เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 959 ฉันไม่มีพี่สะใภ้ใช่หรือเปล่า



บทที่ 959 ฉันไม่มีพี่สะใภ้ใช่หรือเปล่า

“ต๊ะ?” มู่จื่องง “ฝันถึงเขาว่ายังไงเหรอ”

เสี่ยวเหยียนกระแอมเล็กน้อย แล้วก้มหน้าพูดอย่างเขินอาย “ฉันฝันว่าเขามาอธิบายกับฉันว่าเขาไม่ได้ทิ้งฉัน ฉันเข้าใจผิดไป เอง”

“แล้วยังไง”

“แล้วในฝันฉันตัดสินใจยกโทษให้เขา

“อะไรนะ” มู่จื่อ

ผู้หญิงคนนี้คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นความฝัน ไม่เพียง แต่จะคิดว่าเป็นความฝัน หนำซ้ำยังยกโทษให้หานซิงในฝันและ ไม่ยอมแพ้อีกครั้งงั้นเหรอ

“ฉันรู้ว่าเธอจะฉัน แต่ว่าฝันเมื่อคืนเหมือนความจริงมากเลย นะ เหมือนจนคิดว่ามันเกิดขึ้นจริง ในตอนนั้นฉันคิดว่าถ้าหลัง จากที่ฉันพยายามแล้วสามารถทำให้เขาอบอุ่นกับฉันสักนิด ถึง แม้มันจะน้อยนิด มันก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว”

เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียน ขณะที่มีจื่อกำลังลังเลอยู่ว่าจะบอกเรื่อง เมื่อคืนกับเธอดีไหมว่าเมื่อคืนสิ่งที่เธอบอกว่าเป็นความฝันน่ะมัน คือเรื่องจริง

แต่ว่าเสี่ยวเหยียนน่าจะเป็นไข้จนเบลอไปหมด บวกกับการที่เธอดื่มเหล้า ทําให้เธอเข้าใจว่านั่นเป็นความฝัน

เฮ้อ…

ในระหว่างที่เธอลังเล จู่ๆ เธอก็ปวดใจเรื่องเสี่ยวเหยียน

“มู่จื่อ มู่จื่อ เธอไม่ได้แอบหัวเราะฉันอยู่ในใจใช่ไหม” เสียงของเสี่ยวเหยียนทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ เธอส่ายหน้า “ฉันไม่ได้หัวเราะเธอซะหน่อย ฉันจะหัวเราเธอได้ ยังไงกัน”

การชอบใครสักคนเป็นเรื่องที่จริงจังและงดงามมาก

ถ้าเธอข่าเสี่ยวเหยียนเพราะเรื่องนี้ แล้วเธอจะเป็นคนยังไงล่ะ

“เธอไม่ว่าก็ดีแล้ว คนอื่นจะทำยังไงฉันก็ไม่สนใจ แค่เธอไม่

ก็พอ”

ประโยคนี้ทำให้มู่จื่อใจกระตุก เธอคิดไม่ถึงว่าในใจของเสี่ยว เหยียน เธอจะสำคัญขนาดนี้ ขณะที่เธอกำลังซาบซึ้งอยู่ จู่ๆ เสี่ยว เหยียนก็พูดออกมา

“เธอเป็นน้องสาวของเขา ถ้าขนาดเธอยังขำ งั้นฉันคงไม่มีโอ กาสจริงๆ แล้วล่ะ”

“เพราะว่าฉันเป็นน้องของเขา เธอถึงให้ความสำคัญกับฉัน อย่างนั้นเหรอ” หานมู่จื่อถาม

เสี่ยวเหยียนยิ้มแหยๆ แล้วยื่นมือออกไปกอดแขนของมู่จื่อ แล้วพิงเธอเอาไว้
“ไม่ต้องสนใจรายละเอียดหรอก เธอก็รู้ว่าฉันพูดไปงั้นๆ ถึง เธอจะไม่ใช่น้องสาวของหานซิง ฉันก็ยังแคร์ความคิดของเธอ มากๆ เหมือนกัน”

ได้ยินดังนั้น มู่จื่ออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดติดตลก “งั้น ถ้าฉันบอกให้เธอยอมแพ้เรื่องหานซึ่งล่ะ เธอจะฟังฉันไหม”

เสี่ยวเหยียนได้ยินประโยคนี้ ตัวเธอก็ชะงักไป “มู่ มู่จือ”

“ว่าไง”

เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเธอ สีหน้าของเสี่ยวเหยียนเริ่มดูไม่ดี เธอพูดติดๆ ขัดๆ “เธอ เธอไม่ได้จริงจังใช่ไหม”

มู่จื่อไม่พูดอะไร เสี่ยวเหยียนร้อนใจ รีบจับเธอแล้วส่ายหน้า “เรื่องไหนก็ได้ มู่จื่อ แต่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวที่ฉันทำไม่ได้ ขอโทษนะ”

เมื่อเห็นท่าทางเสียใจของเธอ จื่อคิดว่าถ้าเธอขึ้นพูดต่อไป เสี่ยวเหยียนคงจะร้องไห้ต่อหน้าเธอ

คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าอย่าไปแกล้งเธอดีกว่า เธอยิ้มแล้วพูด ออกมาว่า “โอเคๆ ฉันแค่ล้อเธอเล่น เธอคิดว่าฉันจะให้เธอทำ แบบนั้นจริงๆ เหรอ พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ ไปกีดกันความชอบของเธอหรอก”

เสี่ยวเหยียนกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดว่า “จริงเหรอ งั้น หมายความว่าฉันก็สามารถชอบทานชิงต่อไปได้ใช่ไหม” “นี่มันเป็นสิทธิของเธอ ฉันไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้
“มู่จื่อ เธอเป็นคนดีจังเลย พวกเราต้องเป็นเพื่อนกันตลอดไป เลยนะ ถึงแม้ว่าสุดท้ายฉันจะไม่ได้เป็นพี่สะใภ้ของเธอ แต่เราก็ ต้องดีต่อกันนะ”

ราวกับว่ามีความรู้สึกขึ้นมา เสี่ยวเหยียนพูดพลางก้มลงกอด

เธอ

มู่จื่ออารมณ์สับสนหมด ไม่รู้ว่าควรบอกเรื่องเมื่อคืนกับเสี่ยว เหยียนดีไหม

ถ้าบอกเธอ เสี่ยวเหยียนคงจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ แต่ถ้า ทำเช่นนี้ก็เหมือนกับการหักหลังพี่ชายตัวเอง

เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว เธอจึงตัดสินใจไม่พูดเรื่องนี้ออกไป

ในทางกลับกันไม่ว่านั่นจะเป็นความฝันหรือความจริง เสี่ยวเห ยียนก็ตัดสินใจไปแล้ว

อีกอย่างเธอก็ดูออกว่าความรู้สึกที่เสี่ยวเหยียนมีให้หานซิง ถึง แม้จะโดนปฏิเสธกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันไม่เพียงแต่จะไม่เลือนหายไป แต่กลับเพิ่มขึ้นและมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าเป็นไปได้ เธอยากพูดเตือนสติเสี่ยวเหยียนว่าอย่าดื้อดึงต่อ ไปอีกเลย

ในโลกใบนี้ผู้ชายน่ะหาได้ทั่วไป ทำไมต้องมาหยุดอยู่ที่ผู้ชาย คนเดียว

แต่คิดไปคิดมา เวลาห้าปีในตอนนั้นเธอก็ไม่เคยลืมเย่ไม่เป็น เลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชาย เธอก็มีความรู้สึกที่ฝังรากลึกเช่นกัน แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรไปบอกให้คนอื่นเลิกดื้อดึง หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พูดกันสองสามประโยค เสี่ยวเหยียน ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

หลังจากคู่จื่อลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเตรียมจะโทรหาเ โม่เซิน ขณะนั้นออดประตูก็ดังขึ้น

ตอนที่เธอเดินไปเปิดประตูก็เห็นเซียวซูกับเสี่ยวหมี่โต้วยืนอยู่

หน้าประตู

“คุณแม่”

เมื่อเสี่ยวหมี่โต้วเห็นจื่อก็วิ่งเข้ามากอดขาของเธอ ใช้แก้ม ของตัวเองถูขาของเธอ “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่”

“อรุณสวัสดิ์”

มู่จื่อยื่นมือออกไปขยี้ผมของเด็กน้อย แต่สายตาของเธอมอง ไปยังคนที่อยู่ข้างหลังอย่างเดียว แต่กลับไม่เห็นคนที่เธอกำลัง รออยู่ จู่ๆ เธอก็รู้สึกผิดหวัง เธอจึงถามออกไปว่า

“โม่เซินล่ะ”

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณนายน้อย” เซียวซูพูด

“อรุณสวัสดิ์ ทำไมโม่เป็นไม่มากับนายล่ะ”

ก่อนที่จะมาเซียวซูได้เตรียมคำพูดเอาไว้แล้ว จึงรีบอธิบาย ออกไปว่า “เมื่อคืนก่อนที่จะนอนคุณชายเย็บอกว่าตอนเช้าให้ไป รับคุณชายน้อยกลับมาที่นี่ ผมเลยใช้เวลาว่างตอนที่คุณชายเย่กำลังหลับอยู่ไปรับคุณชายน้อยครับ เลยยังไม่ทันบอกเรื่องนี้กับ คุณชายเย

ความคิดนี้เข้าท่าที่สุด เขาอยู่กับเยโมเป็นมานาน ดังนั้นเขาจึง คำนึงถึงเย่ไม่เซินเสมอ

ถ้าอยากให้เจ้านายของตัวเองพักผ่อนเยอะๆ เขาจึงแอบตื่น

ตอนเช้ามาทํางาน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องปกติ

ดังนั้นจื่อจึงไม่สงสัย แถมยังยิ้มกับเซียวซูแล้วพูดว่า “ลำบากนายแล้ว นายวิ่งวุ่นเรื่องเสี่ยวเหยียน แถมยังต้องออกไป นอนที่โรงแรม แล้วยังทำเรื่องพวกนี้อีก”

“คุณนายน้อยอย่าโทษตัวเองเลยครับ ผมเป็นผู้ช่วยของคุณ ชายเย่ เรื่องนี้ให้ผมทำน่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วครับ อ้อ อาการ ของเสี่ยวเหยียนเป็นยังไงบ้างครับ

เมื่อคืนถึงแม้ว่าเขาจะออกไปกับเย่ โม่เซิน แต่ใจของเขาอยู่กับ เสี่ยวเหยียน

ถ้าไม่กังวลว่าเย่ ไม่เซินออกไปข้างนอกแล้วจะเป็นอันตราย เขาคงจะอยู่ดูแลเสี่ยวเหยียนด้วยตัวเอง ตอนนี้เขากลับมาจึงถือ โอกาสถาม

เมื่อพูดถึงเสี่ยวเหยียน สายตาที่มู่จื่อมองเซียวซูดูผิดปกติขึ้น เล็กน้อย “เธอฟื้นแล้ว นายจะไปเยี่ยมเธอไหม”

“ครับ”

เซียวซูพยักหน้าจากนั้นจึงเดินเข้าไปเปลี่ยนรองเท้าแล้วไปหาเสี่ยวเหยียน

มู่จื่อจูงมือของเสี่ยวหมี่โต้วแล้วเดินเข้าไปข้างใน เสี่ยวหมี่โต้ว เห็นคนเดินไปไกลแล้ว จึงเงยหน้าขึ้นถาม “คุณแม่ ลุงเซียวซูชอบ น้าเสี่ยวเหยียนเหรอครับ”

ได้ยินดังนั้น จื่อก็ชะงักมือที่จูงเด็กน้อยอยู่ จากนั้นจึงสาย

หน้าแล้วพูดว่า “ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“คุณแม่ ถ้าน้าเสี่ยวเหยียนโดนคุณลุงเซียวซูแย่งไป งั้นเสี่ยว หมี่โต้วก็ไม่มีน้าสะใภ้แล้วน่ะสิครับ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ