เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่848 ผิดศีลธรรม



บทที่848 ผิดศีลธรรม

คำพูดนี้ได้ทำให้ภายในใจของหาน จื่อรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก สายตาที่มองดูตวนเสเพิ่มความรังเกียจขึ้น แต่เพียงไม่นาน ก็ได้เก็บความรู้สึกเหล่านั้นกลับไป ก้มหน้าลงไปจัดเอกสารไป พลาง พร้อมทั้งเอ่ยออกไปอย่างไม่ใส่ใจออกไปพลาง “ถ้าให้ เทียบความหนาของหน้า ฉันคงเทียบเธอไม่ติดแน่

สีหน้าของตวนเสว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย พร้อมกัดฟันเอ่ยออก มาว่า “เธอว่าอะไรนะ?”

หาน จื่อเงยหน้าขึ้นไป มองเธอไปด้วยรอยยิ้มจางๆ “เขาจำ ฉันไม่ได้ และก็จำเธอไม่ได้เหมือนกัน เธอใช้สถานะคุณหนูใหญ่ แห่งตระกูลตวนมู่เพื่อได้ใกล้ชิดเขาก็แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สนใจ เธอเลย เธอว่าหนังหน้าของเธอหนาหรือเปล่าล่ะ? โกรธหรือ เปล่า?”

คำพูดเหล่านั้นของเธอ แต่ละคำแต่ละประโยคได้เสียดแทงใจ ของตวนเสเข้าอย่างจัง เธอจึงโกรธขึ้นมาไม่น้อยเลย

ตวนมเสว่ขอเดาว่า เมื่อวานเธออาจจะรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไร ขึ้นในห้องทำงาน น่าโมโหจริงๆ เธอไม่รู้ว่าหานคู่จื่ออยู่ที่บริษัทนี้ มานานแค่ไหน และมีความสัมพันธ์กับเย่ ไม่เป็นไปถึงขั้นไหนแล้ว

พี่เซินก็คงยังจําเธอไม่ได้หรอกมั้ง? ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ให้เธอ มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว ตวนมู่เสว่จึงเอ่ยออกไปอย่างไม่ พอใจว่า “แล้วยังไง? เธอบอกว่าฉันใช้สถานะคุณหนูใหญ่แห่ง ตระกูลตวนมของฉันมาใกล้ชิดเขา แล้วเธอไม่ได้เข้าบริษัทมา แล้วใช้สถานะพนักงานบริษัทมาใกล้ชิดเขาด้วยหรือไง เธอยัง กล้ามาว่าฉันอีกงั้นหรอ?”

หานอยิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันพึ่งความสามารถของตัวเอง เป็นพนักงานบริษัทที่ได้ผ่านการคัดเลือกหลายขั้นตอนเข้ามา แล้วเธอล่ะ?”

ตวนมู่เสว่า “……”

“ไม่ว่าเธอจะเข้ามายังไง แต่ถึงยังไงเธอก็เข้ามาแล้ว และมีจุด ประสงค์เดียวกันกับฉัน

ได้ยินดังนั้น หาน จื่อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกไปเล็กน้อย พร้อม ทั้งส่ายหน้าออกไป “ผิดแล้ว จุดประสงค์ของฉันไม่เหมือนกับ เธอ”

พูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาหยุดอยู่ตรงใบหน้าของสวน เสว่ เอ่ยแก้ออกไป “ฉันมาเพื่อเรียกความทรงจำของเขาให้ กลับคืนมา ส่วนเธอ ก็คือคนที่เตรียมพร้อมที่จะแย่งเขาไป

เธอนิ่งไปแป๊บนึง จากนั้นก็เอ่ยออกไปอีกว่า “เป็นคนจำพวก ผิดศีลธรรมจําพวกนั้น

“เธอ!”

ตวนมู่เสว่โกรธเกรี้ยวเสียจนใบหน้าสวยขาวซีดไปหมด ถูกกระโปรงเดินเข้าไป นึกอยากจะเข้าไปทะเลาะกับหานมู่จื่อ แต่ เห็นเธอมีอาการเรียบนิ่งไม่สะทกสะท้าน อีกทั้งบนใบหน้าและ แววตาล้วนประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆออกมา ตรงกันข้ามกับ เธอที่มีท่าทางโกรธฮึดฮัดออกมา

ช่วงเวลาของการเปรียบเทียบก็ได้เผยออกมา ตวนเสวทำได้ เพียงสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง แล้วเอ่ยเสียงเย็นออกไป “ผิด ศีลธรรมอะไร? ฉันเคยพูดไปแล้วนี่ว่างานแต่งงานของเธอกับเขา ไม่มีทางได้จัดขึ้นอย่างลุล่วงไปด้วยดีอยู่แล้ว พวกเธอก็ไม่ใช่ สามีภรรยากัน ฉันก็แค่กำลังแข่งกับเธออย่างยุติธรรมเท่านั้น เอง”

ฟังมาจนถึงตรงนี้แล้ว หานมอก็รู้ว่าระหว่างพวกเธอนั้นคุย กันแค่ครึ่งคำก็เกินพอแล้ว

ทัศนคติของตวนเสวี่แตกต่างจากทัศนคติของเธอเกินไป ใน ความคิดของตวนเสานั้น ขอเพียงแค่เธอไม่ได้แต่งงานกับเย่โม่ เซิน เธอก็สามารถแย่งมาได้ อีกทั้งยังคิดว่าเป็นการแข่งขันที่ ยุติธรรมอีก

“ในเมื่อเธอคิดอย่างนี้ งั้นระหว่างเราก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีก เธอมาหาพี่หลิน ใช่มั้ย? ตอนนี้เธอไม่อยู่ รบกวนเธอช่วยออกไป ก่อน เย็นๆแล้วค่อยกลับมาใหม่

หาน จื่อไล่แขกออกไปอย่างไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย

ตวนมู่เสว่ “.….”

เธอมองออกไปรอบๆ พร้อมทั้งเอ่ยเสียงเย็นออกไป “ในเมื่อเธอไม่อยู่ งั้นฉันก็จะรอเธออยู่ที่นี่ รอเธอมาแล้วค่อยว่ากันอีกที

พูดจบ เธอก็นั่งลงไปบนโซฟาทันที แสดงท่าทางเหมือน ราวกับว่าตนเป็นเจ้าของที่นี่ก็ไม่ปาน จู่ๆก็ยังพูดออกมาอีกว่า “เธอเอาชามาให้ฉันหน่อยสิ

หานมู่จื่อ

หล่อนคงไม่ได้เรียกเธออยู่หรอกมั้ง? ให้เธอรินน้ำชาให้ หล่อน?”

หาน จื่อไม่ขยับเขยื้อน หันไปจัดการเอกสารของตัวเองต่อ

ตวนเสวรออยู่นาน ก็ไม่ได้ชาของเธอสักที ดังนั้นแล้วจึงลุก ยืนขึ้น “เธอทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง? ฉันบอกให้เธอรินน้ำ ซาให้ไม่ได้ยินหรือไง?

หานมู่จื่อเลิกสายตามองขึ้นไป เอ่ยออกไปพร้อมยกยิ้มเย็น ออกมา “ทำไมฉันต้องรินน้ำชามาให้เธอด้วย? เธอเป็นแขกของ บริษัทหรอ? นัดเอาไว้หรือเปล่า? ถ้าไม่ได้นัด นั่นก็ไม่ได้อยู่ใน งานของฉัน”

“เธอ!”

คำพูดนี้ได้ทำเอาตวนเสวต้องลุกพรวดขึ้นมาทันที มองเธอ ไปอย่างฮึดฮัดไม่พอใจ จากนั้นก็ได้เอ่ยยิ้มออกไป “ปากคอเราะ รายเสียจริงนะ ฉันประเมินค่าเธอไปจริงๆ

ได้ยินดังนั้น หาน จื่อก็ได้ตอบกลับไปประโยคนึงว่า “เช่นกัน ฉันก็ประเมินค่าความหน้าด้านของเธอไปเหมือนกัน
ตวนมู่เสว่า “… ”

ถ้าพูดต่อออกไปอีก เธอคงถูกอีกฝ่ายทำให้โมโหขึ้นมาจริงๆ

เมื่อก่อนเคยพูดคุยกันเพียงแค่ครั้งเดียว ในตอนนั้นทำไมถึงมอง ไม่ออกเลยว่าเธอจะเถียงคนอื่นเก่งขนาดนี้? ตอนนี้ได้ถูกเธอตอกกลับมาจนไม่มีแรงแย้งออกไปได้เลย

อยากจะเข้าไปฉีกหน้านั้นของเธอจริงๆ

ในระหว่างที่ตวนเสว่กำลังคิดอยู่นั้น พี่หลินก็ได้กลับมา ใน ตอนที่เธอกลับมาถึงห้องทำงานเห็นตวนเสเข้าก็รู้สึกตกใจขึ้น มาเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็ว

“นี่มันคุณหนูตวนไม่ใช่หรอคะเนี่ย?”

ตวนเสวี่เมื่อเห็นพี่หลิน ก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรง หน้าเธอทันที คุณปู่มือบอกว่าคนนี้จะเป็นคนจัดการหาตำแหน่ง งานให้เธอ นั่นก็หมายความว่าเธอมีสิทธิ์ในบริษัทนี้ค่อนข้างมาก พอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งเธอก็ยังเป็นเลขาของพี่เซิน ดังนั้น แล้วเธอก็ต้องประจบคนผู้นี้สิถึงจะถูก ดังนั้นแล้วใบหน้าของตวน เสวก็เผยรอยยิ้มออกมา “สวัสดีค่ะพี่เลขา ต่อไปเรียกฉันว่า เสี่ยวเสวก็ได้ค่ะ”

พี่หลิน “.…….. ”

เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างรวดเร็ว พี่หลินถึงขนาดที่คิดเลยว่า อีก เดี๋ยวหลังจากที่เธอบอกเรื่องจริงกับอีกฝ่ายไป อีกฝ่ายจะเปลี่ยน สีหน้าไปอย่างรวดเร็วอีกหรือเปล่า?
เหลือบหันไปมองหานมู่จื่อที่อยู่ในที่ตรงนี้อีกครั้ง พี่หลินเอ่ย ออกไปด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณหนูสวนมู่ เรื่องของคุณฉันได้ ทราบมาจากนายท่านแล้วค่ะ เอาอย่างนี้มั้ยคะพวกเรามาเปลี่ยน ที่คุยกันดีกว่า?”

เพื่อหลีกเลี่ยงที่ว่าอีกเดี๋ยวเธอจะเปลี่ยนอารมณ์ออกมาอย่าง รุนแรงจนเกินไป

แต่ใครจะรู้ว่าตวนมู่เสจะกะพริบตา เอ่ยออกมาด้วยสีหน้ายิ้ม แย้ม “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันคิดว่าคุยกันที่นี่ก็ดีแล้วนี่คะ”

หานคู่จื่อคิดว่าหล่อนบริษัทมาแล้วจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเย่โม่ เป็นงั้นหรอ? เธอตวนเสวนั้นจะทำให้หล่อนได้เห็นว่าเธอเข้า บริษัทมาอย่างนี้เหมือนกัน และจะอยู่ข้างๆพี่เซ็นทุกที่ทุกเวลา

ดูสิว่าใครมันจะแย่งไปได้

ถึงอย่างไรที่เธอพูดออกมามันก็ถูก ที่ว่าตอนนี้เย่ไม่เป็นไม่รู้จัก ใครทั้งนั้น งั้นเธอก็มีโอกาสส

อีกทั้งคุณปู่มือก็ยังยอมรับเธอ โอกาสก็ยิ่งมากขึ้น

พี่หลินนึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่ยอมเปลี่ยนที่คุย ก็รู้สึกจนใจขึ้นมา เล็กน้อย แต่ก็รับทราบความหมายที่เธอต้องการสื่อ ดังนั้นจึง พยักหน้าออกไปเล็กน้อย

“งั้นก็ดีค่ะ ในเมื่อคุณหนูสวนมไม่อยากเปลี่ยนที่คุย งั้นฉันขอ พูดตรงๆแล้วกันนะคะ

ตวนมเสบู่ก้าวเข้าไปคิดอยากจะเข้าไปจับมือพี่หลินอย่างสนิทสนม “ไม่ทราบว่าพี่สาวเลขาได้จัดตำแหน่งอะไรให้ฉันหรอคะ?”

พี่หลินถอยห่างหลบเลี้ยงสัมผัสของเธอออกไปอย่างไม่เหลือ ร่องรอย สีหน้าที่แสดงออกมาทั้งจริงจังและเข้มงวดอย่างมาก “คุณหนูสวน ฉันเชื่อว่าคุณคงรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้นายท่านถือ ปลดเกษียณไปแล้ว คำพูดของเขาถึงแม้ว่าจะมีน้ำหนัก แต่ตอนนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นท่านประธานที่ดำเนินการบริหารอยู่ ดังนั้นแล้ว เรื่องนี้ฉันจึงต้องรายงานต่อท่านประธานเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

ตวนเสวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ดูจากสีหน้าของเธอแล้วก็รู้สึกได้ ถึงความทะแม่งๆขึ้นมา

“ดัง…นั้นแล้ว?”

“บริษัทของเรานั้น ตอนนี้ไม่มีตำแหน่งว่าง ฉันขอแนะนำว่าถ้า คุณหนูสวนม่อยากเรียนรู้จริงๆล่ะก็ บริษัทของคุณก็ดีนะคะ ทำไม จะต้องใกล้เกลือกินด่างล่ะคะ?”

สีหน้าของตวนเสวดูแย่ออกมาทันที

“หมายความว่าอะไร?

พี่หลินเอ่ยต่อไปอีกว่า”คุณหนูสวนม่สามารถกลับไปทำงานที่ บริษัทของตัวเอง อย่าว่าแต่เลขาเลยค่ะ แม้แต่ตำแหน่งผู้บริหาร ระดับสูงก็มีตำแหน่งงาน ให้คุณหนูสวนเลือกได้ตามใจชอบเลย ไม่ใช่หรอคะ? ไม่จำเป็นต้องมาทำงานที่บริษัทตระกูลฉือให้ ลำบากเลย บริษัทของเราเองก็กังวลว่าจะลำบากคุณหนูด้วย เหมือนกัน”
ได้ยินดังนั้นแล้ว ใบหน้าของตวนเสวได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป โดยสมบูรณ์

“พูดไปพูดมาแล้ว ก็คือไม่ให้ฉันเข้าบริษัท?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ