับว่ามันจะไม่ได้เหมือนคน แปลกหน้ากันเหมือนเมื่อก่อนนี้แล้ว

อย่างน้อยความสัมพันธ์ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว เธอจึง นั่งลงกินข้าวเป็นเพื่อนหลินสวีเจิ้ง

เห็นหญิงสาวนั่งอยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าที่เรียบร้อย หลินสวีเงก็นึกถึงในตอนนั้นที่ภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ อายุภรรยากับ เขาห่างกันไม่เยอะ แต่ในตอนนั้นหลินสวี่เจิ้งไม่ได้มีอายุเท่านี้ ความจริงแล้วภรรยาเขาก็อายุประมาณเสี่ยวเหยียน ในตอนนี้นี่ แหละ

แต่ภรรยาของเขานั้นไม่ได้ว่าง่ายเหมือนอย่างเสียวเหยียน เธอมักจะซุกซนอยู่เป็นประจำ กินข้าวมื้อนึงก็ยังอยู่ไม่นิ่ง มักจะ แผลงฤทธิ์ออกมาต่างๆนานา สักพักก็ขอให้เขาป้อน อีกสักพัก นึงก็ป้อนให้กับเขา หลังจากที่ทั้งสองคนคบกันก็ติดหนึบกันเอา มากๆ

หลินสวี่เจิ้งเองก็รู้เหมือนกันว่าในตอนนั้นจะมีคนแอบนินทา กันลับหลังว่าพวกเขาทั้งสองคนติดกันหนีบขนาดนี้ไม่นานก็จะ ต้องเลิกกันแน่ๆ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเลิกรากันเลย ภายหลังก็ยัง ได้แต่งงานกัน หลังจากที่แต่งงานกันความรู้สึกที่มีต่อกันก็ดีขึ้น กว่าเดิม แต่น่าเสียดาย…

พระเจ้ายุติธรรมอย่างที่คิดจริงๆ

คาดว่าพวกเขาสองสามีภรรยาคงใช้การติดหนึบอยู่ด้วยกัน ทั้งหมด ในชีวิตนี้กันไปจนหมดแล้ว สวรรค์ก็เลยเอาชีวิตที่ สวยงามของภรรยาของเขาไปอย่างโหดร้าย

“พี่หลิน?”

หลินสวี่เจิ้งเหมือนกับว่าจะได้ยินเสียงคนเรียกตัวเองดังขึ้นมา ในตอนที่เรียกสติกลับมาก็เห็นฝ่ามือขาวราวหิมะของเสี่ยวเหยี ยนโบกอยู่ตรงด้านหน้าของตัวเอง
รู้สึกได้ว่าตัวเองสติหลุดลอยไป หลินสวี่เจ๋งก็ยิ้มแล้วเอ่ยออก ไป “ขอโทษนะ ถ้าเกิดฉันนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วดันไปนึกถึงภรรยา ของฉันขึ้นมา โดยไม่รู้ตัวเสียได้

มือที่โบกไปมาของเสี่ยวเหยียนก็ได้หยุดไปเสียอย่างนั้น หลัง จากนั้นสักพักใหญ่ๆก็ได้เก็บกลับไปช้าๆ พูดออกไปอย่างตื่น กังวล “ขอ ขอโทษนะคะ…

เขานึกถึงภรรยาของเขาขึ้นมาอีกแล้ว เขาก็คงเสียใจมากเลย ล่ะมั้ง? เมื่อกี้นี้เสี่ยวเหยียนเห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน พอมองดูอีกทีก็ได้พบว่าสายตาของเขามันว่างเปล่าอย่างมาก ดู เหมือนว่าจะกำลังตกอยู่ในห้วงของอดีตอะไรสักอย่างอยู่ เธอ รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย ก็เลยเรียกเขาออกไป

“ไม่เป็นไร” หลินสวี่เจิ้งก้มหน้าลงดื่มน้ำซุป รสชาติของความ ขมขื่นกระจายไปทั่วทั้งสิ้น แผ่ออกไปทั้งช่องปาก เหมือนกับเขาที่ กำลังคิดถึงภรรยาในยามค่ำคืนไม่มีผิด

“วันอย่างนี้มันชินแล้วล่ะ

เสี่ยวเหยียนไม่รู้เลยว่าจะปลอบคนอื่นเขายังไงจริงๆ และก็ไม่ เคยมีประสบการณ์จำพวกนี้มาก่อน ทำได้เพียงพูดตะกุกตะกัก ออกไป “พี่ชายหลินอย่าเสียใจไปเลย ในเมื่อพี่เป็นพี่ชายของ เสี่ยวเหยียนแล้ว หลังจากนี้ถ้าพี่คิดถึงพี่สะใภ้ พี่ก็มาที่ร้าน ฉันจะ ทำราเม็งให้พี่กิน ห้องนี้จะไม่ให้ลูกค้าคนอื่นได้เข้ามาเด็ดขาด จะเก็บไว้ให้พี่ตลอดไปเลย

คำพูดนี้ของเธอพูดออกมาได้ด้วยความจริงใจ ทำเอาหลินสเจิ้งอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา

“นึกไม่ถึงว่าหานซิงต้นปรงแก่ต้นนั้นจะออกดอกออกมากับ เขาสักครั้ง ฉันหลินสวี่เพิ่งคนนี้ก็ยังมีน้องสาวเพิ่มมาคนนึง ดีสุดๆ ไปเลย”

ไม่พูดถึงก็ดีอยู่หรอก ทุกครั้งที่พูดถึงหานชิง เสี่ยวเหยียนก็อด ไม่ได้ที่จะหน้าแดงออกมา

กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกไป ทันใดนั้นเองเสี่ยวเหยีย นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านนอก เธอขมวดคิ้วออก มาเล็กน้อย หรือว่าจะมีคนอยากเข้ามางั้นหรอ?”

เธอบอกไปแล้วว่าที่ตรงนี้ไม่ต้อนรับลูกค้า ทำไมถึงยังมีคนมา ได้อีก?

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว หลินสวี่เจิ้งยกมือขึ้นมองนาฬิกาข้อมือ อย่างไม่ใส่ใจ เวลาก็ดูเหมือนว่าประมาณนึงแล้ว ก็คงจะมาแล้ว สินะ

คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เขาก็พูดเสียงเรียบนิ่งออกไป “ก็คงเป็น คนรู้จักล่ะมั้ง”

คนรู้จัก?

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนคิดว่าน่าแปลกเสียจริง เธอ รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเปิดประตู

แต่พอเปิดประตูออกไป ก็เห็นเงาร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่งยืนอยู่ ตรงด้านนอกประตู
ในนาทีทีดวงตาสบกัน เสี่ยวเหยียนก็ได้นิ่งตะลึงอยู่กับที่

หานชิง?

ทำไมจู่ๆเขาถึงมาที่นี่? ทั้งๆที่เธอเพิ่งจะแยกกับเขาไม่นาน ทําไมถึงได้เจอกันอีกแล้ว?

“ไง มาเร็วจังเลยนะ เร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้หลายนาทีเลยนะ เนี่ย”

เสี่ยวเหยียนยังคงยืน ออยู่อย่างนั้น หลินสวีเจ๋งที่อยู่ด้านหลัง ก็ได้เอ่ยพูดข่าๆ ออกมา

แววตาของหานซึ่งมองผ่านเสี่ยวเหยียนไปยังร่างของหลินส

เสี่ยวเหยียนเอี้ยวตัวออกไปเล็กน้อย งั้นหานซึ่งก็มาหาหลินส เจิ้งงั้นหรอ? เธอชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกไป “พวกคุณ คงมีเรื่องจะคุยกันใช่มั้ยคะ? งั้นฉันขอตัวลงไปข้างล่างก่อนนะ คะ”

พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็เดินผ่านร่างหานชิงไป ในตอนที่คิดจะ ออกไปนั้นทันใดนั้นเองข้อมือก็ถูกหานชิงคว้าเอาไว้ เธอเงยหน้า ขึ้นมองเขาด้วยความแปลกใจ

“ไม่ใช่ว่าจะฟังด้วยไม่ได้สักหน่อย จะลงไปชั้นล่างทำไมกัน?” หลินสวี่เจิ้งมองภาพฉากนั้นไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ในแวว ตาเป็นประกายออกมา
“แต่…” เสี่ยวเหยียนยังอยากจะพูดอะไรออกไปอีก แต่ก็ได้ถูก หานซิงดึงเข้าไปนั่งลงเสียแล้ว

จากเดิมเธอยังคิดที่จะออกไป แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงนั่ง ตามหานชิงลงไปข้างๆเขาอย่างว่าง่าย สองมือวางไปอย่าง เรียบร้อย

คนนึงก็เงียบจนชินชา คนนึงก็ว่าง่ายน่าเอ็นดูเสียเหมือนกับ เด็กนักเรียน

“จู่ๆก็มา มีอะไรจะพูดกับฉัน?” หลินสวี่เจิ้งจ้องมองหานซึ่ง เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มพร้อมถามออกมา สายตากลอกไป กลอกมาระหว่างเสียวเหยียนกับร่างของเขาอยู่เป็นครั้งคราว

แปลกมาก ในตอนที่อยู่ด้วยกับเขา หญิงสาวคนนี้ให้ความ รู้สึกที่ดูระมัดระวังตัวอย่างมาก เดิมทีคิดว่าหลังจากที่หานซึ่งมา แล้วจะดีขึ้นสักหน่อย? แต่ตอนนี้กลับพบว่าเหมือนกับว่ามันจะไม่ เป็นอย่างนั้น ลองดูสิว่าเธอนั่งอยู่ข้างๆหานชิงแล้วจะเป็นยังไง? ประหม่าเสียจนเหมือนกับว่าจะไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หลินสวีเจิ้งก็ได้โอกาสเอ่ยปากพูดเตือน ออกมา

“ฉันว่านะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉัน ปกติแล้วนายก็เอาแต่หน้า บึงให้กับสาวน้อยอยู่ตลอด ก็ว่าทำไมเขาถึงมองดูแล้วเหมือนจะ ประหม่ากลัวนายมากเลย?”

ได้ยินอย่างนั้น เสี่ยวเหยียนสูดหายใจ ทำไมอยู่ดีๆถึงได้พูด ถึงประเด็นนี้ขึ้นมาอีก? ความจริงแล้วตอนนี้เธอก็ได้เปลี่ยนไปมากแล้ว เมื่อก่อนกลัวเขามาก แต่ถูกเขากดลงกับผนังแล้วจูบ จนเคยชินมานานแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ