เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่98 กลับมาตัวคนเดียวอีกครั้ง



บทที่98 กลับมาตัวคนเดียวอีกครั้ง

ความมืดที่เห็น ก็เหมือนกับเมฆดำที่ปกคลุมอยู่ รอบตัวเธอ

ทำให้คนรู้สึกอึดอัด ทำให้คนรู้สึกหายใจติดขัด เหมือนกำลังจะตาย

แต่ว่า วันนี้เย่โม่เซินทำให้อาการเหล่านั้นของเธอ หายไปจมหมด

“คือ.. ขอโทษนะคะ” เสิ่นเฉียวบอกขอโทษเขา เบาๆ “ฉันรู้สึกว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงต้องภาระให้คุณ แน่ๆ ไม่อย่างนั้นฉัน.”

“ทำไมมาก็มาแล้วยังจะยอมแพ้อีกหรอ? ตอนนี้ก็ แค่มาเป็นคู่ควงของฉันเฉยๆ ต่อไปต้องออกงานในฐานะ คุณนายเย่ งานหนักกว่านี้อีกนะ เธอก็จะยอมแพ้หรอ?”

ว่าไงนะ? เสิ่นเฉียวโดนประโยคสุดท้ายต่อยเข้า จนงง ตอนนี้เธอหาสติตัวเองไม่เจอแล้ว

อะไรคือต่อไปต้องออกงานในฐานะคุณนายเย่? ไม่ใช่ว่าในอนาคตพวกเธอจะต้องหย่ากันหรอ?

ในขณะที่เสิ่นเฉียวช็อคนิ่งไปแล้ว เยโม่เซินก็เพิ่ง รู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรออกมา เขาเลิกคิ้วขึ้น แอบ มองเธอผ่านหางตา

สรุป ยัยผู้หญิงคนนั้นเหม่ออีกแล้ว?

กำลังคิดถึงเรื่องที่พูดเมื่อกี้?
เยโม่เซินรู้สึกอึดอัด “ฉันกำลังคุยกับเธอ ได้ยิน ไหม?”

เสิ่นเฉียวเพิ่งได้สติ เธอพยักหน้าสองครั้ง “รับ ทราบแล้วค่ะ” สีหน้าของเธอค่อนข้างจะเอ๋อๆ สายตา งาน แต่ มันก็ดูเข้ากับชุดราตรีสีเทาที่เธอสวมวันนี้มาก เข็นรถไป

เดินไปอยู่ด้านหลังเขา บรรยากาศอบอุ่นนุ่มนวลที่ราย ล้อมรอบตัวเองไว้ สิ่งเหล่านี้ได้แทรกซึมสู่เยโม่เซินจอม เย็นชา

ตลอดทางผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่ว่าไม่มี คนเข้ามาคุยประจบกับเย่โม่เซิน แต่เป็นเพราะเย่โม่เซิน ไม่ยอมให้ประจบได้ง่ายๆ

จนถึงที่สุดท้าย เจ้าของงานเลี้ยง นายโจว ก็ได้ เข้ามาต้อนรับเขา

“คุณชายเย่ยอมมางาน ถือว่าเป็นเกียรติของผม”

เยโม่เซินมองตาของอีกฝ่าย น้ำเสียงราบเรียบ “ครั้งก่อนที่ห้องทำงานผมเพราะว่ามีเรื่องด่วน จึงไม่ได้ ต้อนรับคุณโจวให้ดีเท่าที่ควร ถือว่าวันนี้เป็นการขอโทษ ก็แล้วกันครับ”

ขอโทษ? คุณชายสองแห่งบริษัทตระกูลเย่ยอม ขอโทษคนอื่น?

พูดไปใครก็ไม่เชื่อ แต่ว่าเย่โม่เซินนั้นพูดได้ดี มาก ถือได้ว่าเป็นการให้เกียรตินายโจวคนนี้มากที่สุด แล้ว
แต่นายโจวก็ไม่ได้เอะอะ เขาแค่ยกแก้วขึ้นมา ขอบคุณเท่านั้น “ขอบคุณมากครับ”

จากนั้น สายตาของเขาก็ตกมาอยู่ที่คนที่ยืนอยู่ ด้านหลังเย่โม่เซิน

เมื่อเห็นสายตาตีราคาของนายโจว เสิ่นเฉียวก็ เริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมา

นายโจวมองหน้าเธอไม่นาน หลังจากนั้นก็หัน กลับไปมองเย่โม่เซิน “คุณชายเย”

เยโม่เซินเข้าใจความหมาย เรียกเสิ่นเฉียวเข้ามา

ใกล้ๆ

“ฉันต้องไปคุยเรื่องงานกับคุณโจว”

เสิ่นเฉียวสูดหายใจ “ไปคุยงาน ฉันต้องตามไป

ไหมคะ?”

“เธอรอตรงนี้”

ใบหน้าของเสิ่นเฉียวซีดขึ้นเล็กน้อย “ให้ฉันรอ

ตรงนี้?”

“รอฉัน15นาที”

“อ. โอเคค่ะ” เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ เลยได้แต่ พยักหน้า

เซียวซู่กับเย่โม่เซินหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะ ไปเขายังสั่งว่าไม่ให้ไปไหนไกล ให้รอเขาอยู่ตรงนี้ที่ เดิม
เมื่อเห็นว่าเงาของเย่โม่เซินค่อยๆหายไปต่อหน้า ต่อหน้า ในใจของเธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก

ครั้งก่อนที่ไปร่วมงานเลี้ยง เธอไปในฐานะผู้ช่วย ของเขา พอเข้าไปในงานเขาก็ทิ้งเธอเอาไว้คนเดียว

ครั้งนี้เธอมาในฐานะคู่ควง ก็โดนทั้งเอาไว้คน เดียวเหมือนเดิม

เมื่อเย่โม่เซินปลีกตัวไปกับนายโจว ตรงนี้ก็เหลือ เพียงแค่เสิ่นเฉียวคนเดียวเท่านั้น เธอยืนอยู่ที่เดิมตัวคน เดียว ตอนแรกมีคนสงสัยสถานะของเธออยากจะถาม แต่เพราะเย่โม่เซินอยู่ด้วยเลยไม่มีใครกล้าเข้ามา แต่พอ เยโม่เซินปลีกตัวไป.

ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวเดินเข้ามาถาม

“คุณชายเย่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เวลาออกงานไม่ เคยควงผู้หญิงคนไหนมางานด้วยสักคน วันนี้เกิดอะไร ขึ้น เขานึกครื้มอะไรขึ้นมาหรอ?”

ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้คุณชายเยเพิ่งจะจัดงาน แต่งงานไปใหญ่โต อย่าบอกนะว่าคนนี้คือ..”

“ไม่ใช่ค่ะ!” เสียงปฏิเสธใสแจ๋วของหญิงสาว ดัง แทรกเสียงถามคำถามขออีกฝ่าย เสิ่นเฉียวตื่นเต้นจน ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ไหน เลยตัดสินใจรวบมือมาไว้ ด้วยกัน เธอมองหน้าอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้ช่วยคน ใหม่ของคุณชายเย่ ฉันนามสกุลเสิ่น”

“นามสกุลเสิ่น? ได้ยินมาว่าภรรยาของคุณชายเย่ ชื่อเฉินโย่ว..
เสิ่นเฉียวหน้าเจื่อนลง “จริงหรอคะ? งั้นฉันก็คง โชคดีนั่นแหละค่ะ ที่บังเอิญใช้นามสกุลเดียวกันกับ คุณนายน้อยสอง”

เธอไม่ได้ลืมสิ่งที่เย่โม่เซินพูดกับเธอ

ห้ามให้ใครรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเย่โม่เซิน เพราะเขาคิดว่าเธอคงทำได้แค่ทำให้เขาขายหน้า

“จริงหรือเปล่าเนี่ย? ภรรยาที่เพิ่งแต่งไปก็นาม สกุลเสิ่นหรอ? พวกคุณคงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกนะ คะ?”

เสิ่นเฉียวพยายามรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ “ขอบคุณความสนใจจากทุกคนมากนะคะ แต่พวกเรา ไม่ใช่คนเดียวกันจริงๆค่ะ”

“อ้อ งั้นก็คงเป็นแค่ผู้ช่วยจริงๆนั่นแหละ” “ครั้งแรกเลยนะที่เห็นคุณชายเยมีผู้ช่วยเป็นผู้ หญิง แต่ดันไม่ใช่ภรรยาเขาเสียนี่”

เสิ่นเฉียวเริ่มมีอาการกังวล ภาพตรงหน้าเธอเริ่ม เลือนรางอีกครั้ง เธอพยายามกัดปากอดทน รีบหมุนตัว ออกจากสายตาของผู้คนทันที แอบไปหลบอยู่มุมๆหนึ่ง

เส้นเฉียวหาที่เงียบๆนั่งลง สายตาที่คอยจับจั้อง เธออย่างอยากรู้อยากเห็นก็ค่อยๆหายไป เสิ่นเฉียวนั่ง ได้สักพักอาการของเธอก็กลับมาเป็นปกติ ภาพตรงหน้า ก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น

เธอเห็นว่าบนโต๊ะมีไวน์แดงวางอยู่ จึงไปหยิบมาเพื่อจะดื่ม แต่นึกได้ว่าตัวเองกำลังท้องอยู่ เธอเลยวาง มันกลับลงไปที่เดิม

เพิ่งจะวางแก้ว ก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นเหนือ

หัวเธอ

“ผู้ช่วยเสิ่น ขอเต้นกับคุณสักเพลงได้ไหมครับ?”

ผู้ชายที่เพิ่งมาทำให้เธอตกใจแทบแย่ เธอเงย หน้าขึ้นมอง พบผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวด้วยสูทดูดี ผู้ชาย หน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่ง กำลังยิ้มและมองมาทาง

เธอ

เสิ่นเฉียวส่ายหน้าอย่างรีบร้อน “ขอบคุณค่ะ แต่ ฉันเต้นไม่เป็น”

“ไม่เป็นไรครับ ผมสอนคุณเอง”

เสิ่นเฉียวหลบตา “ขอโทษค่ะ แต่ฉันเต้นไม่เป็น

จริงๆ”

ชายคนนั้นดูผิดหวัง แต่เขายังคงยิ้ม”ไม่เป็นไร ครับ งั้นเราไม่เต้นแล้วก็ได้ แต่ผมขอเชิญคุณดื่มด้วยกัน สักแก้วได้ไหม?”

ดื่มสักแก้ว? เสิ่นเฉียวเบิกตามองเขาอีกครั้ง เห็น แต่เพียงรอยยิ้มจริงใจไร้ความคิดชั่วร้ายแฝง แต่ว่าเธอมี เจตนารมณ์ที่ชัดเจน เมื่อคิดดีแล้วยังคงปฏิเสธเขาไป เหมือนเดิม

“ฉันดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ค่ะ”

“..อย่างนั้นผมก็ไม่บังคับคุณแล้วครับ”
“จ๊าๆ เป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆคนนึงหยิ่งขนาดนี้จาง หยู่ฝาน แค่นี้นายก็ยอมแพ้แล้วหรอ?”

ตอนที่ชายคนนี้กำลังจะเดินไป อยู่ๆเขาก็ได้ยิน เสียงคุ้นหูของผู้ชายอีกคนดังขึ้น น้ำเสียงของเขาเย้ย หยันและเยือกเย็น

ได้ยินเสียงนี้เสิ่นเฉียวก็ดวงตาเบิกโตโดย อัตโนมัติ พร้อมหันไปมองต้นเสียง

ลู่ซุนฉางที่เธอไม่ได้พบมาตั้งนานกำลังยืนอยู่ ตรงหน้าเธอ ข้างหลังเขามีผู้ชายตัวใหญ่อีก2-3คนยืน อยู่ด้วย ดูแล้วน่าจะเป็นลูกน้องของเขา ท่าทางการเดิน ของเขาดูไม่ค่อยปกติ เทียบกับครั้งแรกที่เจอกันตอนนี้ เขาดูแข็งแรงกว่ามาก ถ้าเทียบกับผู้ชายที่นอนกับผู้หญิง ไปทั่วอย่างเขา สำหรับเธอล่าสุดฉางในตอนนี้ดูเหมือน กับพวกนักเลงหัวไม้

เมื่อพบเขา เสิ่นเฉียวก็ลุกขึ้นโดยทันที

“เป็นอะไรไป? แค่เจอหน้าฉันก็กลัวแล้วงั้นหรอ?” ลู่สุนฉางหันใบหน้ายิ้มแย้มแต่แฝงไว้ด้วยเลศนัยมาทาง เสิ่นเฉียว แต่เขากลับพูดกับจางหยู่ฝ่าน “ฉันว่านายนะ จางหยู่ฝาน ในฐานะผู้ชายนายนี่ไม่ขี้ขลาดไปหน่อย หรอ? ก็แค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆคนเดียวที่ปฏิเสธนายอย่างไม่ ไว้หน้า ผู้หญิงประเภทที่ให้โอกาสแต่ไม่ยอมรับไว้เนี่ย ไม่ควรจะปล่อยไปง่ายๆนะ”

จางหยู่ฝานที่เป็นสุภาพบุรุษ เมื่อได้ยินคำพูด หยาบคายของลู่สุนฉางก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที
“ประธานที่คุณพูดมาเมื่อกี้ มันก็ออกจะเกิน ไปหน่อยนะครับ ผมจางหยู่ฝานไม่เคยบังคับใครให้เจ็บ ช้ำน้ำใจ ถึงจะเป็นผู้ช่วยก็แล้วยังไง? เคารพซึ่งกันคือสิ่ง ที่ควรทำ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ