เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1046 ผมจะอยู่เป็นเพื่อนกับหม่ามให้ดี



บทที่1046 ผมจะอยู่เป็นเพื่อนกับหม่ามให้ดี

มีกับไม่มีมันก็เหมือนกัน ?

ในความเป็นจริงแล้วหาน จื่อไม่ค่อยเชื่อ เพราะจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังลืมคืนที่อยู่ต่างประเทศนั้นไม่ลง

คืนนั้นที่ เสี่ยวเหยียนดื่มเหล้าเมาแล้วมีไข้

เธอ……ได้ยินหานชิงพูดคำพูดเหล่านั้นกับเสี่ยวเหยียนอยู่ข้าง นอก

ในตอนนั้นท่าทีของพี่ชายเธอมีน้ำเสียงที่แสดงออกถึงการเกิด อารมณ์รักอย่างชัดเจน แต่หลังจากคืนนั้นไปแล้วดูเหมือนว่าทั้ง สองคนจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ส่วนหานซึ่งก็ได้ออกไปอย่าง รวดเร็ว

หลังจากกลับมาแล้ว พวกเขาสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

หานคู่จื่อรู้สึกว่าหานซิงเกิดอารมณ์เข้าแล้ว แต่ทำไมเขาไม่ ยอมลองดู จุดนี้มันทำให้หานคู่จื่อสงสัยอยู่เสมอมา

เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ?

เธอขยับริมฝีปาก ส่วนข้างๆ หูก็มีคำพูดของเยโม่เป็นก้องขึ้น มา “เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันน้อยมาก แล้วคุณยังจะแบ่งให้คน อื่น ?”

คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วต้องกลืนกลับลงไป
เอาเถอะ เธอก็ได้สัญญากับเย่ ไม่เซ็นแล้วว่าจะไม่ไปยุ่งเรื่องนี้ อีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอจะไปพูดอีกทำไม ?

จากที่เธอและเย่ ไม่เซินตกลงกันก็ได้ห้านาทีแล้ว เธอก็ไม่ได้จะ พูดต่อไปอีก จากนั้นจึงได้พูดเพียงแค่ว่า “ค่ะ ฉันรู้แล้วนะ ในใจ ของคุณก็ได้มีการตัดสินใจอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่พูดอะไร มาก ไม่เซินยังรอฉันอยู่ข้างล่าง วันนี้ฉันต้องกลับก่อนแล้วนะคะ”

“ไปสิ” หานซึ่งพยักหน้า

หานมู่จื่อหันหลังไป เดินไปได้เพียงสองก้าวก็ทนไม่ได้ที่จะหัน หัวกลับมา มองไปที่หานชิงด้วยท่าทางที่อยากจะพูด แต่ก็หยุด ไป “พี่คะ วันนี้ที่คุณเรียกฉันกลับมาก็เพื่อกินอาหารเย็นเท่านั้นเห รอ ?”

นิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะของ หานซึ่งสะดุดเล็กน้อย สายตาของเขา ก็กระตุกเล็กน้อย น้ำเสียงราบเรียบดั่งน้ำ

“ไม่เช่นนั้นล่ะ ?”

ไม่เช่นนั้นล่ะ ?

หานมู่จื่อจ้องมองเขา จากนั้นก็เก็บสายตาคืนมา

“ไม่มีอะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันกลับไปก่อนนะคะ”

หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้หันหัวกลับอีก แล้วออกจากห้องอ่าน หนังสืออย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้เลยว่า หลังจากที่ไปได้ไม่นาน ดวงตาของผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือก็หรี่ลง ในสายตาเต็ม ไปด้วยสีแห่งความมืดมิด
เมื่อลงไปชั้นล่าง หานคู่จื่อ ก็เห็นเย่ ไม่เช่นเดินมาหาตนเองแต่

ไกล

เธอนับเวลาดูแล้วก็รู้สึกว่าตนเองมาสาย

เธอกระแอมเบาๆ แล้วเดินไปอย่างกินปูนร้อนท้องอยู่บ้าง

ริมฝีปากอันบอบบางของเยโม่เซินก็ยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับ รอยยิ้มจางๆ ดูพื้นผิวนั้นไม่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่หาน จื่อ รู้สึก ได้ถึงความโหมซัดสาดในรอยยิ้มที่ราบเรียบ

“ห้านาที เลยเวลาแล้ว”

เขามองไปยังนาฬิกาที่อยู่ในมือ แล้วพูดกับหานมู่จื่อ เบาๆ

น้ำเสียงนั้นเบามาก แต่หานจื่อได้ยินถึงความอันตรายที่จะ เข้ามา เธอยิ้มแล้วเดินไปปิดนาฬิกาไว้ทันที “นาฬิกาของคุณก็ เดินเร็วเกินไปหรือเปล่า เมื่อตอนที่ฉันอยู่ในห้องอ่านหนังสือก็ดู เวลาอยู่แล้วนะ พอถึงห้านาทีฉันก็ลงมาแล้วนี่ ฉันต้องใช้เวลาพอ สมควรในเพื่อเดินไปแล้วก็เดินมาใช่ไหม ?”

“หือ ?” เย่โม่เชินเลิกคิ้วขึ้น

หานมู่จื่อ พูดต่อไปว่า “อีกอย่างก่อนหน้านี้พวกเราก็ไม่ได้ ตกลงกันว่าห้านาทีนี้จะรวมเวลาที่ฉันเดินด้วย คุณจะมาโทษฉัน ไม่ได้นะ ฉันไม่ได้พูดอะไรจริงๆ

“ไม่ได้พูดอะไร ?” เย่โม่เป็นหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย “ไม่ได้พูดอะไร ก็ต้องใช้เวลาเกินห้านาที ?”
หานมู่จื่อ : “ก็แค่ถามเรื่องทั่วไปแล้ว แล้วก็ใส่ใจสารทุกข์ สุกดิบของพี่ชายฉัน อย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัวของฉัน คุณ ไม่สามารถห้ามฉันพูดกับเขาแม้แต่เรื่องพวกนี้ใช่ไหม ?”

พูดมาซะขนาดนี้แล้ว ถ้าเยโมเป็นยังจะพูดอะไรอีกมันก็เกินไป

แม้ว่าในความทรงจําของเขาจะไม่มีทานชิงคนนี้ แต่อย่างไร ก็ตาม เขาก็เป็นพี่ชายของมู่จื่อ จะมากเกินไปมันก็ไม่ดี

ดังนั้นเย่โม่เซินเห็นว่าพอควรก็หยุดลง มือใหญ่ของเขาโอบ เอวของ หานมู่จื่อ แล้วดึงเธอเข้าสู่อ้อมอกของตนเอง

“พูดจบแล้ว ?”

หานมู่จื่อเบิกตาจ้องมองเขา “พูดจบแล้ว”

“กลับบ้าน”

หลังจากที่ได้เซ็นสัญญากับหลินสวี่เจิ้งแล้ว จางเสี่ยวเหยียน ได้ขอบคุณฝ่ายตรงข้าม และได้บอกว่าถ้าหากเขาชอบก๋วยเตี๋ยว ที่เธอทำในวันนั้น ตราบใดที่เขามาที่ร้านหรือถ้าหากเขาอยาก กิน เธอก็สามารถทำแล้วส่งไปให้ได้ตลอดเวลา

หลินสวีเจิ้งยิ้มจางๆ จากนั้นก็ตอบรับด้วยความเงียบ จากนั้น เสี่ยวเหยียน ก็เริ่มเตรียมเรื่องเปิดร้าน

การเปิดร้าน ในตอนแรกเป็นเพียงความคิดหนึ่งของเธอ แต่ เมื่อได้ปฏิบัติแล้ว มันมีหลายเรื่องที่จะไม่จริงจังก็ไม่ได้ และมีอีกหลายเรื่องที่ทําให้เธอต้องวิ่งไปวิ่งมาเพื่อเตรียม นอกจากเธอ แล้ว ยังมีหลัวเหมียที่คอยช่วยเธออีกด้วย

แต่เนื่องจากพ่อจางยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ดังนั้นพวก เขาจึงวิ่งกันอยู่สองวันแล้วตัดสินใจว่าจะพักเรื่องนี้ไว้ก่อน ทุก อย่างจะต้องรอจนกว่าพ่อจางออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยว่า กัน

หลังจากพ่อจางรู้แล้วจึงโบกมือไม่ถือสา

“ไม่เป็นอะไร พวกคุณก็ทำธุระของพวกคุณให้เต็มที่เลย ตา เฒ่าอย่างฉันตายไม่ได้หรอก อย่าสนใจฉันเลย”

“พ่อคะ แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราควรจะดูแลคุณให้ดีก่อน เรื่อง เปิดร้านก็ได้ตัดสินใจแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรีบเร่งในตอนนี้

หลัวหุ้ยเหม่ย ที่นั่งกินองุ่นอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเข้าก็พยักหน้า

พูดเสริม “ใช่แล้วล่ะ”

เมื่อพูดจบเธอก็ได้ยึดองุ่นเข้าปาก

เมื่อพ่อจาง เห็นท่าทางแบบนี้ของเธอก็ได้หลับตาแล้วพูดไป อย่างจนปัญญา “คุณนี่ก็อย่ารู้แต่กินสิ ช่วยดูแลลูกสาวเราหน่อย หลังจากเขากลับมาในครั้งนี้ก็ผอมลงไปซะเยอะ ช่วงนี้ได้เลี้ยง อยู่บ้านทำไมยังไม่เห็นมีน้ำมีนวลขึ้น ? ไม่มีน้ำมีนวลก็พอแล้ว ทำไมยังผอมลงถึงขนาดนี้ ?”

เมื่อได้ยินคำพูด หลัวหุ้ยเหม่ยก็ไม่พอใจ จึงได้เถียงกลับในทันที
“อะไรเรียกว่าฉันรู้แต่กิน อย่าหาว่าฉันว่าคุณเลยนะตาจาง คำ พูดนี้ของคุณมันเกินไปไหม ? ลูกสาวของคุณผอมแล้วเกี่ยวอะไร กับฉน ? อาหารอร่อยๆ ทุกวันคุณกินไปเยอะแยะแค่ไหนในใจ คุณก็รู้ ยังจะจําเป็นต้องให้ฉันพูดออกมาชัดเจนหรือ ถ้าไม่ใช่ เพราะลูกสาวคุณต้องวิ่งไปวิ่งมาเพื่อดูแลคุณ เขาจะผอมขนาดนี้ เหรอ ?”

ตาจาง : ”

เสี่ยวเหยียน : ” พ่อคะแม่คะ พูดคุณอย่าว่ากันเลย ที่ฉัน ผอมคือฉันลดน้ำหนัก ไม่ได้เกี่ยวกับพูดคุณสองคนหรอกค่ะ

“ลดน้ำหนัก ?” คู่สามีภรรยาจางก็มองไปที่เธอพร้อมกัน “คุณ ก็ผอมขนาดนี้แล้ว คุณยังจะมาลดน้ำหนักทำไมกัน ? คุณอย่าทำ เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ข้างนอกนะ เดี๋ยวก็ผอมเหมือนไม้ไผ่ชะ หรอก ใครจะมาเอาคุณล่ะ? แค่เดินแล้วมีลมแรงหน่อยก็สามารถ พัดพาคุณปลิวไปได้แล้ว มันดีตรงไหน ?”

มุมปากของเสี่ยวเหยียนกระตุกขึ้น ในความเป็นจริงแล้วเธอ ไม่ได้ลดน้ำหนัก รูปร่างของเธอก็ได้รับการรักษาดีอยู่เสมอ เพียง แต่ช่วงนี้อาจจะมีหลายเรื่องมากเกินไป แล้วช่วงก่อนหน้านี้เธอก็ ไม่ค่อยกินของเท่าไหร่ คิดมากเกินไปคนก็เลยผอมลง

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็รีบพูดออกไป

“โอ๊ย จะไม่เป็นแบบนั้นหรอกค่ะ เดี๋ยวผ่านไปสักพัก เรื่องเปิด ร้านเรียบร้อย ฉันก็จะชดเชยกลับมา พวกคุณสองคนไม่ต้องเป็น ห่วงหรอกค่ะ ฉันรู้จักดูแลตัวเองอยู่
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก ฝั่งเย่ ไม่เซินก็ได้โทรหาเสี่ยวหมี่โต้ว และบอกเขาว่าอีกสองวันจะสั่งคนมารับเขากับฉือจิน

เนื่องจากไม่ได้โทรผ่านวิดีโอ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามารถ มองเห็นสีหน้าฝ่ายตรงข้าม

แต่เสียงของเสี่ยวหมี่โต้วนั้นกระฉับกระเฉงมาก จนสามารถ จินตนาการได้ว่าสีหน้าของเขาจะเป็นอย่างไร

“แด๊ดดี้ครับ อีกสองวันผมกับคุณตาทวดก็จะกลับไปแล้ว แล้ว เรื่องของแด๊ดดี้จัดการเรียบร้อยหรือยังครับ ?”

“ครับ”

เย่ไม่เป็นพยักหน้า เขาได้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

เสี่ยวหมี่โต้วถามต่อ : “แด๊ดดี้จัดการอย่างไรเหรอครับ ?” “เป็นเด็กจะถามเยอะขนาดนี้ทำไม หลังจากกลับมาแล้วคุณก็ ต้องอยู่เป็นเพื่อนกับหม่ามี้ให้ดีก็พอ

เสี่ยวหมี่โต้วได้ยินคำพูดนี้เข้าก็ซึมอย่างหนัก “ไม่ต้องให้แดด เลวบอก ผมก็จะอยู่เป็นเพื่อนกับหม่ามี้ให้ดี”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ