เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 371 ไปบริษัทใหม่



บทที่ 371 ไปบริษัทใหม่

วันที่สอง

เพราะจะไปดูที่บริษัทใหม่ ดังนั้นหานมู่จื่อตื่นมาแต่เช้า

ที่สำคัญก็เพราะหานชิงต้องไปทำงาน ส่วนเสี่ยวหมี่โต้ วจะต้องออกไปพร้อมกับหานชิงด้วย ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้ว ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว ปรากฏว่า หลังจากที่เขาตื่น หานมู่จื่อก็ นอนไม่หลับอีกแล้ว ดังนั้นจึงตื่นมาด้วย

ทั้งสองแม่ลูกอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย หานมู่จื่อส่ง เสี่ยวหมี่โต้วลงไปชั้นล่าง ทุกคนทานอาหารเช้าพร้อมกัน จากนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็ถูกหานชิงพาออกจากบ้านไป

ก่อนจะไปหานชิงพูดกับหานมู่จื่อว่า : “เวลายังเช้าอยู่ คุณกลับไปนอนอีกหน่อย เดี๋ยวให้เลขาซูกลับมารับคุณ ตอนสายๆ”

ได้ยินดังนั้นแล้ว หานมู่จื่อลืมตาโต: “ฉันไปนอนได้ อีก? คงจะไม่ใช่ว่าฉันเพิ่งนอนลงไป เลขาซูก็มารับฉันแล้ว ล่ะ?”

เห็นเธอทำหน้าเช่นนี้ หานชิงอดใจไม่ได้จึงยิ้มๆ : “ไม่ หรอก ตอนเช้าเธอยังมีงานอื่นต้องทำ สบายใจได้”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ หานมู่จื่อจึงเข้าใจ ดูเหมือนว่าเข้า นี้ซูจิ๋วจะยุ่งมาก

งั้นเธอก็กลับไปนอนอย่างสบายใจได้แล้ว
“ค่ะ”

หานมูจือกลับไปถึงชั้นบน เตรียมกลับไปนอนต่อให้ อิ่ม แต่ตอนที่ผ่านหน้าประตูห้องหนึ่งนั้น ประตูกลับเปิด ออกกะทันหัน ในนั้นมีมือหนึ่งยื่นไปคว้าเธอ

หานมู่จื่อตอนแรกตกใจมาก พอดูให้ชัดเจนแล้วเป็น เสี่ยวเหยียนแล้วก็ทำท่าทางตกใจ: “เสี่ยวเหยียน?”

“แกยังรู้ว่าเป็นฉันอยู่เหรอ รู้สึกว่าสองสามวันนี้ แกลืม ฉันไปแล้วนะ ฮิม!”

เสี่ยวเหยียนกอดแขนตนเองไว้และบ่นไปด้วย ทรงผม ของเธอยุ่งๆ ทั้งคนดูแล้วสภาพแย่มาก

“อะไร? ก็แกบอกว่าตนเองไม่สบายจะพักฟื้นร่างกาย อยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ? ฉันจะมารบกวนแกได้ยังไง?” “แก! แกรู้อยู่แล้วว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง ยังจะมาแกล้งว่า

ฉันอีก!”

หานมู่จื่อยักคิ้วและยิ้ม: “สบายใจได้เลย ฉันจะลืมแก ได้ยังไง? วันนี้จะไปที่บริษัท แกรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วลง มาทานอาหารเช้าชั้นล่าง”

“ลงมาทานอาหารเช้า?

“พี่ชายฉันไปทำงานแล้ว วางใจได้”

ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนซึ้งใจจนเข้ามากอดแขนของหา นมู่จื่อไว้: “มู่จื่อ แกดีกับฉันมากจริงๆเลยอ่า! งั้นฉันไป เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี่ยวนี้เลย!”

“ไม่ต้องรีบหรอก แกอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปทานอาหารเช้าก่อน สายๆเราค่อยไปบริษัท ฉันจะกลับไปนอนต่ออีก หน่อย”

พูดจบ หานมู่จื่อยื่นมือมาอุบปากตนเอง จากนั้นหาว อย่างง่วงนอนและออกจากห้องwx

จนตอนที่เธอตื่นมานั้น ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว เธอมองดู โทรศัพท์ คิดอยู่ในใจว่าทำไมเวลานี้แล้ว ซูจิ๋วยังไม่มา

ดังนั้นลงไปดูชั้นล่างว่าเธอมาแล้วหรือยัง ปรากฏว่า เพิ่งจะลงไปก็เห็นซูจิ๋วและเสี่ยวเหยียนนั่งเม้าท์กันอย่าง สนุกบนโซฟา ได้ยินเสียงเดินแล้ว เธอสองคนจึงเงยหน้า ขึ้นมาดู

“คุณเลขาซู คุณมาเมื่อไหร่คะ? ทำไม…..ไม่ให้พวก เขาเรียกฉันตื่นล่ะ?”

ซูจิ๋วยิ้มนิดๆและตอบด้วยเสียงเบาๆ: “คุณมู่จื่อ ฉันก็ เพิ่งจะมาถึงสิบนาทีค่ะ เพิ่งจะนั่งได้สักครู่เดียว”

“เหรอคะ?” หานมู่จื่อมองหน้าเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยีย นพยักหน้า: “ประมาณนี้แหล่ะ แต่ว่าถึงแกจะนอนอีกครึ่ง ชั่วโมงหรืออีกหนึ่งชั่วโมง คุณเลขาซูก็ไม่โกรธแกหรอก”

หานมู่จื่อ: …”

เธอรู้สึกอายนิดๆแล้วก็แกล้งไอสักสองสามที่ จากนั้น มองดูเวลา: “ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้วนะ ถ้าไม่อย่างนั้นเราทาน ข้าวมื้อเที่ยงด้วยกันก่อน แล้วค่อยไปดูบริษัทใหม่ดีไหม?”

“ฉันก็กำลังคิดเช่นนี้อยู่เหมือนกัน” ซูจิ๋วยั้มและพยัก หน้า เสี่ยวเหยียนก็พยักหน้าด้วยอยู่แล้ว
หลังจากที่ทุกคนขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว เสี่ยวเหยียนกอด กระเป๋าตนเองไว้และถามว่า: “ใช่สิ เราจะไปบริษัทใหม่ ที่ไหนกันล่ะ?”

“ทำไม? คุณมู่จื่อไม่ได้บอกคุณหรือคะ พวกคุณกำลัง จะมีบริษัทเป็นของตนเองแล้ว?”

ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนตาโตขึ้นมาทันที จ้องหน้าหา จื่ออย่างนิ่งๆไม่พูดอะไร

“มู่จื่อ แกจะเปิดบริษัทเองแล้วเหรอ?”

หานมู่จื่อยิ้มอย่างเกรงๆและยักไหล่ของตนเอง: “ไม่ใช่ ฉันเต็มใจทำ”

เสี่ยวเหยียน:

เอาเถอะ เธอเข้าใจแล้ว หานชิงเป็นคนวางแผนให้เธอ

เอง

ว่าไปแล้ว หานชิงดีต่อหานมู่จื่อนั้น ไม่ใช่เสแสร้งเลย จริงๆ จัดการเตรียมทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี พูดได้น่าฟังก็ คือดีต่อน้องสาว แต่ว่าหานมู่จื่อก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนี่นา

เป็นผู้ใหญ่แล้วมีความคิดเป็นของตนเอง เรื่องทุก อย่างถูกเตรียมไว้ได้ดีหมดแล้ว เหมือนกับว่าถูกมอง เป็นเด็กโตอย่างนั้น

ที่สำคัญคือ บางครั้งถึงแม้หานมู่จื่อก็ทำตัวไม่ถูก แต่ก็ ยังยอมรับแต่โดยดี

ก็เพราะว่า มันเป็นความรักและเอ็นดูที่มาจากพี่ชาย ของน้องสาวที่ค้นหามานานถึงยี่สิบกว่าปี
เธอจะปฏิเสธลงได้ไง

โชคดีที่หานชิงเข้าใจเธอ ดังนั้นในหลายๆเรื่อง ถึงแม้ เธอจะอึดอัดใจ แต่นั่นไม่ใช่เพราะรู้สึกไม่ชอบ แต่รู้สึกว่า ตนเองถูกครอบคลุมไว้ดูแล เธออยากจะทำทุกอย่างโดย ใช้ความสามารถของตนเอง

ซูจิ๋วที่นั่งด้านหน้าได้ยินแล้ว อดใจไม่ได้จึงพูดแทน หานชิงสองสามคำ

“ฉันคงต้องพูดแทนนายหานสักหน่อยแล้ว หลังจากที่ คุณหานมู่จื่อกลับมาแล้ว ถ้าเปิดบริษัทหนึ่งขึ้นมา จะ สามารถพาทีมงานและตนเองให้ยืนหยัดอยู่ในประเทศได้ เพราะตลาดต่างประเทศและในประเทศมีสถานการณ์ไม่ เหมือนกัน อีกทั้งนายหานน่าจะรู้สึกว่าคุณมู่จื่ออายุไม่น้อย แล้ว น่าจะมีอะไรที่เป็นของตนอย่างมั่นคงได้แล้ว”

ได้ยินดังนั้นแล้ว หานมู่จื่อมองเธอด้วยหางตา แล้วอด

จะหัวเราะเธอไม่ได้ “คุณเลขาซู คุณนี่เป็นองครักษ์ซ้ายขวาของพี่ชายฉัน จริงๆเลยนะ ตอนนี้ก็ยังช่วยเขาพูดอีกนะ”

“คุณมู่จื่อ ฉันก็แค่พูดตามความเป็นจริง”

หานมู่จื่อหัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบโต้เธอ

“จริงสิ คุณมู่จื่อได้ดูเอกสารรายชื่อทีมงานหรือยัง คะ?”

“เอกสารรายชื่อของทีมงาน?” หานมู่จื่อขมวดคิ้ว สายตาที่เย็นชาเหมือนเชิญชวนให้อยากรู้ เมื่อวานหานชิงได้ให้แค่เอกสารของบริษัทแก่เธอ เธอเหมือนจะไม่ได้เปิด ไปดูถึงด้านหลังสุด

นึกถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อจึงนำเอกสารชุดนั้นที่อยู่ใน กระเป๋าของเสี่ยวเหยียนออกมาดู ซูจิ่วเห็นแล้วจึงพูดขึ้น มาว่า: “อยู่ด้านหลังสุด คุณมู่จื่อลองเปิดไปดูค่ะ”

ดังนั้นหานมู่จื่อได้เปิดไปดูด้านหลัง เห็นรายชื่อทีมงาน ของเธอมีถึงห้าหกคนเลยล่ะ

“ดีไซน์เนอร์ทั้งหมดนี้นายหานเป็นคนจ้างด้วยค่าแรงที่ สูงเพื่อคุณ เคยได้รับรางวัล เคยออกแบบสินค้า เป็นดี ไซน์เนอร์ที่เก่งๆทั้งนั้นเลย”

หานมู่จื่อเปิดดูประวัติของพวกเขาสักพัก เธอก็เงย หน้าขึ้นมาพูดว่า: “มีความสามารถขนาดนี้มาอยู่ที่บริษัท ใหม่ของฉัน คุณแน่ใจว่าพวกเขาจะอยู่ไหวเหรอ?”

“นายหานจ่ายเงินเดือนให้พวกเขาสูงขนาดนั้น จะอยู่ ไม่ไหวได้ยังไง? ไม่แน่คงอยากจะขอร้องมาอยู่ที่นี่กันต่าง หาก”

หานมู่จื่อ: ..

เสี่ยวเหยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ชะเง้อหน้าเข้ามาดูด้วย “ถ้าจ้างเงินเดือนสูงๆ จะขาดทุนไหม”

“นายหานเชื่อในความสามารถของคุณมู่จื่อ ต้อง สามารถประสบความสำเร็จในตลาดภายในประเทศได้ อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นแค่มีลูกค้า จะกลัวขาดทุน ทำไม? อีกทั้งการเปิดบริษัทก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว การเริ่มต้นของทุกๆอย่างมันก็ยากเสมอแหล่ะ”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจและก็ไม่ค่อย เข้าใจ จากนั้นเอามือท้าวหน้าตนเองและมองดูซูจิ๋ว: “คุณ เลขาซูเก่งจังเลยค่ะ”

ซูจิ๋ว: ..”

ก็ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร กลับทำให้เสี่ยวเหยียนดูนับถือ ตนเองขนาดนี้

หานมู่จื่อปิดเอกสารและถอนหายใจ: “ช่างเถอะ บริษัทก็เปิดไปแล้ว ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับ แต่ ว่า….ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจ”

“สังหรณ์ใจอะไรเหรอ?” เสี่ยวเหยียนหันไปมองเธอ หานมู่จื่อยิ้มขึ้นมานิดๆ”พวกเราอาจจะมีช่วงเวลาหนึ่ง

ที่จะไม่ได้อยู่อย่างสบายๆแล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ