เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 164 พวกคุณกำลังพูดกับฉัน



บทที่ 164 พวกคุณกำลังพูดกับฉัน

เสิ่นเฉียวสองสามวันนี้นอกจากเรียนแล้ว เลิกงานแล้วยังไปที่ห้าง ไปเรียนด้วยกันกับพี่จิง

ถึงแม้ความหวังที่พี่จึงให้เธอในตอนแรกไม่ มาก แต่พักนี้ความพัฒนาของเธอทำให้พี่จิงตะลึง อีกอย่างเสิ่นเฉียวขยันกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ ไม่ กลัวลำบากไม่กลัวเหนื่อย

หลายๆ ครั้งเสิ่นเฉียวอยู่ในห้องทำงานของ เธอ เหนื่อยจนหลับไปยังคงทำงานหนักอยู่ที่นั่น อย่างขยันจากนั้นอีกสักพักก็นอนอยู่บนโต๊ะหลับ ไปแล้ว

พี่จิงมองเห็นขอบตาดำของเธอแล้วอดไม่ ได้ที่จะแกล้งเธอ

“เธอจริงจังขนาดนี้ โม่เซินไม่สงสารเธอ?”

ได้ยินชื่อของเย่โม่เซิน เสิ่นเฉียวหยุดไปสัก พัก จากนั้นก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น

ไม่ได้พูดอะไรต่อ

นี่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดของสงครามเย็นนับตั้งแต่เธอแต่งงานกับเยโม่เซิน

เยโม่เซินทำกับเธอราวกับว่าเป็นมนุษย์ ล่องหน อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ไปคุยกับเยู่โม่เซิ นก่อน

สองคนถึงอยู่ในห้องเดียวกัน แต่เขากลับ ไม่สนใจซึ่งกันและกันมากกว่าคนแปลกหน้าซะ อีก

คิดไปคิดมา เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าแบบนี้ก็

ค่อนข้างดี

อย่างน้อย เธอไม่ต้องดิ้นรนเพื่อเผชิญหน้า กับเย่โม่เซิน พอกระโจนเข้าทำงาน ตามองไม่ เห็นใจ ใจก็ไม่ลำคาน

“ผู้หญิงต้องเป็นห่วงตัวเองมากหน่อย วัย รุ่นมีจำกัดนะ เธอทำงานหนักแบบนี้ต่อไป ฉันกลัว เธอจะแก่ไว ถึงตอนนั้นโม่เซินต้องมาจัดการฉัน แน่เลย ”

เสิ่นเฉียวหยุดมือสักพัก แล้วก็หัวเราะพลาง พูดว่า : “พี่จิง พี่อย่าล้อฉันเล่น”

“ใครล้อเธอเล่น? ฉันมีเวลาที่ไหนละ วันนี้ ไม่ต้องทำงานแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ ดูตาเธอ เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ไม่เอากระจกมาส่องสักหน่อย”

เสิ่นเฉียวไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าพี่จิงโกหก

ต่อมา พี่จิงเลยเอากระจกมาวางไว้ต่อหน้า เธออันหนึ่ง เสิ่นเฉียวส่อง ตกใจผู้หญิงในกระจก จนแทบจะกระโดดขึ้นมา

ผู้หญิงในกระจก ขอบตาทั้งคู่ดำมาก และ ริมฝีปากไม่ชุ่มชื้นเหมือนปกติ แห้งกร้านมาก

“นี่ นี่คือ…”

“ตกใจละซิ? ” พี่จิงหัวเราะ : “ฉันยังไม่เคย เห็นผู้หญิงที่แต่งตัวไม่เป็นกว่าเธออีกเลย ไม่รัก สวยรักงามเอาซะเลย! ”

เสิ่นเฉียวเก้อเขิน ทนไม่ไหวเอามือมาลูบที่ หน้าของตัวเอง

“ขอโทษทีนะพี่จิง ทำให้พี่ตกใจเลย”

“เราผู้หญิงเหมือนกันตกใจก็ไม่เป็นไร กลัว ว่าโม่เซินเอาล่ะสิ ถึงแม่จะขยันทำงาน แต่ผู้หญิง ก็ต้องรักสวยรักงาม ท้ายที่สุดแล้วเมื่อคุณดี เท่านั้น คุณถึงจะคู่ควรกับคนที่ดีกว่า”

คำพูดนี้ไม่เลว เสิ่นเฉียวก็คิดแบบนี้มาโดย

ตลอด
เสียดาย เธอไม่ได้เป็นคนที่ดีแบบนั้น

อีกอย่างเธอ ไม่คู่ควรกับคนที่ดี

“รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

“อืม”

เสิ่นเฉียวก็รู้ตัวเองว่าช่วงนี้เหนื่อยมากเกิน ไปแล้ว ได้แต่เก็บของ จากนั้นกลับบ้าน เธอถึงบ้านก็ดึกมากมาตลอด ส่วนมากเย่

โม่เซินก็จะนอนหลับแล้ว วันนี้เธอกลับมาบ้าน ค่อนข้างเร็ว กลับมาบ้านเห็นว่าเยโม่เซินยังอยู่ยัง ในห้องหนังสืออยู่เลย เสิ่นเฉียวเหนื่อยจนแทบจะ ไม่ไหว อาบน้ำเสร็จก็นอนแล้ว

นอนถึงกลางดึก เหมือนกับมีมือคู่หนึ่งมา โดนแก้มของเธอ มือนั้นเย็นและแห้งกร้าน เหมือนเอาอะไรมาเช็ดที่ตาของเธอ ทำให้เธอ ขมวดคิ้วอย่างอึดอัด เธออยากลืมตาดู แต่เหนื่อย มากจริงๆ เปลือกตาหนักจนลืมตายังไงก็ไม่ขึ้น

จากนั้นเธอกระแอมขึ้นมา มือนั้นก็เก็บกลับ

ไป

จากนั้นครึ่งคืนก็เงียบสนิทแล้ว เสิ่นเฉียวฝัน ดีจนรุ่งสาง
วันที่สองตอนอาบน้ำก็เห็นว่าขอบตาที่ดำ ของตัวเองเหมือนกับว่าจะดีขึ้น อีกอย่างวงกลม รอบดวงตาจางลงเล็กน้อย ที่จริงการนอนคือมาร์ กธรรมชาติ

เสิ่นเฉียวอาบน้ำเสร็จออกมา พอดีเห็นเย่ โม่เซินตื่นขึ้น

เห็นเขานั่งข้างเตียง ในมือถือนิตยสารพิง อยู่ที่นั่น

วีลแชร์อยู่ไม่ไกล เซียวซู่ยังไม่ได้มา

เสิ่นเฉียวคิดๆ ดู หรือเดินไปข้างหน้า เธอเข็นรถเข็นไปที่หน้าเย่โม่เซิน เสียงไม่ ค่อยสงบ : ต้องการความช่วยเหลือไหม? ”

ได้ยินแล้ว เยโม่เซินเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาที่ลึกและสงบนิ่งมองลงบนใบหน้าของเธอ

พวกเขาเวลานอนชินกับการนอนแบบไม่ปิด ผ้าม่าน และหน้าต่างนี้หันไปทางทิศตะวันออก แต่หน้าต่างอยู่ไกลจากที่ที่พวกเขานอน แต่ แสงแดดที่แรงก็ยังสามารถสะท้อนใบหน้าของ พวกเขาได้

ตอนนี้ที่เยโม่เซินเงยหน้ามองไปที่เสิ่น

เฉียว เฉินเฉียวสังเกตเห็นว่าครึ่งหนึ่งของใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามีประกายแวววาวราวกับ

เทพเจ้า

หัวใจดวงหนึ่งก็วูบวาบแบบนี้ขึ้นมา

เสียใจที่วินาทีต่อมา เสียงของเย่โม่เซินทำ

ให้เธอเหมือนตกถ้ำ

“ไม่ต้องการ”

เสิ่นเฉียวสีหน้าเปลี่ยน รู้สึกถึงตัวเอง หลงใหลมากไปแล้ว

ทั้งสองอยู่ในสงครามเย็น เขาถอนตัวมาตั้ง นานแล้ว ยังจะเอาสัญญาและบัตรธนาคารโยน ทิ้ง จะมาสนใจเธอได้ยังไง?

มือที่จับรถเข็นอยู่ยิ่งแน่นขึ้น สุดท้ายกลับ ค่อยๆ คลายความดุร้าย

เสิ่นเฉียวมองลงไป ก้มหน้าแล้วเดินไป ทิ้ง มุมมองด้านหลังไว้ให้เย่โม่เซิน

เย่โม่เซินมองที่รูปร่างผอม แต่ตรงของเธอ ความเยาะเย้ยในดวงตาสองสามนาที

ผู้หญิงคนนี้ ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักกัมหัวต่อหน้า

เขา มักจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

ไม่มีอะไร!
ถ้าเธออยากจะตะลึง ก็ให้เธอตะลึง

ดูสิใครสามารถตะลึงถึงตอนสุดท้าย *

เสิ่นเฉียวพึ่งถึงบริษัท ฉันเห็นอาหารเช้า พิเศษบนโต๊ะของตัวเอง เธอขมวดคิ้วแล้วมองไป รอบๆ ใครช่างใจดีเอาอาหารเช้ามาให้เธอ? ตั้งแต่เธอเริ่มเข้ามาในแผนกนี้ มีกี่คนที่ชอบดู หมิ่นเธอ ต้องการจัดการเธอ ส่วนที่เหลือมีเพียง จิตใจที่ไม่มีการกระทำไม่ดี ยังพวกที่กลัวเดือด ร้อนไม่กล้าเข้าใกล้เธอ

ดังนั้นถ้าหากมีคนเอาอาหารเช้ามาให้

เธอ..

เสิ่นเฉียวมองไปรอบๆ น่าจะคิดออกว่าเป็น ใครแล้ว

เธอไม่ได้ไปจับอาหารเช้านั้น เปิดคอม ทำงานราวกับไม่เห็นอะไร

เสียงเยาะเย้ยของกาวหยุนก็ดังขึ้นใน

“โห ผู้หญิงที่เข้าใจยั่วคนก็ไม่เหมือนกัน ไม่ ว่าไปที่ไหนก็จะเหมือนปลาได้น้ำ นี่พึ่งมาแผนก เรากี่วันเอง ก็ยั่วได้คนนึงแล้ว เหอะเหอะ สงสาร คนที่ถูกคนโกหกจริงๆ เลย”
ชุยหมิ่นลี่เป็นผู้ช่วยที่ดีของเธอ เมื่อได้ยิน สิ่งนี้แล้วก็ทำให้เธอสั่นสะท้าน

“พี่กาวหยุนอย่าพูดเลยค่ะ ผู้หญิงที่รู้ทักษะ บนเตียงก็เป็นแบบนี้ ไปที่ไหนก็สามารถใช้เคล็ด ลับนี้ปราบผู้ชายได้ทุกที่ เห้อ พึ่งจะมา ต่อหน้าสวี เลี่ยวคุณก็ทำวิธีนี้หรือเปล่า? ”

กาวหยุนเยาะเย้ย : “เธอคงไม่มีมารยาท และน่าอายในสายตา ทำกับคนแก่ก็เหมือนกัน น่า รังเกียจจริงๆ ฉันคิดถึงก็ขนลุกแล้ว”

คำพูดพวกนี้ไม่เข้าไปในหูของเสิ่นเฉียวสัก คำ คนอื่นๆ ก็ได้ยินหมดแล้ว จากนั้นพวกเขาก็หัน กลับมาราวกับกำลังดูการแสดงที่ดี ทุกคนก็ต่าง ไปมุงดู มองดูสงครามด่าที่กำลังจะเริ่มขึ้นในห้อง ทำงานนี้

แต่ว่าใครจะรู้รอตั้งนาน กาวหยุนและชุย หมิ่นลี่คนที่พวกเขาพูดถึง ไม่มีการเคลื่นไหวใดๆ แม้แต่ชายตามองพวกเขาก็ไม่มี

รอยยิ้มยินดีบนใบหน้าของทุกคนค่อยๆ หายไป..

กาวหยุนและชุยหมิ่นลี่รอไม่ถึงเธอขยับตัว ยืนขึ้นและถามเธอด้วยความโกรธ : “เด็กใหม่ นี่หมายความว่ายังไง? ทำไมถึงไม่มีการตอบ สนอง? ”

ได้ฟัง เสิ่นเฉียวถึงหันหัวมาช้าๆ มองพวก เขาด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา : “พวกคุณพูดกับฉัน อยู่หรอ? ” %3D


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ