เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1350 เขามาแล้ว



บทที่1350 เขามาแล้ว

หลังจากที่พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์พูดกับเธอจบ สีหน้ายังคง มีสีหน้าที่ดูลึกลับอยู่ “เอาล่ะ ตอนนี้ฉันก็เอาเรื่องที่ฉันรู้บอกคุณ ไปหมดแล้ว คุณอย่าบอกคนอื่นนะคะว่าฉันเป็นคนพูดน่ะ ฉันไป ก่อนนะ”

หลังจากที่เธอไปแล้ว เสี่ยวเหยียนยังคงยืนโง่งมอยู่ตรงที่เดิม ผ่านไปอยู่นานคำพูดพวกนั้นที่พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์พูด ออกมาก็ไม่ได้หายไปไหนเลย

สวี่เย็นหวั่น เป็นคู่หมั้นของหานชิง

ถ้าเรื่องพวกนี้เป็นความจริง งั้น…เธอนับว่าเป็นอะไร? คนที่ดึงดันเข้าไปแทรกแซงความสัมพันธ์ของคนอื่นเขา มือที่ สามงั้นหรอ?

“น้องสาว คุณจะขึ้นรถมั้ยครับเนี่ย?”

คนขับรถกำลังเร่งเธอ เสี่ยวเหยียนจึงได้สติกลับมา “ขอโทษ นะคะคุณลุง รบกวนช่วยรอฉันอีกสักแป๊บนึงได้มั้ยคะ ฉันมีธุระ นิดหน่อยต้องไปถามให้มันชัดเจนก่อน

“รอคุณ? แล้วฉันยังต้องทำมาหากินอีกมั้ยล่ะ…

“ขอร้องล่ะคุณลุง เดี๋ยวฉันจะให้เงินค่ารถเพิ่มคุณลุงอีก หน่อย”
ได้ยินเธอพูดออกมาอย่างนี้แล้ว คนขับรถจึงได้พยักหน้าออก มาอย่างพึงพอใจ “ได้ งั้นคุณไปเถอะ แต่อย่าให้ฉันรอนานไป ล่ะ”

จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ได้วิ่งกลับไป วิ่งไปได้ครึ่งทางเธอก็หยุด ฝีเท้าลง

ไม่สิ ทำไมเธอต้องไปหาสวีเย็นหวั่นเพื่อถามให้ชัดเจนด้วย

ถ้าเธอเป็นคู่หมั้นของหานซึ่งจริงๆ อย่างนั้นแล้วเธอก็ควรจะ ไปถามหานซิงให้ชัดเจนสิถึงจะถูก ถึงยังไงหานซึ่งก็เป็นคนที่เธอ สนิทด้วย

เธออยากได้ยินเขาพูดออกมาจากปากของเขา

คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็ได้เก็บมันกลับไปอีกครั้ง คนขับรถเห็นเธอเดินออกไปเพียงไม่นานก็กลับมาแล้ว มองเธอ ไปด้วยความแปลกใจ

“คุณไม่เข้าไปหรอ?”

“ไม่ต้องแล้ว ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีธุระอื่นอีก พวกเรากลับไป เถอะ”

“ไปไหน?”

เสี่ยวเหยียนเดิมทีอยากจะบอกที่อยู่ตระกูลหาน แต่คำพูดพอ มาจนถึงริมฝีปากกลับแปรเปลี่ยนเป็นบ้านตัวเองออกไปแทน “ไปกันเถอะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าตอนนี้หานซึ่งอยู่ที่ไหน แต่ถ้าเขาไม่ อยากเจอตน งั้นก็ปล่อยให้เขาสงบสติอารมณ์อีกหน่อยเถอะ

และในหัวของเสี่ยวเหยียน ในตอนนี้มันก็ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว เหมือนกัน ถูกคำพูดพวกนั้นของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เข้าไป ท่าเอามันกระทบกระเทือนจิตใจเสียจนเรียกคืนสติกลับมาไม่ได้

เธอคิดว่าตนต้องการกลับบ้านไปคิดให้ดีก่อนว่าตกลงแล้วมัน เกิดเรื่องอะไรกันแน่

หลังจากที่กลับบ้านไป เสี่ยวเหยียนขึ้นไปนอนโดยที่แม้แต่มื้อ เย็นก็ยังไม่กิน นอนไปสักพัก น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็ไม่อาจจะควบคุมมันได้อีกเลย

ไอ้สารเลว…

ถึงแม้ว่าจะไม่ฉลองวันเกิด จะบอกเธอไม่ได้เลยหรือไง เธอจะ ได้ไม่ทำให้เขาไง ทำไมไม่บอกกันล่ะ? ฮือ…

เสี่ยวเหยียนกอดผ้าห่มขดตัวเป็นก้อน น้ำตาก็เหมือนกับไข่มุก ขาดออกจากกันไหลลงมา ไหลออกมาจากเบ้าตาอย่างไม่ขาด สาย

เธอเตรียมมาตั้งนานขนาดนั้น เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจเตรียม มานานขนาดนั้น ก็แค่อยากฉลองวันเกิดให้เขาสักครั้ง

แล้ว…บอกเขาเรื่องที่ตัวเองท้อง แต่ผลก็คือเขากลับเดินหายไปอย่างนี้ แล้วยังทำให้เธอหาเขาไม่เจออีก

ไอ้สารเลว…คนเลว

เสี่ยวเหยียนต่อว่าหานซึ่งอยู่ในใจไม่หยุด พลิกตัว น้ำตาไหล ออกมาต่อ

มีอะไรทำไมถึงบอกเธอไม่ได้?

ก๊อกๆ——

“เหยียนเหยียน วันนี้เป็นอะไรไป กลับบ้านมาก็เข้าห้องเงียบ ไม่พูดไม่จา และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมากินอะไรด้วยหรือ เปล่า?”

เป็นเสียงของหลัวหุ้ยเหม่ย เสี่ยวเหยียนสะดุ้งตกใจขึ้นมา รีบ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว ตอนนี้เธอพูดไม่ไหวเลย เพราะว่าเมื่อกี้ เพิ่งร้องไห้ไป ถ้าพูดไปจะต้องหลุดเสียงขึ้นจมูกออกมาแน่ๆ ถึง ตอนนั้นจะต้องทำให้หลายเหม่ยจับได้แน่

ถ้าถูกแม่เธอจับได้ว่าตนร้องไห้ ถึงตอนนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยจะ ต้องซักถามออกมาแน่ๆ

เสี่ยวเหยียนทำได้เพียงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว แกล้งหลับไป

“เหยียนเหยียน ลุกขึ้นมากินข้าวส

หลัวหุ้ยเหม่ยยืนอยู่ตรงหน้าห้องตะโกนเรียกชื่อเสี่ยวเหยียนอ อกมาไม่หยุด แต่ในห้องก็ไม่มีเสียงใดๆออกมา พ่อจางก็เลยเดิน เข้ามา พลางโพล่งถามออกมา
“หลับแล้วหรอ?”

หลัวหุยเหมียพอได้ยิน ก็เลิกคิ้วออกมา “เพิ่งจะปานนี้เองหลับ แล้วหรอ?”

“ช่วงนี้ขอบตาก็ดำไม่ไหวเลย คงง่วงมาก ให้มันนอนไปเถอะ ตื่นมาแล้วค่อยกินก็ได้

ได้ยินพ่อจางพูดอย่างนี้แล้ว หลัวหุยเหม่ยก็คิดว่าก็ได้ ก็เลย ไม่ได้เคาะประตูห้องเสี่ยวเหยียนอีก

ส่วนเสี่ยวเหยียนที่หลบอยู่ในผ้าห่ม ลืมตาออกมาน้ำตาไหล ออกมาต่อ

คงเป็นเพราะร้องไห้จนเหนื่อย เสี่ยวเหยียนก็เลยนอนหลับลึก ไป

และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ดูเหมือนจะมีคนมาเคาะประตู

ห้องเธออีกครั้ง

เสี่ยวเหยียนถูกเสียงดังรบกวนจนตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ได้ยิน หลัวหุ้ยเหม่ยกำลังทุบประตูถามเธออยู่ “เหยียนเหยียน แกตื่น หรือยัง? หานซิงมาหาแก เขาบอกว่าเขาโทรหาแกไม่ติด

ตอนแรกสีหน้าที่แสดงออกมาบนใบหน้าของเสี่ยวเหยียนก็ยัง ดูหมดอาลัยตายอยากอยู่ แต่หลังจากที่ได้ยินชื่อหานชิงแล้ว ทั้ง ร่างก็นิ่งชะงักไป จากนั้นก็เลิกผ้าห่มลุกขึ้นยืน

หานชิงมาแล้ว?
ตอนนี้กี่โมงแล้ว?

เสี่ยวเหยียนเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ถึงพบว่าเป็นเวลาเที่ยง คืน และด้านนอกหน้าต่างก็มีฝนตกหนักมาก แล้วยังมีฟ้าร้อง ฟ้าผ่าด้วยอีก

สภาพอากาศอย่างนี้ยิ่งได้บวกกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อีก สําหรับเสี่ยวเหยียนนั้น ไม่อาจซวยไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่ดังเดิม แต่หลัวหุ้ยเหม่ยกลับผลักประตูเข้า

มา

“ฉันบอกมาว่าแกเป็นอะไรไป พูดกับแกแกก็ไม่ได้ยิน…

คำพูดเพิ่งจะหลุดออกไป หลัวหุ้ยเหม่อมองตาที่บวมเหมือน กับลูกวอลนัทของเสี่ยวเหยียน คำพูดที่อยู่ตรงริมฝีปากก็ได้หยุด ไปอย่างนี้ “เป็นอะไรไปเด็กน้อย? ทำไมตาถึงบวมอย่างนี้? หาน ชิงเจ้าเด็กนั่นรังแกแกหรอ?”

เสี่ยวเหยียนมองไปทางหลัวหุยเหมยนิ่งค้างไป ผ่านไปสักพัก ก็ส่ายหน้าออกมา “ไม่มีอะไร เขาอยู่ไหน?”

“อยู่ด้านนอกนะ ฉันให้เขาเข้ามา เขาก็ไม่เข้ามา ฉันงงว่ามัน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน นี่พวกแกทั้งสองคนทะเลาะกันหรอ?”

ทะเลาะ?

ถ้าเพียงแค่ทะเลาะกันธรรมดา นั่นไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

“ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มีบางเรื่องที่ฉันก็อยากลองถามเขาดูด้วยตัวเอง” เสี่ยวเหยียนพูดไปพลางเลิกผ้าห่มออก หลัวหุยเหม่ยเห็น ลูกสาวตัวเองมีสภาพอย่างนี้ อดไม่ได้จะเข้าไปประคองเธอเอา ไว้ “มีเรื่องอะไรต้องถาม? ถ้าแกไม่อยากเจอเขา ให้แม่ไป…

“แม่ ฉันไม่เป็นไร”

เสี่ยวเหยียนคว้าแขนของหลวยเหม่ยเอาไว้ ส่งรอยยิ้มที่น่า เกลียดเสียยิ่งกว่าเวลาร้องไห้ไปให้เธอ “คือมีบางเรื่องที่ฉัน อยากรู้ ก็เลยจําเป็นต้องถามเขาสักหน่อย

“เอาเถอะ ในเมื่อแกว่าอย่างนี้แล้ว งั้นแม่ก็สนับสนุนแก จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินไปข้าง นอก

หานซึ่งไม่ได้เข้าห้อง ยืนรอเธออยู่ตรงระเบียงทางเดิน ตอนที่ เสี่ยวเหยียนออกไปหาเขา คู่สามีภรรยาจางกระซิบกระซาบกัน

“เหยียนเหยียนเป็นอะไรไป? ทำไมเสี่ยวชิงถึงมากลางดึก กลางตื่นแต่ก็ไม่เข้ามา?”

หลัวหุ้ยเหม่ยหยกเขาไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “สองคนคงทะเลาะกัน คงไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร ให้พวกเขาไป คุยกันให้เคลียร์ก็จบ

“จุ๊ๆ” พ่อจางส่ายหน้าออกไปอย่างจนปัญญา “พวกเธอผู้หญิง เนี่ยชอบเล่น ใหญ่เสียจริง ทั้งๆ ที่หลายครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อะไร แต่กลับโวยวายเสีย ใหญ่โต ทำเอาคนอื่นเขาปวดหัวกันไป หมด”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว หลัวหุยเหม่ยถลึงตาอย่างไม่พอใจออกมา ทันที “คุณว่าใครเล่นใหญ่? พวกคุณผู้ชายคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่อง ใหญ่โตอะไรนั่นเป็นเพราะพวกคุณมันโง่เอง โทษความเล่นใหญ่ ของผู้หญิงไปทำไมกัน? อีกอย่างนั้นก็เป็นลูกสาวของคุณนะ ถ้า คุณจะมาพูดไร้สาระออกมาอีกเชื่อมั้ยว่าฉันจะโยนคุณลงไปแน่”

พ่อจาง “.…..”

ช่างเถอะ แม่เสือไม่ใช่คนที่จะยั่วโมโหด้วยง่ายๆ เธอไม่พูด อะไรมากมายกับเขาดีกว่า

พ่อจางลูบจมูกตัวเองเบาๆ กลับไปนั่งบนเก้าอี้ รอดูผลไป เงียบๆ หลังจากที่เสี่ยวเหยียนออกมา ก็ได้พบว่าหานซึ่งกำลังยืนอยู่ ตรงทางเดินด้วยชุดที่เปียกโชกไปเกือบครึ่ง เธอรู้สึกสงสารขึ้น

มาอย่างไม่รู้ตัว อยากเรียกให้เขาเข้ามา แต่ก็คิดเรื่องที่ตนได้ยินมา ก็เลยทำใจเหี้ยมขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ