เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

บทที่ 42 ตื่นตระหนก



บทที่ 42 ตื่นตระหนก

ฝีเท้าของเสิ่นเฉียวก้าวอย่างรวดเร็วออกมาจาก ห้อง แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันได้ใส่ จนหาตัวสาวใช้คนเมื่อกี้ เจอ”สวัสดีค่ะ”

ประจันหน้ากับสาวใช้ ท่าทางของเสิ่นเฉียวค่อน ข้างประหม่ามาตลอด เพราะเธอรู้ว่าสาวใช้ของตระกูลเย่ ทุกคนไม่มีใครชอบเธอ และก็ไม่รู้ว่าจะสามารถขอกระดุม คืนมาได้มั้ย

เสิ่นเฉียวที่เตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมเผชิญหน้า กับสาวใช้ในทีแรกนั้น กลับไม่คิดเลยว่าหลังจากที่สาวใช้ เห็นเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปและถอยขาไปหนึ่งก้าว จากนั้น ก็เรียกเธออย่างให้เกียรติว่า : “คุณนายน้อยสอง”

“คุณนายน้อยสอง ตามหาตัวดิฉันหรือคะ ? ”

เส้นเฉียวนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้า ถึงจะไม่เข้าใจว่า ท่าทีที่เปลี่ยนไปนี้เกิดจากอะไร แต่ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ เรื่องที่สำคัญในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเอา กระดุมเม็ดนั้นกลับมา

คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวจึงเอ่ยปากถามออกไป ว่า : “เมื่อกี้ฉันเห็นเธอเข้าไปทำความสะอาดในห้อง เธอ ได้เก็บกระดุมเม็ดหนึ่งมามั้ย ?”

ได้ฟังแบบนั้น สาวใช้ก็รีบตอบกลับทันที ว่า : “คุณนายน้อยต้องการหากระดุมสีทองเม็ดนั้นหรือ คะ ? ดิฉันก็คิดไปเองว่ามันเป็นของคุณชายสอง”

“ไม่ใช่นะ ! “เสิ่นเฉียวตอบกลับอย่างรุนแรง : “นั่นเป็นของของฉัน กระดุมอยู่ไหน ?”

“เอ่อ…”สีหน้าของสาวใช้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาว่า : “ขอโทษด้วยค่ะคุณนายน้อยสอง กระดุมเม็ดนั้นดิฉันคิดว่าเป็นของคุณชายสอง ดัง นั้น ..ฉันเลยให้เสี่ยวหยู่นำไปถามแล้วค่ะ”

เสิ่นเฉียวได้ยินแบบนั้น หัวใจของเธอตกใจจนแทบ จะเด้งออกมาจากลำคอและปาก สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป จนดูไม่ได้ : ไม่ใช่ว่าเย่โม่เซินยังไม่กลับมาเหรอ ? แล้ว พวกเธอเอาไปถามใคร ?”

“คืออย่างนี้ค่ะคุณนายน้อยสองอีกเดี๋ยวดิฉันจะเลิก งานแล้ว กะดึกเป็นของเสี่ยวหยู่ ดังนั้นดิฉันจึงเอากระดุม ส่งต้อให้เธอ ให้เธอรอตอนที่คุณชายเย่กลับมาตอนเย็น แล้วถามแทนฉันค่ะ คุณนายน้อยสอง ถ้าหากว่ากระดุม เม็ดนั้นเป็นของคุณ ดิฉันจะไปนำมันกลับมาให้เองค่ะ”

เสิ่นเฉียวในใจรำคาญจนสุดๆ เพราะเธอกลัวว่าสาว ใช้ที่ชื่อเสี่ยวหยู่จะเอากระดุมเม็ดนั้นไปหาเย่โม่เซิน ฉะนั้น จึงตัดสินใจว่าไปด้วยตัวเองน่าไว้ใจมากกว่า

“ไม่เป็นไร เธอแค่บอกฉันมาก็พอว่าเสี่ยวหยู่อยู่ ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปตามหาด้วยตัวเอง”

สาวใช้เห็นสีหน้าที่แข็งที่อของเธอแล้ว จึงพูดออก ไปอย่างระแวงๆว่า : “ให้ดิฉันพาไปดีกว่านะคะคุณนาย น้อย”

ได้”

ในขณะที่สาวใช้กำลังพาเธอไปนั้น เสิ่นเฉียวได้ยิน ว่าอยู่ ๆเสี่ยวหยู่ก็ออกไปแล้ว
ตอนที่รู้ว่าเสี่ยวหยู่ออกไปแล้วนั้น สีหน้าของเสิ่น เฉียวยิ่งดูแย่เข้าไปอีก สาวใช้ตกใจจนแทบไม่ไหว พูด ออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า : “คุณนายน้อยสอง ขออภัย จริง ๆ ค่ะ ! ดิฉันไม่รู้ว่ากระดุมเม็ดนั้นเป็นของคุณ ถ้า หากว่าฉันรู้ว่าเป็นของคุณละก็ ฉันต้องคืนให้คุณอย่าง แน่นอน ไม่มีทางเอาส่งให้เสี่ยวหยู่เป็นอันขาด ! ”

“เห็นๆอยู่ว่าเธอเดินผ่านฉันไป ฉันเป็นคู่นอนของ เขา แต่เธอกลับไม่เอากระดุมนั้นส่งให้ฉัน กลับเอาไปส่ง ให้กับ…” ตอนนี้เส้นเฉียวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะตอน นั้นเธอคนนี้เดินผ่านตัวเธอไป รู้อยู่แก่ใจว่าเธอพักที่นั่น เอากระดุมส่งให้เธอก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ ?

เสิ่นเฉียวอดไม่ไหวที่จะระเบิดความโกรธออกมา

“คุณนายน้อยสอง นั่นเป็นกระดุมของเสื้อผ้าผู้ชาย นะคะ แถม… ยังเจออยู่ใต้เตียงของคุณชายสองอีก ฉัน ก็เลยคิดไปเองว่ามันเป็นของคุณชายสอง”

ได้ยินแบบนั้น เสิ่นเฉียวก็ตากระตุก ใช่ เธอเกือบ ลืมไปแล้ว ว่านั่นเป็นกระดุมของผู้ชาย น้ำเสียงที่ร้อนรน ของเธอทำให้คนมองออก พอคิดได้ เสิ่นเฉียวข่มอารมณ์ ที่ปั่นป่วนอยู่ภายในใจเอาไว้ พูดด้วยเสียงต่ำว่า : “นั่น เป็นกระดุมที่หลุดออกมาจากชุดสูทที่ฉันซื้อให้พ่อ สำหรับ ฉันมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ขอรบถวนเธอช่วยติดต่อหา เสี่ยวหยู่ให้ทีได้มั้ย ช่วยฉันพาเธอกลับมา ?”

สาวใช้พยักหน้า : “คุณนายน้อยสอง เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะติดต่อให้ค่ะ”

จากนั้นเธอก็ไปโทรศัพท์ เหลือเพียงเสิ่นเฉียวยืน อยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว
ถึงแม้ในใจเธอจะยังกระวนกระวาย แต่ทว่ากลับไม่ กล้าที่จะแสดงออกมาให้เห็นบนใบหน้านั้นอีกแล้ว

รอจนใกล้จะสองนาที สาวใช้ก็โทรศัพท์เสร็จกลับ มา : “เสี่ยวหยู่ออกไปจ่ายตลาดค่ะ คุณนายน้อยสองกลับ ไปรอที่ห้องก่อนดีกว่านะคะ กว่าหล่อนจะกลับมาก็อีกเป็น ชั่วโมง ช่วงค่ำฉันจะให้หล่อนเอาไปส่งให้คุณนายน้อยนะ

คะ”

“โอเค”

ชวยจริงๆ

“คุณนายน้อยสอง ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะอยู่รอตรงนี้ด้วยตัวเอง รอเสี่ยวหยู่กลับมาแล้ว ดิฉันเอากระดุมมาได้ แล้วดิฉันจะรีบเอามาส่งให้คุณด้วย

ตัวเองดีมั้ยคะ?” ไม่มีวิธีไหนแล้ว เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากแน่นพร้อม พยักหน้า : “หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ฉันจะมาหาเธอ”

หลังจากกลับมาที่ห้อง เสิ่นเฉียวทนไม่ไหวส่ง ข้อความไปหาหานเส่โยว หานเส่โยวโทรกลับมาในทันที ถามไถ่เรื่องราวทั้งหมด หลังจากที่รู้ก็อดไม่ได้จึงด่าเธอไป หนึ่งประโยค : “เธอนี่มันไม่ฉลาดเอาซะเลย สาวใช้สอง คนนั้นเป็นคนของตระกูลเย่ เธอแสดงท่าที่ผิดปกติขนาด นั้น พวกหล่อนต้องเกิดความสงสัยขึ้นมาบ้างล่ะ”

เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากแน่น : “ตอนแรกฉันก็ประหม่า นิดหน่อย เลยทำใจให้สงบลงไม่ได้ ! ”

“เธอประหม่าอะไรของเธอ ? ไม่ว่าจะพูดยังไงเธอก็ เป็นคุณนายน้อยสองของตระกูลเย่ ตำหนิพวกหล่อนสักสองสามประโยค ถึงจะทำแข็งข้อขึ้นมาแต่พวกหล่อนก็ไม่ กล้าทำอะไรเธอหรอก แต่เธอตื่นตระหนกแบบนี้ มีแต่จะ ทำให้พวกนั้นมองออก”

หานเส่โยวถอนหายใจออกมาจากอีกฝั่ง : “เพื่อทำ แผนเลวร้ายที่สุด ฉันต้องไปเอากระดุมมาให้ได้ก่อนสาว ใช้คนนั้นจะกลับมา เอาข้อมูลทุกอย่างที่เธอรู้บอกฉันมาที่”

เสิ่นเฉียว : “จะเอามาได้เหรอ ? ข้อมูลที่ฉันมีมัน น้อยมากเลยนะ”

“เธออย่าดูถูกตระกูลหาน ความสามารถของพี่ชาย ฉันมีไม่น้อย เธอรอดูผลงานจากฉันได้เลย”

หลังจากวางสายไป เสิ่นเฉียวกำโทรศัพท์แน่น เหม่อลอยอยู่บนเตียง

ผ่านไปสักพัก เย่โม่เซินกลับมาถึงแล้ว เซียวซู่ดัน เขาเข้ามา เสิ่นเฉียวเหมือนวัวสันหลังหวะ พอเห็นเย่โม่เิ นก็รีบลุกขึ้นยืน จากนั้นก็มองไปที่เขาด้วยสายตาที่ผิดไป จากปกติ

เสิ่นเฉียวเป็นคนที่เก็บอาการไม่เก่ง มีอะไรก็จะ แสดงออกมาบนสีหน้า ไม่อาจเก็บเป็นความลับได้

ในจุดนี้ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันเย่โม่เซินเองก็รู้ เหมือนกัน เห็นเธอลุกขึ้นแล้วจ้องมาที่ตัวเขาอย่าง ประหม่าแบบนี้ แถมยังกำมือถือเอาไว้แน่น สายตาเลิกลัก แค่เห็นก็ทำเหมือนว่าไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรมา

เยโม่เซินขยับสายตาเล็กน้อย : “เธอกลับไปก่อน

ก็ได้นะ” เซียวซู่หยุดนิ่ง จากนั้นก็มองไปทางเสิ่นเฉียว”ถ้างั้นฉันไปก่อนนะคะ มีเรื่องอะไรคุณชายเยค่อยโทรมาหา ฉันนะ”

สิ่งที่เสี่ยเฉียวกลัวมากที่สุดเลยก็คือการที่ต้องมา อยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเย่โม่เซิน เผชิญหน้ากับเย่โม่เซิ นที่มีสายตาที่เยือกเย็นมองทะลุปรุโปร่ง เธอมักจะทำตัว ไม่ถูก มือไม้ไม่รู้จะเอาวางไว้ไหน

โทรศัพท์สั่น เห็นได้ชัดว่าได้ข้อมูลมาแล้ว แต่เสื่น เฉียวกลับยืนอยู่ตรงไหนไม่กระดิกไปไหน

เย่โม่เซินเข็นรถวีลแชร์ ค่อยๆเข้าไปใกล้ๆเธอ เสิ่นเฉียวกำมือถือเอาไว้แน่น ทำตาโตอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งเย่โม่เซินเข้ามาใกล้ เสิ่นเฉียวก็ก้าวถอย หลังไปสองก้าว สุดท้ายกันเธอก็ทิ้งลงไปนั่งบนเตียง

“หวาดกลัว ? ทำเรื่องไม่ดีอะไรมาล่ะ ? ”

“เปล่าค่ะ ไม่ได้ทำ”เสื่อเฉียวส่ายหัว : “คุณเพิ่ง

กลับมาคงเหนื่อยมากแล้ว ? เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้นะคะ” พูดจบเสิ่นเฉียวก็ลุกขึ้นจะเดินผ่านตัวเขาไป แต่ก็ ถูกเยโม่เซินห้ามไว้ก่อน

“เมื่อเข้าเธอออกจากออฟฟิศไปทำอะไรกันแน่ พูด มาตอนนี้ยังทันนะ”

ได้ยินดังนั้น ขาของเสิ่นเฉียวก็หยุดอยู่กับที่ทันที สายตามองต่ำลงไปที่เย่โม่เซินที่กำลังนั่งอยู่บนรถวีลแชร์

ที่แท้เขาก็กำลังสงสัยเรื่องนี้ ไม่ได้สงสัยอีกเรื่อง หนึ่งด้วยหรอกเหรอ ?

ถ้า….เธอเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างล่ะก็ ถ้างั้นคง.


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ