เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่1449 คุณไม่ได้มีสิทธิ์อยู่แล้ว



บทที่1449 คุณไม่ได้มีสิทธิ์อยู่แล้ว

ช่างแต่งหน้าอยู่ในอารมณ์ร้อนรุ่ม พุ่งเข้าไปเตรียมที่จะเข้าไป ทุบตีด่าว่าผู้ช่วยของเธอ ผู้ช่วยตัวน้อยหวาดกลัวจนถอยเข้าไป หลบด้านหลัง

“มาส์กหน้าพวกนั้น คุณเอามาด้วยหรือเปล่า?”

ผู้ช่วยตัวน้อยพยักหน้าออกมาอย่างขี้ขลาดตาขาว เอามา แล้วค่ะ”

เธอเอาของจากในกระเป๋าออกมา “คุณตำรวจ ของฉันก็เอา มาหมดแล้ว แต่ฉันขอถามได้มั้ยคะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? ถึงแม้ว่าฉันจะขโมย แต่ก็แค่มาส์กหน้านิดหน่อยเอง ไม่ถึงกับ ต้องจับฉันมาหรอกมั้ง?”

ตำารวจรับมาส์กหน้ามา เหลือบมองเธอไปเล็กน้อย “ไม่ได้จะ จับคุณ ที่ไม่มีธุระของคุณแล้ว คุณไปรออยู่ที่ด้านนอกก่อนเถอะ”

“อ้อ” ผู้ช่วยตัวน้อยมองช่างแต่งหน้าไปอย่างทำอะไรไม่ถูก

จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเดินออกไปด้วยความกลัว

อันที่จริงเรื่องนี้มันง่ายนิดเดียว ทั้งสองคนที่เข้าห้องวันนั้นต่าง น่าสงสัยด้วยกันทั้งคู่ แต่ในบัญชีของช่างแต่งหน้าได้มีเงินก้อน โตเพิ่มขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอก็เลยเป็นเป้าหมายหลักของ การตรวจสอบ

เดิมที่ช่างแต่งหน้าก็ไม่ได้มีความมั่นใจอะไร ไม่อย่างนั้นก็ไม่คิดจะหนีหรอก ถึงยังไงก็เป็นครั้งแรกที่ทำเรื่องพวกนี้ แต่เดิมก็ กลัวอยู่ ตอนนี้หลังจากผู้ช่วยตัวน้อยเอามาส์กหน้าออกมา เธอ ก็ได้กลัวจนปากเริ่มสั่นออกมา

ทำไม ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้?

ทั้งๆที่ตอนแรกก็ได้ตกลงกันแล้วว่าเพียงแค่ลงมือไปที่มาส์ก หน้า จากนั้นก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็สามารถหนีพ้นไป ได้แล้วไง ทำไมถึงไม่เหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้เลยล่ะ?

คาดว่าคงมองออกถึงความหวาดกลัวของเธอ ตำรวจเอา

กล่องมาส์กหน้าส่งให้ลูกน้องไป “เอาไปตรวจดู

หลังจากนั้นก็ได้หันมาพูดกับช่างแต่งหน้าที่ก่ออาชญากรรม คนนั้นอีกครั้ง “สวรรค์มีความยุติธรรม ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ การก่ออาชญากรรมเรื่องพวกนี้ขอเพียงแค่คุณทำลงไป ไม่ช้าก็ เร็วก็จะถูกเปิดเผย กระดาษมันไม่มีทางที่จะห่อไฟได้

ขอบตาของช่างแต่งหน้าแดงก่ำ รีบระเบิดตัวเองทันที “ขอโทษค่ะคุณตำรวจ ฉันถูกล่อลวงไปชั่ววูบ มาส์กหน้าก็เป็นคน คนนั้นเป็นคนให้ฉันมา บอกว่าขอเพียงแค่เปลี่ยนอันนี้ก็จะให้เงิน ฉัน ตอนนั้นฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะคิดทำร้ายคนอื่น ก็เลยตอบ รับไป

“คุณเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าคุณเป็นเด็กสามขวบหรือไง? ไม่ได้ คิดทําร้ายคนอื่นจะให้เงินคุณมาตั้งมากมาย? คุณก็เป็นแม่คน แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่มีแม้แต่ความตระหนักพวกนั้น ความจริงก็ คือคุณรู้อยู่แล้วว่าเป็นการทำร้ายคนอื่น แต่คุณก็โลภ”
ช่างแต่งหน้านั่งลงบนเก้าอี้ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไปโดยสมบูรณ์

สุดท้ายช่างแต่งหน้าก็เอ่ยถึงคนที่ว่าจ้างออกมา คนของทาง สถานีตำรวจหลังจากที่สืบได้ว่าคนผู้นี้ก็คือเห้อเหลียนจึงของ บริษัทตระกูลเห้อก็แปลกใจกันมาก

คุณชายแห่งบริษัทตระกูลเห้อทำไมถึงต้องการทำร้ายเจ้าสาว ของหานชิงด้วย? ในภายหลังคนของทางตำรวจได้ตามสืบกันอีก ที ก็ได้พบว่าบริษัทตระกูลเหอหลักๆแล้วจะทำธุรกิจอยู่ที่ต่าง ประเทศทั้งนั้น ถึงแม้ว่าบริษัทตระกูลหานจะมีการเติบโตอยู่ที่ ต่างประเทศด้วยเหมือนกัน แต่ทั้งสองบริษัทก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ เกี่ยวข้องกันมาโดยตลอด เพราะว่าธุรกิจไม่เหมือนกันเลย

ดังนั้นแล้วก็เลยทำให้คนอื่นไม่อาจเข้าใจได้เลย ทำได้เพียง ไปหาเจ้าของเรื่อง

บทที่คนของทางตำรวจเจอเห้อเหลียนจึง เขาก็ไม่ปิดบังไม่ขัด ขวางการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกับว่าจะคาดเดาอยู่แล้วว่าคนจาก ทางตำรวจจะมาหาเขา หรืออีกอย่างก็คือเขานั้นจงใจ อันที่จริง ด้วยอิทธิพลของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำเรื่องนี้ให้ออก มาจนไม่มีช่องโหว่เลยได้ แต่ก็สามารถควบคุมเบาะแสมากมาย ให้ทางตำรวจปวดหัวกันได้เหมือนกัน

แต่ว่าไม่มี คดีตีแตกไปได้อย่างสบายๆ บทที่คนของทาง ตารวจถามเห้อเหลียนจึง เขาก็ยอมรับออกมาตรงๆ

“ทำไม? นายหานกับคุณจางก็ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับคุณ ทำไมคุณถึงคิดอยากจะวางเพลิงเผาเธอทั้งเป็น?”
ได้ยินอย่างนั้น เพื่อเหลียนจึงมองอีกฝ่ายไปด้วยอาการเหยียด หยามสุดๆ พร้อมกับยกยิ้มเย็นออกมา “ฉันจะทำอะไรก็ไม่จำเป็น จะต้องมีเหตุผล อยากเผาหล่อนก็เผา มันจะทำไม?”

สีหน้าคนของทางตำรวจเองก็เยือกเย็นตามกันออกมา

“งั้นก็พูดได้ว่านายเห้อยอมรับแล้วว่าคุณเป็นคนบงการเรื่อง

“อ่าฮะ ฉันเป็นคนทําเอง”

จากนั้นเห้อเหลียนจึงก็ถูกพาตัวไป กลุ่มของทางตำรวจก็กำลัง พูดคุยกัน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขาดูเหมือนว่าจะไม่กลัวเลยสักนิด หรือ ว่าวันนั้นที่เขาทำเรื่องนี้ลงไปก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะถูกจับมา?”

“ฮี คนหนุ่มๆก็จองหองไม่คิดจะสนใจอะไรอยู่แล้ว ก่อ อาชญากรรมขึ้นมาก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา รอให้หลังจากนี้ได้ เจอกับความลำบากดู เขาจะได้สำนึก”

เพราะว่าคุณชายแห่งบริษัทตระกูลเห้อเข้าคุกไป เรื่องมันก็ พิมพ์ไปอย่างรวดเร็ว ออกข่าว สวีเย็นหวั่นที่ภายในใจก็ไม่ สบายใจอยู่แล้ว เห็นเนื้อเหลียนจึงเข้าคุกไป ภายในใจก็ยิ่งทวี ความร้อนใจขึ้นมา

ที่ผ่านมาเห้อเหลียนจึงทำยังไง นั่นเป็นเรื่องของตัวเขาเองทั้ง นั้น ถึงเขาจะตายไปนั่นมันก็เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับแล้ว

แต่ตอนนี้เขาเข้าคุกไปเพราะตน จะคิดยังไง สวี่เย็นหวั่นก็รู้สึกเพียงแต่ว่าภายในใจมันรู้สึกละอายใจเหลือเกิน

แต่พอได้ย้อนคิดดูใหม่อีกที สวีเย็นหวั่นก็คิดว่าเขาก็สมควร แล้วนั่นแหละ เดิมทีเธอก็เคยห้ามเขาไปแล้วครั้งนึง เขาก็ยังจะ มาครั้งที่สองอีก เป็นคุณชายใหญ่มันไม่สบายก็เลยอยากหา อะไรใหม่ๆ หรือว่าอะไร?

ปลอบใจไปปลอบใจมา สุดท้ายสวีเย็นหวั่นก็ยังไปเจอเพื่อ เหลียนจึงอยู่ดี

ไม่เจอกันหลายวัน เหอเหลียนจึงได้เปลี่ยนชุดของเรือนจำ เรียบร้อยแล้ว ร่างก็ดูพร่องไปไม่น้อย บทที่เห็นสวี่เย็นหวั่ นัยน์ตาของเขาก็มีแสงสว่างลุกโชนออกมา

“ผมยังคิดอยู่เลยว่าชั่วชีวิตนี้คุณจะไม่ยอมมาเจอผมแล้วเสีย อีก”

เห็นเห้อเหลียนจึงอย่างนี้แล้ว สวีเย็นหวั่นกัดลงไปบนริมฝีปาก ล่างของตัวเอง เอ่ยถามเสียงเบาออกไป “ทำไม? ตกลงว่าทำไม ถึงทำอย่างนั้นกัน? ก่อนหน้านี้ฉันจำได้ว่าฉันเคยห้ามคุณไปแล้ว นี่ แต่ทำไมคุณถึงยังทำอย่างนี้? คุณไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นสังคมแห่ง กฎหมายหรือไง? ก่ออาชญากรรมก็ต้องเข้าคุก ตอนนี้สบาย แล้ว?”

เห้อเหลียนจึงมองเธอเงียบๆ หลังจากที่ผ่านไปสักพักก็ได้ถอน หายใจเอ่ยออกมา “ใช่ คุณเคยห้ามผมมาครั้งนึงแล้ว แต่คุณก็ ยังไม่มีความสุข ก็เลย…

“คุณก็เลยวางเพลิงเผาคนอื่น? หรือว่าคุณคิดว่าเธอถูกไฟคลอกตายแล้วฉันจะความนั้นหรอเหอเหลียนได้รับการสั่งสอนมายังไงกันแน่ ทัศนคติบิดเบี้ยวเสียเป็น อย่างความคิดของคุณคือไม่คุณต้องทำลายไปหมด ใช้ มั้ย? ก็เหมือนกับแฟนพวกนั้นของถ้าเกิดชอบเตะ ออกไป แต่ปกติแล้วมันก็คุณเรื่องพวกไปจะซาบซึ้งใจคุณหรอ? มีทาง มันจะทำให้เหตุผลมันเพิ่มภาระฉัน

เป็นเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นสวี่เย็นหวั่นอารมณ์รุนแรงไม่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเธอพูดตัวเองมองเธออยู่เงียบๆ

สักทำให้คุณเกลียดผมมาซะแล้วหรอ? ขอโทษนะ ผมเห็นคุณ ตอนไม่เหลือใคร อยากช่วยทำอะไรบ้าง แต่ผมเข้าใกล้ คุณ คุณไม่พอใจ เลยจำต้องทำเรื่องพวกลงไป

“อยากช่วยฉันอะไรบ้าง? วิธีจะช่วยฉันมีหลายวิธี ทำไมเลือกที่สุดอย่างด้วย พูดตรงๆไม่ใช่นิสัย ของคุณจริง”

ทันใดนั้นเองเห้อเหลียนจึงมองพร้อมยิ้มให้เธอ “คุณกลัว อะไร? ผมมีทางทำร้ายเดียวที่ผมเห้อเหลียนคนนี้เคยรักเลยนะ”
“พอแล้ว”

สวี่เย็นหวั่นลุกขึ้นยืน คุยกับเขาต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ “ฉันมา เพื่อคุยเรื่องศีลธรรมกับคุณ แต่คุณมาคุยเรื่องความรักกับฉัน คน ที่ดูถูกชีวิตคนอื่นทั้งยังไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองอย่างคุณ มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าคุณรักฉัน?”

พูดจบ สวีเย็นหวั่นก็ไม่มองเห้อเหลียนจึงอีกเลย ผันร่างเดิน ออกไป

มองเงาร่างเบื้องหลังของเธอ เห้อเหลียนจึงหลุบตาลงมอง

ปลายเท้าตัวเอง หรือว่าเขาจะทำผิดไปแล้ว?

หรือไม่ก็อย่างที่สวี่เย็นหวั่นบอก ตนเป็นพวกหัวรุนแรง เป็นคน ที่ไม่มีสิทธิ์จะพูดเรื่องความรัก?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ