เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 1112 เข้าห้องทํางานของเขา



บทที่ 1112 เข้าห้องทํางานของเขา

“เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า พวกเราก็แค่จะขอดูสักหน่อยว่าหน้าตา เป็นยังไง แค่อยากรู้อยากเห็นเอง จะมีความคิดสกปรกแบบนั้น ที่ไหนกัน?”

“ใช่แล้ว เธอระแวงเกินไปหรือเปล่า ถ้าเธอกลัว เธอก็ไม่ต้อง บอกเรื่องนี้กับพวกเราสิ ปิดไม่พูดออกมา เรื่องแค่นี้เธอก็น่าจะรู้ดี อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น แผนกต้อนรับก็เริ่มเสียใจภายหลัง ขึ้นมา เธอไม่น่าเอาไปบอกคนอื่นเลย ถ้าพรุ่งนี้เกิดเรื่องขึ้นมาล่ะ ก็เธอจะต้องกลายเป็นคนแรกที่เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป

อย่างไรก็ตามแผนกต้อนรับก็อยากจะเห็นเสี่ยวเหยียนถูกต้อน

ให้จนมุมเหมือนกัน คิดไปคิดมาก็ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละ

หลายครั้งที่ผ่านมาเสี่ยวเหยียนจะไปที่ห้องพักรับรอง เนื่องจากหานซึ่งมักจะใช้เวลาส่วนมากไปกับการทำงาน เมื่อวาน นี้เธอเผลอหลับไปในห้องรับรองและแขกคนอื่นๆก็มาที่ห้อง รับรองพอดี เมื่อเห็นเธอนอนอยู่บนโซฟา ทั้งสองฝ่ายก็บังเอิญ พบกันด้วยความสับสนอลหม่าน

หลังจากเกิดเรื่องในครั้งนั้น หานซึ่งก็บอกให้เสี่ยวเหยียนไป รอที่ห้องทำงานของเขาโดยตรง เนื่องจากในห้องทำงานของเขา มีห้องพักรับรองอยู่ห้องหนึ่ง
การเข้าห้องทํางานของหานซึ่งเป็นครั้งแรกทำให้เสี่ยวเหยียน

เกิดอาการประหม่า หาทางไปไม่ถูก

เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง ตอนที่ออกจากลิฟต์ก็สูดหายใจ เข้าลึกๆเพื่อเก็บอาการ แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่ออกไปก็บังเอิญพบ กับซูจิ่วเข้าพอดี

เมื่อเห็นเธอ ซูจิ๋วก็ยิ้มเหมือนประหลาดใจเล็กน้อย “มาแล้วเห รอ?”

ซูจิ่วทักทายเธอด้วยน้ำเสียงคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ก็ไม่รู้ว่า ทำไม พอเห็นซูจิ๋วแล้ว ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนถึงได้เห่อร้อนขึ้น มา เธออายเล็กน้อย เนื่องจากเธอรู้สึกว่าซูจิ๋วเป็นพวกผู้หญิง ฉลาด มองตาเพียงแวบเดียวก็สามารถมองเธอได้อย่างทะลุ ปรุโปร่ง

เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ความคิดของคุณก็ปิดได้ไม่มิด

และแน่นอนว่าถ้าเป็นคนอื่น เสี่ยวเหยียนก็คงไม่กลัวว่าคนอื่น จะมองความคิดเธอออก แต่เนื่องด้วยซูจิ๋วเป็นคนที่เคยแอบชอบ หานชิงมาก่อน อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก

เสี่ยวเหยียนได้ยินเรื่องนี้จากคู่จื่อ ตอนที่ซูจิ๋วยังไม่ได้แต่งงาน เสี่ยวเหยียนยังแอบคิดว่านานๆไปหานชิงกับซูจิ๋วจะลงเอยกัน หรือไม่?

ในเวลานั้นความรักของเธอที่มีต่อหานชิงยังไม่ได้ลึกซึ้งขนาด นั้น เป็นเพียงความรู้สึกตื้นเขิน ถ้าหานชิงกับซูจิ๋วลงเอยกัน บางทีเธอก็อาจจะยอมแพ้
แต่ใครจะรู้ว่า จิวยอมแพ้ไปเสียก่อนและทั้งแต่งงานมีลูกด้วย เวลาอันรวดเร็ว ซึ่งตอนนั้นเสี่ยวเหยียนเองเคยเห็นหลักฐานใน อดีตเหล่านั้น เธอยังคิดว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ซูจิ๋วไม่ได้ลงเอย กับคนที่เธอชอบมาเป็นเวลานาน

พอตอนนี้มาเจอเธออีกครั้ง สภาพจิตใจก็เปลี่ยนไปโดยสิ้น

เชิง

ทันใดนั้นเธอก็นึกอิจฉาจิ๋วขึ้นมา กล้ารักกล้าเกลียด ตอน ที่รักเขาก็ไม่เคยมีใจวอกแวก พอไม่ชอบเขาแล้ว ก็สามารถ ปล่อยวางความรู้สึกได้ทันที หลังจากแต่งงานก็จัดการชีวิต แต่งงานได้เป็นอย่างดี เลี้ยงลูกได้สุดยอดและที่สำคัญไม่มีผลก ระทบกับงานของเธอเลย

เมื่อเสี่ยวเหยียนอยู่ต่อหน้าผู้หญิงเก่งแบบนี้ เธอก็รู้สึกกระดาก อายเล็กน้อย

“อืม” เสี่ยวเหยียนพยักหน้าและส่งยิ้มเขินๆ ให้เธอ

ซูจิ่วเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าเธอ วันนี้เธอสวมเสื้อสเวต เตอร์สีกรมท่าและกระโปรงยาวถึงเข่า ผมยาวสลวยพาดไหล่ ยัง คงมีชีวิตชีวาไม่ลดน้อยเลยสักวัน ในทางกลับกันยังมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น

ตอนที่เธอยิ้มให้ตัวเอง นัยน์ตาและใบหน้าของเธอแฝงไป ด้วยท่าทีเขินอายดูน่ารักไร้เดียงสา

คุณสมบัติเหล่านี้ไม่เคยปรากฏในตัวของซูจิ๋ว ที่แท้แล้วนี่เป็นแบบที่หานชิงชอบ? ต้องยอมรับว่าสายตาไม่เลว ขนาดเธอที่เป็นผู้หญิงยังคิดว่าเสี่ยวเหยียนเป็นคนน่ารักและ น่าทะนุถนอม

“ข่าวดี วันนี้ประธานหานประชุมเสร็จตอนที่เธอมาพอดีเลย อีกอย่างตารางงานถัดไปก็ไม่มีอะไรแล้ว เพราะฉะนั้นเธอก็จะได้ อยู่กับเขาสองต่อสองแล้ว”

เมื่อเธอพูดอย่างนั้น เสี่ยวเหยียนก็อายหน้าแดงพลางรีบ อธิบายกับซูจิ๋ว “ไม่ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ ฉันก็แค่…

“ก็แค่อะไร?” ซูจิ่วจ้องมองเธออย่างขำๆ

“ฉันแค่มาส่งข้าวให้เขาแค่นั้นเอง”

“จริงเหรอ?” ซูจิ๋วยิ้มมุมปากพลางเดินวนรอบตัวเธอหนึ่งรอบ จากนั้นก็หยุดยืนอยู่ข้างเธอและโน้มตัวกระซิบข้างหู

“อาหารเดลิเวอรี่มีตั้งหลายอย่าง แล้วทำไมประธานหานถึง

เรียกแค่เธอล่ะ?”

หลังจากที่พูดเสร็จ ซูจิ๋วก็เห็นว่าแม้แต่ปลายหูที่ขาวของเธอ เปลี่ยนเป็นสีชมพู ไม่รู้ว่าทำไมซูจิ๋วถึงคิดอยากจะแกล้งเธอ

“อีกอย่าง คราวที่แล้วประธานหานก็นำมือถือกลับมาด้วย เครื่องหนึ่ง ให้ฉันช่วยเอาไปเปลี่ยนหน้าจอที่ร้านซ่อม ฉันคิดว่า เคสมือถือเครื่องนั้นน่ารักดี ใช่ของเธอหรือเปล่า?”

“อะไรนะคะ?” เสี่ยวเหยียนเงยหน้าด้วยความแปลกใจ “ไปส่ง ร้านซ่อม?”
เธอมาติดต่อกันอยู่หลายวัน แต่ในแต่ละวันเธอก็ไม่กล้าถาม หาน งว่าเขาเอามือถือของตัวเองไปไว้ที่ไหนแล้ว เธอยังคิดอยู่ เลยว่าถ้ายังไม่ได้มือถือ เธอก็จะไปซื้อเครื่องใหม่

อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเพียงแค่โทรศัพท์มือถือ แค่โทรศัพท์ มือถือเครื่องหนึ่งจะเทียบอะไรได้กับธุรกิจที่เขาเสียหายไป

ไม่คิดเลยว่าเขาจะเอามันไปซ่อม

แต่เอาไปซ่อมก็ไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนี้

เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเหยียนทำหน้าสงสัย ซูจิ๋วก็เกือบจะคิดว่ามือ ถือเครื่องนั้นไม่ใช่ของเธอ “ทำไมเหรอ? หรือว่านั่นไม่ใช่มือถือ ของเธอ?”

เสี่ยวเหยียนยอมรับแต่โดยดี “น่า น่าจะของฉันแหละค่ะ เป็น

เคสสีชมพู แต่ว่า…ซ่อมมันใช้เวลานานขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

ซูจิ๋วโล่งอก “พูดแบบนี้แล้วต้องตำหนิเจ้าของร้านซ่อมแล้วล่ะ พวกเขาเพิ่งรับพนักงานใหม่ ตอนนั้นที่ฉันไปก็เจอกับพนักงาน ใหม่เข้าพอดี พวกเขาบอกว่าให้เอาทิ้งไว้แล้วจะซ่อมให้ พอวันรุ่ง ขึ้นฉันไปรับ พนักงานคนนั้นกลับลืมไปซะได้ ทุกอย่างก็เลยล่าช้า มาแบบนี้ เดี๋ยวซ่อมเสร็จฉันจะตรวจสอบดูเสียหน่อย นี่ฉันยัง ต้องโดนประธานหานอบรมเพราะเรื่องนี้ด้วยเนี่ย

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูจิ๋วก็เหลือบตามองเสี่ยวเหยียนว่าแววตา ของเธอเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน จากนั้นก็เพิ่มน้ำเสียงขึ้น

“ฉันทํางานกับประธานหานมานาน น้อยมากที่จะโดนเขาอบรม”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวเหยียนก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ซูจิ๋วพูด แบบนี้ดูเหมือนกำลังหงุดหงิดเธอ เหมือนกำลังบอกว่าถ้าไม่ใช่ เพราะเธอทําโทรศัพท์พัง ฉันจะโดนหานซึ่งอบรมได้อย่างไร?

แต่เมื่อมองไปที่ดวงตาของซูจิ๋ว ไม่ว่าจะมองยังไง เธอก็ไม่ เหมือนคนที่พูดแบบนั้นได้

“ทําไม เธอไม่เข้าใจ?” พอซูจิ๋วเห็นเธอทําท่าเครียด ก็อดยื่น มือไปจิ้มแก้มนุ่มๆของเธอไม่ได้ “ฉันกำลังจะบอกว่า นี่เป็นครั้ง แรกที่เขาอบรมฉันโดยที่ไม่ใช่เรื่องงาน แต่ฉันไม่ได้โกรธอะไร หรอก ความหมายที่ฉันอยากจะสื่อก็คือเธอเป็นคนพิเศษสำหรับ เขา”

เสี่ยวเหยียนหัวใจเต้นรัว

พิพิเศษ?

“เธอก็รู้เรื่องของฉันนี่นา ตอนที่อยู่ต่างประเทศพวกเราก็ยัง คุยๆกันอยู่เลย จำได้ว่าตอนนั้นฉันคุยกับเธอยาวมาก ไม่คิดว่า ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป เธอจะทำมันสำเร็จได้

“ไม่ไม่ไม่” เสี่ยวเหยียน โบกมือ “อันที่จริงเรื่องนี้เป็นการ เข้าใจผิด ประธานหานเขาไม่ได้คิดกับฉันแบบนั้น เขาเคย ปฏิเสธฉันตั้งหลายครั้งและฉันก็ตัดสินใจจะยอมแพ้แล้ว ที่ฉันมา ส่งอาหารให้เขา ที่จริง…ฉันติดหนี้เขาต่างหาก”

อย่างที่หลินสวี่เจิ้งพูด ธุรกิจของเขาเสียหายเป็นเงินมากมายเพียงเพราะเธอ และเขาเองก็แค่อยากให้เธอมาส่งอาหารเท่านั้น

ไม่มีอะไรเกินเลย

นอกจากนี้ค่ารักษาพยาบาลของเธอยังไม่ได้จ่ายคืนให้กับเขา

พอซูจิ๋วเตือนสติเธอเช่นนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าตัวเองจะต้อง รีบเอาเงินมาคืนเขาโดยเร็วเสียแล้ว ดูเหมือนว่าเธอพอจะมีเงิน ออมอยู่ในบัตรอยู่บ้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ