เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1193 มีความสุข



บทที่1193 มีความสุข

เสียวโตวหยานอนอยู่บนที่นอนเจ้าหญิงน้อยสําหรับทารก บนตัว สวมเสื้อผ้าสีชมพูตัวน้อย ตอนที่เยโม่เป็นอุ้มเธอขึ้นมา เธอก็หยุด ร้องไห้ทันที จากนั้นก็ใช้ดวงตากระจ่างใสคู่น้อยมองดูเย่ไม่เป็น ด้วยความประหลาดใจ

เย่ไม่เป็นที่เดิมทีอารมณ์กำลังเดือดพล่าน พอได้เห็นท่าทาง แบบนี้ของเสียวโต้วหยาแล้ว ความไม่พอใจก็หายไปหลายระดับ

เขายื่นนิ้วออกไป แล้วแตะลงบนหน้าผากของเสียวโต้วหยา เบาๆ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบา “เป็นเจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้จักดู สถานการณ์เลยนะ ต่อไปห้ามส่งเสียงร้องไม่ดูจังหวะอีกนะ มัน เป็นการรบกวนคนอื่น

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจิตวิญญาณที่เชื่อมถึงกันระหว่างพ่อลูกหรือ ไม่ พอถูกนิ้วของเย่ ไม่เซินแตะเข้า เสี่ยวโต้วหยาก็เริ่มหัวเราะคิก คักขึ้นมาอีกครั้ง

เขาเอานิ้วไปจิ้มแก้มของเสียวโต้วหยา ใช้นิ้วหยอกล้อเธอ เสียวโต้วหยาก็หัวเราะคิกคัก

ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็น่ารัก

ส่วนหานมู่จื่อพอได้เห็นฉากนี้แล้ว ก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ

เสียวโต้วหยานยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงจริงๆ ต่อหน้าคุณพ่อตัว เองที่หน้าตาเคร่งขรึมขนาดนี้ยังหัวเราะอย่างมีความสุขได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เธอมีความสุขกันแน่

วันนี้ลูกค้าที่ร้านราเมนไม่ค่อยเยอะ ดังนั้นเสี่ยวเหยียนก็เลย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปให้หานซิง แต่พอส่งไปได้ครึ่ง เดียวหานซิงก็บอกว่าเขาต้องไปประชุม บอกให้เธอรอเงียบๆไป ก่อน

เสี่ยวเหยียนก็ตอบกลับว่าโอเคอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ถือ โทรศัพท์แล้วยิ้มอยู่คนเดียวตรงนั้น

ที่จริงช่วงเวลาที่หานซึ่งทำงาน เสี่ยวเหยียนก็ไม่ค่อยกล้าส่ง ข้อความให้เขา เพราะใครจะไปรู้ว่าวินาทีต่อไปเขาอาจจะต้องไป คุยเรื่องธุรกิจก็ได้ แต่หลังจากครั้งก่อนที่เขาพูดเองว่าถ้าได้รับ ข้อความจากเธอเขาจะรีบมา เสี่ยวเหยียนก็ไม่เคยส่งข้อความให้ เขาในเวลางานก่อนอีกเลย

แต่ว่าหานซึ่งอาจจะคิดถึงเรื่องอื่นไว้ด้วย ช่วงเวลาที่ว่างก็เลย คอยส่งข้อความมาหาเธอบ้าง จนในที่สุดทั้งสองคนก็ตกลงกัน ว่า ว่างเมื่อไหร่ค่อยส่งข้อความหากัน ถ้ามีธุระก็ต้องรีบไปทำธุระ สําคัญกันก่อน

เหมือนเสี่ยวเหยียน หากที่ร้านมีลูกค้าเข้ามา แล้วต้องออกไป ช่วยเธอก็จะไปโดยไม่ทันตอบข้อความหานซิง รอจนเสร็จงาน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกทีก็อาจจะผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว

แต่เพราะตอนที่เริ่มรักกันแรกๆนั้นต่างก็ต้องการความหวาน ชื่น ก็อยากจะซื้อเวลาให้มากขึ้น พยายามหาเวลาว่างเพื่อมาส่งข้อความหากัน

ทันทีที่วางโทรศัพท์ลง เสี่ยวเหยียนก็เตรียมจะลุกขึ้นแต่จู่ๆก็ เห็นเงาที่คุ้นเคยเงาหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน

เพียงแค่มองแวบเดียว สายตาของเสี่ยวเหยียนก็สั่นระริกเล็ก น้อย เพราะคนที่เดินเข้ามานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเซียวที่ไม่ได้ เจอกันมานาน

ครั้งก่อนที่เขามาหาเธอเพื่อบอกลา ถึงแม่เสี่ยวเหยียนจะรู้สึก เสียใจอยู่บ้าง แต่ไม่นานเธอก็ลืมคนๆนี้ไปหมดสิ้น

เลยทำให้เห็นจุดยืนของเซียวซู่ในใจของเธอ และเห็นได้ว่า เรื่องความรู้สึกนั้นฝนกันไม่ได้จริงๆ

แต่เรื่องที่เซียวซูเคยทำเพื่อเธอ พอเสี่ยวเหยียนคิดถึงตรงนี้ แล้วก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ถ้าเป็นไปได้ เธอก็หวังจริงๆว่าเดี๋ยวจะ ไม่เคยชอบเธอมาก่อน แบบนี้เขาก็จะได้ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวมา จนถึงตอนนี้ แล้วเธอเองก็จะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดแบบนี้ด้วย

ตอนที่ทั้งสองคนสบตากัน เซียวซูก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา

ถึงแม้บนใบหน้าของเขาจะมีรอยแผล แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบถึง โฉมหน้าของเขาเลย คนดูดีไม่ว่าอย่างไรก็ยังดูดี คนจริงใจอย่าง เซียวซูถ้าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอคนที่จริงใจกับเขา ถ้าอย่างนั้นสวรรค์ ก็คงลำเอียงมากจริงๆ

เซียวซู่ไม่รู้เรื่องที่เสี่ยวเหยียนกับหานซิงคบกันแล้ว เขาเพิ่งจะ ทำธุระเสร็จแล้วกลับประเทศมา พอกลับมาสิ่งแรกที่คิดอยากทำมาหาเสี่ยวลงหรือไม่

เป็นอย่างหวัง สภาพของเสี่ยวเหยียนหน้าแดงเรื่อ งาม ที่สำคัญที่สุดคือดวงตาสดใสมาก

พอเห็นเสี่ยวเหยียนที่เป็นแบบในขณะที่เซียวซูวางใจ

อีกด้านก็เริ่ม

ก่อนเขาจะจากไปเขาเริ่มรู้สึกบ้างแล้ว ถ้าตัวเองจากไป ครั้งทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก บาง…ไปแล้วจริงๆ

ตอนเซียวซูเดินอยู่ตรงหน้าเสี่ยวแล้ว

“นี่นาย……เสร็จธุระกลับประเทศแล้วเหรอ

สําหรับเซียวซู เสี่ยวเหยียนไม่ว่าควรจะแสดงท่าทีแบบไหน ต่อเขาจริงๆ ถ้าสนิทเกินไปก็กลัวเข้าใจผิด แต่ถ้าเย็นชาเกินเขาจะเสียใจ

ถึงแม้เธอจะเป็นรักของเขาไม่แต่พวกเขารู้จักกันมานาน ขนาดนับว่าเป็นเพื่อนกันแล้วสินะ

มีประโยคหนึ่งพูดว่า ไม่มีความสัมพันธ์แบบเพื่อน ธรรมดาระหว่างเพศตรงข้ามอีกคนให้ตายก็ไม่พูดเท่านั้น

ส่วนเธอไม่ทางแกล้งส่วนเซียวซูไม่มีทางที่จะพูด ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคงถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่มีทางเป็นเพื่อนกัน ได้สินะ

พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าน่าเสียดาย แต่ก็กลับมา มั่นคงได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากความเป็นเพื่อนจะทำให้เรียว รู้สึกมีความหวังแม้เพียงน้อยนิด ถ้าอย่างนั้นก็ตัดไฟแต่ต้น ลมเสีย กว่า

“อืม” เซียวซูพยักหน้ายิ้มๆ สายตากวาดมองไปรอบๆร้าน “วันนี้ทำไมคนน้อยจัง หรือว่าช่วงนี้แอบอู้งาน

น้ำเสียงของเขาแฝงแววรักใคร่ เสี่ยวเหยียนสังเกตเห็นรอย คล้ำจางๆที่อยู่ใต้ดวงตาเขา น่าจะเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ อีกอย่างช่วงเวลาที่ไม่เจอกัน ดูเหมือนว่าเขาจะผอมลงกว่าแต่ ก่อนอีก

เสี่ยวเหยียนทำได้เพียงเปิดปากอธิบาย “วันนี้เป็นวันจันทร์ ทุกคนต่างก็ไปทำงาน รอให้ถึงช่วงเที่ยงน่าจะดีขึ้นบ้าง

ทั้งสองคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง เซียวซูก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ที่จริงที่เขากลับมาครั้งนี้เขาได้ซื้อของขวัญมาให้เสี่ยวเหยียน ด้วย พอลงจากเครื่องบินแล้วก็ไม่ได้ไปไหนเลย แค่อยากจะมา เจอหน้าเธอสักครั้ง จากนั้นก็ดูว่าจะมีโอกาสได้มอบของขวัญให้ เธอหรือไม่

ตอนที่เซียวซูเตรียมจะล้วงของขวัญออกมา เตรียมจะมอบของ ขวัญให้เสี่ยวเหยียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น จู่ๆหลัวหุยเหม่ย ที่อยู่ด้านในก็เดินออกมา
“เอ๋ เซียวซู่กลับมาแล้วเหรอ”

มือของเซียวซู่หยุดลงทั้งอย่างนั้น จากนั้นก็ดึงมือออกมา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหันไปพยักหน้าให้หลายเหม่ย

“คุณป้าครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

พอเห็นเซียว หลัวหุ้ยเหม่ยก็ดูดีอกดีใจ รีบก้าวเข้ามาลาก เขาเข้าไปดื่มชาด้านใน เซียวซูมีรอยยิ้มเหนื่อยหน่ายบนใบหน้า

แล้วเดินตามเข้าไป

เสี่ยวเหยียนมองดูเซียวซูที่ถูกลากเข้าไป ในใจก็รู้สึกปวดหัว กับการกระทําของคุณแม่ของเธอ

เธอกับเซียวซูนั้นถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่มีทางลงเอยกัน

บวกกับที่ตอนนี้เธอคบกับหานซิงแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะ นานแค่ไหน แต่เธอตัดสินใจแล้วว่าชีวิตนี้นอกจากเขาแล้วเธอจะ ไม่มีทางคบกับคนอื่นอีก หลัวหุ้ยเหมียแสดงท่าทางเป็นมิตรกับ เซียวซู่ขนาดนี้ ถ้าเกิดทำให้เขาคิดอะไรไปเรื่อยอีกจะทำอย่างไร

ที่จริงหลัวหุ้ยเหม่ยเองก็มีความคิดของตัวเอง แน่นอนว่าเธอ จะต้องชอบเซียวซูคนนี้อยู่แล้ว เทียบกับคุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้ว เธอที่เป็นพ่อแม่ย่อมเอนเอียงไปทางเซียวมากกว่า

เซียวซูนั้นห่างจากลูกสาวของเธอไม่มาก แต่ว่าลูกสาวไม่ชอบ ระหว่างกลางนั้นก็เลยถูกขวางกั้นด้วยระยะทางที่ไม่มีทางหดสั้น

ลง

น่าเสียดายคนดีๆอย่างเดียว หลัวหุยเหม่ยก็เลยตัดสินใจตัดบทให้จบโดยเร็วแทนลูกสาว

“นายไปจัดการเรื่องงานในครั้งนี้คงเหนื่อยมากสินะ ผอมลง เสียขนาดนี้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ